กองทัพแจงเขมรรุกล้ำเขตปลอดทหาร หวังยึดปราสาทตาเมือนธมให้ได้เหมือนเขาพระวิหาร โดยเคลื่อนย้ายกำลังและหน่วยรถถังเข้ามาหนุนเต็มที่ ส่วนที่เขาพระวิหารเอาผู้หญิง เด็กและคนแก่ขึ้นไปเป็นโล่กำบังการโจมตี เผยทหารไทยบาดเจ็บ 17 นาย เสียชีวิต 4 นาย อพยพประชาชน 27,000 คน ยืนยันขวัญกำใจและกำลังบำรุงดีไม่ขาดแคลน วอนผู้ตั้งใจช่วยบริจาคให้พื้นที่น้ำท่วมดีกว่า ยืนยันเจรจาทวิภาคีแก้ปัญหาขัดแย้ง
เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงผ่านรายการจับประเด็นข่าวร้อน ทางโทรทัศน์ช่อง 5 ต่อเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย ตาเมือนธม ใน 3 ประเด็น คือ สาเหตุการปะทะ, รายละเอียดการปฏิบัติการ และแนวทางการดำเนินการในอนาคต
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า สาเหตุของการปะทะกันนั้นเนื่องมาจากในพื้นที่ดังกล่าวปกติไทยและกัมพูชามีข้อตกลงระหว่างกัน เนื่องจากพื้นที่บริเวณปราสาทตาควายยังมีความไม่ชัดเจนในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน ดังนั้นจึงถือว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเขตปลอดทหาร หรือ No man's land จะไม่มีทหารของฝ่ายใดอยู่ ห้ามเอาอาวุธเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ถ้าจะเข้าไปก็ต้องเข้าไปพร้อมๆ กัน ซึ่งที่ผ่านมาทหารไทยกับกัมพูชาได้ยึดถือมาโดยตลอด
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกัมพูชาได้ส่งกองกำลังขึ้นไปดัดแปลงเป็นฐานที่มั่นในบริเวณดังกล่าว ทหารไทยจึงจัดชุดลาดตระเวนเพื่อเข้าไปแจ้งเตือน แต่ถูกทหารกัมพูชายิงใส่ เราจึงต้องตอบโต้โดยเริ่มด้วยกระสุนปืนเล็ก และพัฒนาจนเป็นเป็นปืนใหญ่ ในวันแรกของการปะทะเริ่มจากช่วงเวลา 06.30 น.ถึงเวลาประมาณ 10.00 น. การปะทะกันในวันที่สองเริ่มช่วง 06.15 ถึงเวลาประมาณ 11.00 น. เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นทางผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตั้งแต่รับมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ผู้บัญชากรทหารบก (ผบ.ทบ.) และแม่ทัพทุกระดับ ได้พยายามติดต่อกับทางกัมพูชาอยู่ตลอด
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า วันนี้ทหารกัมพูชาได้รวบรวมกำลัง หน่วยรถถัง โดยได้โยกย้ายกำลังจากเขาพระวิหารมาที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย โดยมีจุดมุ่งหมายพยายามเข้ายึดปราสาทตาเมือนธม โดยที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหารนั้นทางกัมพูชาพยายามแจ้งว่าพื้นที่อื่นปะทะไม่เป็นไร แต่อย่าปะทะกันที่พื้นที่เขา พระวิหาร นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกส่วนหนึ่งระบุว่า มีการนำเอาราษฎร พลเรือน ทั้งผู้หญิง เด็ก และคนชราขึ้นไปอยู่บนปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อป้องกันการโจมตี ขณะที่ทางกัมพูชาได้ยั่วยุให้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดน
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ทางกองทัพไทยได้ยึดมั่นข้อตกลงทั้งระดับประเทศ และระดับทหารในพื้นที่ โดยเรายึดมั่นใน 4 เรื่อง คือ ไม่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตอบโต้เท่าที่จำเป็น จำกัดการปะทะให้อยู่เฉพาะในพื้นที่ และเป้าหมายคือ เป้าหมายทางทหารเท่านั้น ไม่มีการใช้กระสุนแก๊สพิษ หรือบินรุกล้ำน่านฟ้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลให้กองทัพปกป้องอธิปไตย โดยอยู่บนพื้นฐานของเอ็มโอยู 2543 ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ทางทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 17 นาย และเสียชีวิต 4 นาย ซึ่งจำนวนใกล้เคียงกันกับทางฝ่ายกัมพูชา ซึ่งผู้ที่เสียสละพลีชีพได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติ ทางกองทัพไทยได้ดูแลด้านสวัสดิการอย่างเต็มที่ และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเราปล่อยไว้ไม่ดำเนินการ ทางกัมพูชาจะเข้ายึดพื้นที่เหมือนกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งการเกิดปัญหาในวันนี้ดีกว่าปล่อยให้บานปลายและเรื้อรังต่อไปในอนาคต
ส่วนกรณีเรื่องความเป็นอยู่ของกำลังพลที่ปฏิบัติการในพื้นที่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า อาหารการกินมีครบถ้วนเป็นอย่างดี ขวัญกำลังใจดี ส่วนประชาชนที่ต้องการจะ บริจาคช่วยเหลือทั้งเงิน และสิ่งของ ทางกองทัพขอขอบคุณ แต่ยืนยันว่ายังมีขีดความสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ อยากจะขอวิงวอนให้บริจาคแก่ผู้ประสบอุทกภัยใน หลายๆภาคในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ทหารได้เข้าไปช่วยซ่อมถนน และบ้านพักให้แก่ผู้ประสบภัย ซึ่งจะสามารถบริจาคผ่านทางกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย 4 เหล่าทัพ หรือภาคเอกชนอื่นๆ ได้
ทางด้านการดูแลผู้อพยพ จำนวน 27,000 คนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว โดยในจังหวัดสุรินทร์มีพื้นที่ปลอดภัย 22 จุด และบุรีรัมย์ 6 จุด ซึ่งทางกองทัพยึดถือความ ปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งยืนยันพื้นที่ปลอดภัยนั้นอยู่ห่างแนวปราสาทมากเพียงพอ
ทางกองทัพไทยให้เกียรติเคารพอธิปไตยของกัมพูชา แต่ขณะเดียวกัน เราก็รักอธิปไตย บูรณภาพของเราเหมือนกัน การใช้กำลังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สุดท้ายต้อง จบที่การเจรจา ทางกองทัพมั่นใจว่าทางกัมพูชาจะเห็นถึงความจริงใจของกองทัพไทยในการแก้ปัญหาตามแนวชายแดน และหันหน้ามาคุยกันแบบทวิภาคี ซึ่งเราทั้งสองประเทศต่างรู้ปัญหากันดีกว่าคนอื่น