xs
xsm
sm
md
lg

ชายแดนไทยเขมรยังเดือด! ลูกฮุนเซนคุมทัพรบ มาร์คเพ้อถก2ต่อ2ที่อินโดฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุรินทร์ - ชายแดนปะทะเดือดเป็นวันที่ 3 สั่งอพยพชาวบ้านออกทั้งหมด “ฮุน มาเน็ต” ลูกชาย “ฮุน เซน”โผล่บัญชาการรบ ระดมอาวุธหนัก สั่งลุยครั้งใหญ่หวังยึด “ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม” แต่ถูกโต้จนถอยร่น ทหารเจ็บอีก 3 คาดเขมรตายเจ็บเพียบ "มาร์ค" เล็งถก"ฮุนเซน"ที่อินโดฯ ลั่นต้องมีแค่ 2 ประเทศ พธม.ฉะรัฐบาลหลงเกมแขมร์ เลขาฯยูเอ็นเรียกร้องหยุดยิง ขณะที่บิ๊กทหารฝ่ายไทยยังไปดูบอล!

วานนี้ (24 เม.ย.) ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นมา ทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปะทะกันอีกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายใช้อาวุธเบาและอาวุธหนัก ทั้งปืนอาก้า 47 ปืนเอ็ม 16 ปืนกล และปืน ค.ชนิดต่างๆ ยิงต่อสู้กันตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างรุนแรง ไล่ตั้งแต่บริเวณปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได และช่องกร่าง บ้านรุ่น (หนองตาเลิฟ) ต.บักได และปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จนถึงเวลา 12.00 น.เสียงปืนจากการปะทะกันก็ยังคงดังขึ้นตลอดเวลา

**พบ"ลูกชายฮุนเซน"คุมทัพรบเอง
 

จนเวลา 15.45 น.ทางทหารกัมพูชาได้ระดมกำลังทหารหน่วยรบพิเศษ 91 พร้อมอาวุธสงครามบุกเข้ายิงโจมตีทหารไทยทั้ง 3 พื้นที่อย่างหนักหน่วงรุนแรงเป็นระลอกๆ ในลักษณะส่งกองกำลังขึ้นมาจากที่ต่ำ หรือปีนหน้าผาขึ้นมาโจมตีที่มั่นทหารไทยในระยะประชิดแล้วถอยร่นกลับไปและปฏิบัติการต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

เวลา 16.30 น.การปะทะได้เพิ่มความดุเดือดขึ้นอีกครั้งเมื่อทหารกัมพูชา ซึ่งทราบว่ามี พล.ท.ฮุน มาเน็ต บุตรชายสมเด็จฯฮุน เชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ 91 เดินทางมาบัญชาการรบด้วยตนเองสั่งให้ทหารกว่า 100 นายบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม แต่ถูกทหารไทยยิงตอบโต้กลับไปอย่างหนัก ทำให้ทหารกัมพูชาต้องถอยห่างออกไปจากจุดแนวปะทะใกล้ปราสาทตาเมือนธม

**ไทยเจ็บอีก 3-คาดเขมรตายเพียบ
 

การปะทะกันครั้งนี้ทำทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อดิศักดิ์ บุงนาม ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก สังกัด ร.2341, พลทหารชิดพล พุทไธสง สังกัดร้อย ร.23 พัน 4 และอาสาสมัครทหารพราน (ทพ.)กรกต ดีดวงพันธ์ สังกัดร้อยทหารพราน 2606 ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ทั้งหมดถูกนำส่ง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ อ.พนมดงรัก ก่อนส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ และ รพ.สุรินทร์

ส่วนทหารฝ่ายกัมพูชาคาดว่า จะได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนาย เนื่องจากถูกทหารไทยระดมยิงถล่มด้วยอาวุธหนักเข้าใส่ที่หมายอย่างต่อเนื่อง

**ทหารสั่งอพยพชาวบ้านออกทั้งหมด
 

ขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ยังปักหลักอยู่ในหมู่บ้านตามแนวชายแดน และได้อพยพกลับเข้าไปในพื้นที่แล้วก่อนหน้านี้ต้องพากันอพยพหนีตายกลับไปอยู่ในที่ปลอดภัยกันอย่างวุ่นวายอลหม่านอีกครั้ง
ส่วนหมู่บ้านต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ อ.พนมดงรัก ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้สั่งให้ประชาชนอพยพออกจากหมู่บ้านเข้าไปพักอาศัยยังศูนย์อพยพช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งหมด ให้คงเหลือไว้เฉพาะชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งได้รับการแจกจ่ายอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านคอยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยและดูแลทรัพย์สินของประชาชนเพื่อป้องกันการถูกขโมย

**เปิดศูนย์อพยพเพิ่มอีกเป็น 22 แห่ง
 

ด้าน จ.สุรินทร์ ได้เปิดศูนย์อพยพผู้ประสบภัยสงครามชั่วคราวเพิ่มอีกรวมเป็นขณะนี้มีทั้งหมด 22 แห่งใน 3 อำเภอประกอบด้วย อ.พนมดงรัก กาบเชิง และปราสาท ล่าสุดมีผู้ประสบภัยพักอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพต่างๆ รวมประมาณ 23,000 คน ในจำนวนนี้มีศูนย์อพยพชั่วคราวขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ ที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.พนมดงรักและที่นิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์

ขณะที่นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนในศูนย์อพยพพร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สร้างหรือจัดหาห้องสุขาเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่าไม่เพียงพอกับผู้อพยพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานขอสนับสนุนรถสุขาเคลื่อนที่ของเทศบาลจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น เข้ามาสมทบช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ประชาชนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศูนย์อพยพผู้ประสบภัยสงครามชั่วคราวทั้ง 22 แห่งยังคงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะน้ำดื่มบรรจุขวดและห้องสุขา รวมถึงเครื่องใช้ส่วนตัวของสตรี และเด็กเล็กต่างๆ เช่น ผ้าอนามัย เป็นต้น

**เขมรเสริมอาวุธหนักเตรียมรบใหญ่
 

นอกจากนี้ ยังห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือชาวต่างด้าวเดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านตามแนวชายแดนใกล้จุดที่ปะทะหรือใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเด็ดขาด เพราะเกรงจะเป็นสายลับ แอบเข้ามาสอดแนมหาข่าวที่ตั้งอาวุธและกองกำลังทหารฝ่ายไทย

ทั้งนี้ เนื่องจากทหารไทยตรวจพบว่า ทหารกัมพูชาได้ระดมกำลังจำนวนมากพร้อมอาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่ รถถัง และเครื่องยิงจรวด BM 21 เข้ามาประชิดพื้นที่ชายแดนฝั่งตรงข้ามปราสาทตาควาย ช่องกร่าง และปราสาทตาเมือนธมเพิ่มขึ้นอีก คาดว่าจะเปิดการปะทะกันครั้งใหญ่ขึ้นในเร็วๆ นี้ และล่าสุดทหารไทยตรวจการณ์พบว่าทหารเขมรได้ปิดผ้าคลุมรถบรรทุกเครื่องยิงจรวด BM 21 แล้วรอเพียงคำสั่งอนุมัติในการยิงถล่มเข้าใส่ไทยเท่านั้น

**มาร์คยันตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตย
 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดการปะทะกัน 2 วันที่ผ่านมาโดยยืนยันว่า จุดยืนไทยชัดเจนไม่รุกรานใครก่อน เหตุเกิดจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา และพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่สากล สังเกตได้จากการที่กัมพูชาเคลื่อนไหวเร็วมาก ไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพื่อรักษาอธิปไตย ซึ่งการปฏิบัติชัดเจน อยู่ในกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ จะตอบโต้เฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกัมพูชาและชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังองค์กรระหว่างประเทศรวมถึงประธานอาเซียน

นายกรัฐมนตรี ยืนยันอีกว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพเต็มที่ การปะทะส่งผลให้เกิดการสูญเสียและต้องอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงออกมาเกือบ 3 หมื่นคน ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะมีการซักซ้อมไว้ก่อน

**รบ.เตรียมทุ่มงบสร้างหลุมหลบภัย
 

ต่อมาเวลา 14.00 น.นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยตอบโต้เป้าหมายทางทหารต่อกัมพูชาเท่านั้นและไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นใช้อาวุธก่อน ซึ่งรัฐบาลตะหนักดีว่า ราษฎรในพื้นที่เดือดร้อนและต้องการให้กำลังใจคนในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่

นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่าเหตุปะทะรวม 3 วัน มีทหารไทยบาดเจ็บ 25 ราย มีศูนย์อพยพ 22 ศูนย์ ราษฎรรวม 23,000 กว่าคน ส่วนข่าวที่มีผู้อพยพเสียชีวิตความจริงรายดังกล่าวมีอาการป่วยมาก่อน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งประชาชนในศูนย์อพยพตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่มีขวัญและกำลังใจดี ขอสนับสนุนอาหารการกินเพื่อความสมบูรณ์ในการดูแล พร้อมยืนยันมีงบประมาณเพียงพอรองรับการดูแลผู้อพยพ

นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามเกี่ยวกับงบจัดสร้างหลุมหลบภัยโดยนายอางอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คลังจะใช้งบประมาณพิเศษเข้ามาให้การสนับสนุน ยังอยู่ในการพิจารณาของกระทรวงการคลัง คาดว่าวันที่ 25 เม.ย.จะได้ข้อยุติเรื่องงบประมาณ

**มทภ.2 เผยปะทะ 3 วันตาย 4 เจ็บ 25
 

ด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุรสาคร มทภ.2 กล่าวในการประชุมทางไกลกับนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ทหารเสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 13 ราย วันที่ 23 เม.ย.มีทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 8 นาย และเหตุปะทะเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 เม.ย.มีทหารบาดเจ็บ 1 นาย สรุปรวมมีทหารเสียชีวิตทั้งหมด 4 นายบาดเจ็บ 25 ราย และยืนยันว่าทางกัมพูชาลงมือยิงมาก่อนทุกครั้งและทางกัมพูชาก็มีการเคลื่อนย้ายกำลังทุกวัน โดยกระสุนของทางฝั่งกัมพูชามี 7 นัดที่ตกลงมาใน 3 หมู่บ้านใน จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์

"หากมีการขยายพื้นที่ปะทะที่สุรินทร์ คงขยายอยู่ 2 จุดติดต่อทหารของกัมพูชาได้ แต่ทางนู้นเค้าบอกอำนาจตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาล เท่าที่ตรวจสอบทางทหารเค้าก็เตรียมอาวุธหนัก แต่ทางเราก็ได้เตือนไป สำหรับกำลังพลเพียงพอคิดว่ายังสามารถรักษาสถานการณ์ได้ที่ผ่านมาสามารถยับยั้งได้โดยตลอด" พล.ท.ธวัชชัย กล่าว

พล.ท.ธวัชชัย ยังกล่าวว่า จากข่าวมีการบอกว่าทหารอดอยาก อันนี้เป็นไปไม่ได้ โดยส่วนตัวเองได้ไปอยู่กับกองกำลัง อาหารการกินก็มีทุกอย่าง วันนี้ก็นำข้าวสารอาหารแห้งไปแจกเพิ่ม โดยทางกองทัพจะมีการสะสมอาหารประมาณ 5 วันไม่ทราบเอาข่าวจากไหนขึ้นมา เกรงว่าจะเกิดการเสียขวัญ

**กษิตนัดเขมรถกปมชายแดน 4-5 วัน
 

นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ขณะนี้ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาแล้ว และได้นัดกันว่าภายใน 4-5 วันนี้จะมีการหารือกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งทางอินโดฯก็ได้แสดงความห่วงใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไทยได้ยืนยันท่าทีอย่างชัดเจนว่า ไทยพร้อมที่จะเจรจากับกัมพูชาตลอดเวลา และที่ผ่านมาการดำเนินการทางทหารเป็นไปเพื่อป้องกันตัวเอง และจะจำกัดวงการปะทะไม่ให้ขยายกว้างขึ้น

นอกจากนี้ไทยได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปยังองค์การยูเนสโก และประเทศสมาชิกทั้งหมดแล้ว เพื่อให้ประชาคมโลกมั่นใจว่า ไทยต้องการที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาและพร้อมเจรจาทุกเมื่อ ฉะนั้นจึงขอวิงวอนผู้นำกัมพูชาให้นำเรื่องดังกล่าวขึ้นสู่โต๊ะเจรจา

**นายกฯเล็งถกเรื่องชายแดนกับฮุนเซน
 

เวลา 12.05 น.นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกครั้งขณะลงพื้นที่ จ.นครปฐมว่า ในช่วงที่ตนเดินทางไปร่วมประชุมสุดผู้นำอาเซียน หากเป็นไปได้ตนจะหาโอกาสหารือกับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ประเทศกัมพูชา ที่จะเดินทางไปร่วมประชุมในครั้งนี้เช่นกัน ในระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตนจะพูดขอให้ช่วยดูสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้อยู่ในความสงบและให้อยู่ในกรอบของการเจรจาต่อไป

"ผมขอย้ำว่าการเจรจาดังกล่าวที่จะมีขึ้นจะต้องเป็นการพูดคุยเพียงสองประเทศ คือ ไทยและกัมพูชาเท่านั้นจะไม่มีชาติใด หรือทวีปใดเข้ามายุ่งกับปัญหาชายแดนไทย-เขมร"

**พธม.ฉะรัฐบาลมาร์คหลงเกมเขมร
 

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องว่า สะท้อนให้เห็นว่าทางกัมพูชามีเจตนาอย่างชัดเจนที่จะใช้ผืนแผ่นดินไทยเป็นฐานที่มั่นในการประจัญหน้าเพื่อปะทะกับทหารไทยและทำร้ายราษฎรไทย จากเดิมที่อยู่ตีนหน้าผาฝั่งกัมพูชา ซึ่งไม่มีศักยภาพในการต่อสู้กับฝ่ายไทย แต่ปัจจุบันได้ส่งกำลังขึ้นมาอยู่ยอดหน้าผาในฝั่งไทย โดยหวังว่าการปะทะนี้จะนำไปสู่เวทีคณะมตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)หรือเวทีอาเซียน ซึ่งทางกัมพูชาได้เตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงเป็นการวางแผนและจัดฉากเพื่อให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงอย่างชัดเจน เพื่อให้ยูเอ็นเอสซีและอาเซียนเข้ามาดำเนินการให้เกิดการหยุดยิงถาวร โดยที่กัมพูชายังยึดครองแผ่นดินไทยอยู่

“หากไทยยังดำเนินเกมตามกัมพูชาอยู่จะตกอยู่ในสภาพถูกรุกฆาต ที่ไม่ว่าจะขยับทางไหนก็ต้องถูกกินเหมือนกัน คือ ถ้าไม่ผลักดันกัมพูชาออกไปก็ต้องปล่อยให้ถูกยึดครองดินแดนอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา หรือถ้าใช้กำลังปะทะก็ต้องตกหลุมพรางของกัมพูชาที่พยายามให้มีการส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาเพื่อให้หยุดิงถาวร”

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ด้วยสถานกาณณ์เช่นนี้ฝ่ายไทยมีทางเลือกที่จะรักษาอธิปไตยของชาติและสามารถที่จะเดินหน้าเอาชนะเกมการเมืองระหว่างประเทศด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1.ทหารไทยต้องใช้กำลังผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย โดยเฉพาะในจุดที่ล่อแหลมที่สามารถโจมตีทหารและทำร้ายราษฎรไทยได้

2.หากกัมพูชาไปร้องเรียนกับยูเอ็นเอสซี ฝ่ายไทยต้องเตรียมข้อมูลชี้แจงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้น โดยใช้แผ่นดินไทยในการสร้างสถานการณ์ พร้อมกับนำเสนอเอกสารย้อนหลังว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดเอ็มโอยู 2543 ในการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ซึ่งผิดเงื่อนไขเอ็มโอยู 2543 ข้อที่ 5 ถึง 125 ครั้ง ดังนั้น ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เนื่องจากมีการละเมิดข้อตกลง และ 3.เมื่อกัมพูชาไม่เคารพเงื่อนไข ไทยจึงมีสิทธิ์ในการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เมื่อทำทั้ง 3 ข้อแล้วหากต้องการให้เกิดการหยุดยิงถาวร หรือส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ก็ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น

**เลขาฯยูเอ็นเรียกร้องไทย-เขมรหยุดยิง
 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยและกัมพูชายุติการปะทะบริเวณชายแดน โดยขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด รวมทั้งให้มีการออกมาตรการเพื่อให้มีการหยุดยิงที่ได้ผล และสามารถตรวจสอบได้ในทันที

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทางทหาร และขอให้ไทยและกัมพูชาเริ่มเจรจาอย่างจริงจัง เพื่อหาหนทางยุติความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณเบื้องต้นถึงความคืบหน้าในการสนับสนุนกลไกระดับทวิภาคีในการรับมือกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ

ทั้งนี้ เหตุปะทะครั้งล่าสุดส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ และนับเป็นความขัดแย้งครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่มีการหยุดยิงตามคำเรียกร้องขององค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

**บิ๊กทหาร-ตำรวจยังไปเชียร์บอล!

รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ชายแดนไทยเขมร จะมีการปะทะกันไม่หยุดแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ประธานสโมสรสโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ด และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะประธานสโมสรอินทรีเพื่อนตำรวจ ก็ยังอุตส่าห์ไปชมฟุตบอลคู่ระหว่างสโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ดแข่งขันกับอินทรีเพื่อนตำรวจที่สนามกีฬากองทัพบก เมื่อเวลา 18.00 น. มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่มีน้องชายคือ นายพงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ น้องชาย ผอ.ฝ่ายเทคนิคทีมอาร์มี่ฯ ก็เดินทางมาชมด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น