“เทพเทือก” ปัดข่าวทหารไทยถอยร่นระหว่างปะทะเขมร ยันกองทัพไทยไม่มีถอย ยังยึดมั่นพื้นที่ เผย ผบ.ทบ.-แมทัพภาคที่ 2 ประกาศชัดแรงมาก็แรงไป ย้ำยึดแนวทางเจรจา ส่วนสถานการณ์จะสงบหรือไม่ อยู่ที่ “ฮุนเซน” เชื่อไม่โยงสถานการณ์การเมืองในประเทศ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะพูดถึงการพึ่งบริการ “นช.แม้ว” รับยังไม่รู้หากประธานอาเซียนเป็นคิวกัมพูชาจะทำอย่างไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาที่มีมาตลอดต่อเนื่อง 3 วันว่า ได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และเสนาธิการทหารบกตลอด ซึ่งมาถึงวันนี้ยืนยันว่าประเทศไทยและรัฐบาลไทยตั้งใจที่จะให้มีการเจรจาแก้ไขปัญหากันโดยสันติวิธี ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล สำหรับกองทัพก็มีหน้าที่ดูแลปกป้องอธิปไตยของประเทศ กองทัพไทยไม่ได้ไปรุกรานกัมพูชา ไม่ได้ส่งทหารรุกล้ำเข้าไปในกัมพูชา แต่เมื่อทางกัมพูชาล่วงล้ำอธิปไตยของไทย ทหารไทยก็มีหน้าที่ที่จะต้องสู้รบ ตอบโต้ และการตอบโต้ของทหารก็ต้องทำอย่างเข้มข้น แข็งแรง
“ผมได้ซักถามทางกองทัพ กรณีที่มีข่าวว่าทางกัมพูชาตั้งใจจะบุกเข้ามายึดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งผมได้รับการยืนยันจากทางกองทัพว่า กองทัพไทยไม่ได้ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ขยับเขยื้อนกองกำลังทหารที่เคยตั้งมั่นอยู่บริเวณชายแดนไปไหนเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และมั่นใจว่าจะปกป้องอธิปไตยของประเทศได้”
ส่วนที่ทางทหารกัมพูชาอ้างว่าการตัดสินใจใดๆ ในการดำเนินการบริเวณชายแดนนั้น อยู่ที่ผู้นำรัฐบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กรณีเช่นนี้นายกรัฐมนตรีของไทยสามารถยกหูโทรศัพท์พูดคุยหรือเคลียร์กับนายฮุนเซนได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้คงต้องให้เวลา และตนก็ไม่อยากจะพูดจาให้เป็นเรื่องกระทบกระเทือนกันมาก แต่ก็อยู่ที่เจตนารมณ์ของฝ่ายผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่าประสงค์จะให้สถานการณ์ยุติลงอย่างไร แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้พูดจาผ่านทั้งทางสื่อ และกระบวนการทูตไปแล้วว่าเราต้องการเจรจา ประเทศไทยต้องการอยู่ร่วมกับทางกัมพูชาอย่างสันติ ก็ต้องอยู่ที่ทางกัมพูชาจะตัดสินใจอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรี บอกว่าจะให้ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายตั้งรับหมายความว่าอย่างไร และตั้งรับแบบไหน นายสุเทพกล่าวว่า คงแปลกันผิดมากกว่า เพราะเราก็รักษาบ้านของเรา รักษาแนวเขตของประเทศไทยไม่ให้เขาบุกรุก นั่นคือการตั้งรับอย่างที่นายกฯ พูดไว้ แต่มีบางคนอาจคิดว่าทำไมเราไม่บุกเขาบ้าง อย่างนี้คงไม่ใช่
เมื่อถามว่ากองทัพภาคที่ 2 ขอเสริมกำลังด้านเขาพระวิหาร และทางกองทัพบกยังไม่ให้โดยบอกว่านายกฯ สั่งให้ไทยตั้งรับ รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่เป็นความจริงเพราะนายกฯ คงไม่เข้าไปก้าวล่วงในวิธีการที่จะวางกำลังตรงนั้นตรงนี้ เพราะเป็นเรื่องยุทธวิธีทางทหาร เราเป็นฝ่ายพลเรือน คงไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงขนาดนั้น สิ่งที่นายกฯ ต้องการคืออยากให้ทั้งโลกได้ประจักษ์ว่าไทยไม่ใช่ผู้รุกราน
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวโน้มของสถานการณ์มีอะไรบอกเหตุหรือไม่ว่าฝ่ายกัมพูชาจะเปิดโจมตีตลอดแนว นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุ แต่เราก็ไม่ได้ประมาท ตนได้ซักถามทั้ง ผบ.ทบ.และแม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว เขายืนยันว่ากองทัพพร้อมที่จะปกป้องและถ้าทางกัมพูชาไม่โจมตีเรามา เราก็ไม่ทำอะไร แต่ถ้าเขาโจมตีมาเราก็ต้องตอบโต้ เขาใช้คำว่า ถ้าเขาแรงมาเราก็แรงไป นี่คือคำพูดทหาร เมื่อถามว่าทำไมเราไม่ปิดพรมแดนตรงบริเวณที่มีนักพนันข้ามไปที่บ่อน รองนายกฯ กล่าวว่า เรายึดหลักมาตลอดว่าหากมีปัญหาที่ชายแดน ก็จะไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ต่อข้อถามว่ารัฐบาลและกองทัพประเมินกันหรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาสงบไประยะหนึ่งแล้ว แต่ทำไมถึงมาเกิดเหตุปะทะในช่วงระยะนี้ เกี่ยวเนื่องโยงกับสถานการณ์การเมืองภายประเทศไทยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้โยงเรื่องสถานการณ์ชายแดนกับการเมืองภายในของประเทศไทย ไม่เกี่ยวกัน เชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาก่อเหตุการณ์โจมตีในช่วงนี้ นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ประเมินในลักษณะนั้น เพราะถ้าประเมินหรือพูดจาไปจะยิ่งทำให้เข้าใจผิดกันมากขึ้น เอาว่าเราได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเราปรารถนาจะให้เหตุการณ์ชายแดนยุติโดยเร็ว และปรารถนาให้ไทยและกัมพูชานั่งลงเจรจากัน อย่างไรก็ตาม หากกัมพูชายังไม่มีท่าทีตอบรับการเจรจาทวิภาคีเราก็ ตรึงสถานการณ์ดูแลรักษาอธิปไตยของเราไว้ และหาลู่ทางในการที่จะเจรจากันต่อไป
ส่วนการประชุมอาเซียนซัมมิตช่วงต้นเดือน พ.ค.จะช่วยอะไรได้หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ไปถึงตอนนั้นคงมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกันมากขึ้น เมื่อถามว่าวันเดียวกันนี้ทางประธานอาเซียนจะเดินทางไปเยือนกัมพูชาและจะมาไทยด้วย น่าจะทำให้เหตุการณ์สงบขึ้นหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เราก็ต้องคาดหวังในทางที่ดีว่าในที่สุดก็ต้องสงบ
“สงครามโลกเขาก็ยังยุติกันได้ สงครามต่างๆ จะยุติลงได้ในที่สุดก็ต้องด้วยการเจรจาทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนในขณะนี้ก็คงมีบ้างที่ต้องยืดเยื้อต่อไปอีกในระยะนี้ แต่จะยืดเยื้อไปถึงหลังเลือกตั้งหรือไม่ เราก็พยายามจะให้สงบโดยเร็วที่สุด อยากจะให้มีการเจรจาด้วยกันทั้งสองฝ่ายแบบทวิภาคีโดยเร็วที่สุด แม้กัมพูชาจะพยายามให้ชาติอื่นมาร่วมการเจรจาด้วย แต่เราก็ต้องพยายามต่อไป ทุกแห่งในโลกที่เกิดกรณีพิพาทก็เป็นอย่างนี้ทุกแห่ง ก็ต้องพยายามต่อไป เรายังยืนยันที่จะเจรจาทวิภาคี เฉพาะไทยกับกัมพูชา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิวต่อไปประธานอาเซียนจะเป็นของฝ่ายกัมพูชา ทางไทยจะทำอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า อย่าเป็นทุกข์เป็นร้อนไกลไปถึงขนาดนั้น ต้องว่าไปทีละขั้น ซึ่งขณะนี้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเป็นประธานอาเซียนอยู่ เมื่อถามว่าการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกกลางเดือน มิ.ย.ควรเลื่อนไปก่อนหรือไม่ เพราะมีการปะทะกันอย่างรุนแรง นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามเรื่องการเจรจากับมรดกโลก
ผุ้สื่อข่าวถามว่า การที่กัมพูชาจะเข้ามายึดปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธมเกี่ยวเนื่องกับการที่จะมีการเจรจาประชุมยูเนสโกหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ทราบจะตอบอย่างไรจริงๆ แต่ในพื้นที่บริเวณนี้ฝ่ายไทยได้ดูแลยึดครองมาก่อน และดูแลพื้นที่เหล่านี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ด้านปราสาทพระวิหารล่าสุดยังไม่มีรายงานการเคลื่อนไหวอะไร ยังสงบอยู่ ไม่มีการปะทะกัน
ส่วนข่าวกัมพูชามีการเสริมกำลังคึกคักบริเวณเขาพระวิหารนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่เห็นรายงานอย่างนั้น ต่อข้อถามว่า มีรายงานหรือไม่ที่ทหารกัมพูชามีการใช้สตรี เด็ก เข้ามาอยู่ในแนวเขตฐานที่ตั้งทางทหารเพื่อเลี่ยงการโจมตี นายสุเทพกล่าวว่า รายละเอียดให้ถามทางกองทัพดีกว่า โฆษกกองทัพจะชี้แจงให้ทราบตลอดเวลาเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ทราบข้อเท็จจริงตลอดเวลาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีใครที่จะประสานกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ยังเหนื่อนอยู่ เมื่อถามอีกว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจะถือเป็นบุญคุณกับรัฐบาลนี้หรือไม่ นายสุเทพหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยว ตอบแล้วไม่ถูกใจคนถาม
ต่อข้อถามว่าคิดว่าปัญหาทั้งหมดสืบเนื่องมาจากกรณีของนายฮุนเซนเพียงคนเดียวหรือไม่ ที่ทำให้เกิดการปะทะกัน นายสุเทพกล่าวว่า คงเป็นเรื่องของรัฐบาลกัมพูชา จะว่าเป็นคนเดียวคงกล่าวหาเขาไป แต่เมื่อมีเหตุการณ์ก็ต้องกระทบเศรษฐกิจของประเทศและการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของประชาชนทั้งสองประเทศโดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ต้องอพยพ
ส่วนที่กัมพูชาพยายามชี้แจงต่อชาวโลกว่าฝ่ายไทยใช้แก๊สพิษ ใช้เครื่องบินขับไล่โจมตี จะชี้แจงอย่างไรนายสุเทพกล่าวว่า โลกคงไม่เชื่อ เพราะวันนี้สื่อมวลชนก็อยู่ทั้งในกัมพูชาและไทยก็เห็นกันอยู่ และโดยนิสัยใจคอของคนไทย เราไม่ใช่ชาติที่โหดร้ายทารุณ ไปทำอะไรที่ผิดกฎบัตร พูดอย่างไรโลกก็ไม่เชื่อ