xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ทหารกับในหลวงของเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธาริต เพ็งดิษฐ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “ขอประณามการกระทำของบุคคลทั้งสาม "นั่นคือถ้อยสุดทนของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก หลังจากกองทัพบกแจ้งความต่อตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับแกนนำนปช.ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

“ กองทัพบกตรวจสอบพบว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เมษายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายวิเชียร ขาวขำ และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ จัดการชุมนุมครบรอบ 1 ปี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการพูดจาเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กองทัพบกได้ร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลทั้ง 3 คน โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานพระธรรมนูญ กองทัพบกให้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ ( สน.) สำราญราษฎร์” โฆษกกองทัพบก อธิบายพฤติกรรมซ้ำซากของ แกนนำ นปช.

อันที่จริงคน 60 ล้านคนทั้งประเทศรู้เรื่องเหล่านี้มานานแล้ว ผ่านอินเตอร์เน็ต พูดคุยกันเอง แม้กระทั่งแท็กซี่เสื้อแดง ยังไม่มีใครอยากจะเรียกใช้บริการ

เพราะคนทั่วไปต้องการให้ไปบริการรับส่งคนของทักษิณโดยตรงมากกว่า โดยไม่ต้องมารับบริการคนไทยอื่นๆ

แม้กระทั่งวงสนทนากาแฟ ก็ไม่เว้น

ในที่ลับ ไม่มีใครไม่รู้ว่าแกนนำนปช. และทักษิณพูดถึงในหลวงอย่างไร ??

แต่คนไทยอื่นส่วนอื่นๆรับรู้มานานจนสุดจะเอือมระอากับพวกแดงสามานย์ทั้งครอบครัว

หลายคนถึงบอกกับตัวเองว่า ความไม่ยุติธรรมจะเกิดหลังจากแกนนำ นปช.ได้รับการประกันตัว

หัวใจของคนหลายคนสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรม และวิธีการปรองดองของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

คนเดินสายปรองดอง และเป็นพยานให้แกนนำ นปช. ออกมากระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ต่างกับการทำหน้าที่ของกองทัพบก ที่ส่งทหารไปแจ้งความเอาผิด จนทำให้เกิดผลสะเทือนมากมาย

 “ การที่ทุกคนกล่าวอ้าง นำเรื่องนั้นไปผูกโยงกับเรื่องนี้ ทำให้สถาบันฯเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิตของผมว่า สถาบันฯไม่เกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้ผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ก็จงไม่ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าในปีนี้เป็นปีมหามงคล สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทำให้บ้านเมืองปลอดภัย สงบสุข อย่าเป็นเหมือนเมื่อสองปีที่ผ่านมา ใครที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องในการใช้ความรุนแรง นำคนเข้ามาทำให้เกิดความเดือดร้อน บาดเจ็บ สูญเสีย น่าจะต้องรับผิดชอบ” คำอธิบาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ภายหลังเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์
ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงึความเลวของจตุพร และแกนนำคนอื่นๆว่า “คนทั้งประเทศต้องช่วยดูแลและขัดขวางไม่ให้คนกลุ่มน้อยพวกนี้ออกมาพูดจาให้ร้ายอีก ผมพูดถึงทุกกลุ่มไม่ว่าใครก็แล้วแต่ สิ่งที่ทำไปนั้นจะสนองกลับโดยเร็ววัน พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเราเคารพนับถือ การที่ท่านพูดจาไม่ชัดเจน แต่รู้ว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ” 

"คิดว่าคนพวกนี้ไม่มีวันเจริญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ให้ระวังตัวไว้ให้ดี ทั้งความผิดตามกฎหมาย และประชาชนจะต่อต้าน”

หลังจากการแสดงท่าทีอย่างงชัดเจนของผู้บัญชาการทหารบก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย “ธาริต เพ็งดิษฐ์”  อธิบดีดีเอสไอ อธิบายว่า ขณะนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ นายจตุพร  พรหมพันธุ์  ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และพวกรวม 18 คน จากกรณีที่มีการปราศรัยล่วงละเมิดสถาบันฯ ในการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา  โดยหน่วยงานที่ร้องทุกข์มีทั้งกรมทหารพระธรรมนูญที่เข้า ร้องทุกข์กับสน.สำราษฎร์และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องต่อมาที่ดีเอสไอ เนื่องจากเป็นคดีพิเศษในความรับผิดชอบโดยตรง

นอกจากนี้ยังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษจากพล.ต.ต.อำนวย  นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในนามของนครบาล  ตลอดจนการร้องทุกข์จากภาคประชาชน 

“ที่ประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานมากพอที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับนายจตุพร และพวกรวม 18 คน”

ผู้ที่จะถูกออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนในคดีการกระทำผิดล่วงละเมิดต่อสถาบันจำนวน 18 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ , น.พ.เหวง โตจิราการ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายก่อแก้ว พิกุลทอง , นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ , นายการุณ โหสกุล , นายยศวริศ  ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท , นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์  ,นายชินวัฒน์ หาบุญพาด , นายวิเชียร ขาวขำ  ,นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์  , นายขวัญชัย ไพรพนา , นายนิสิต สินธุไพร ,จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ,นายวรวุฒิ  วิชัยดิษฐ์ , นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ และนายสมชาย ไพบูลย์  

นอกจากนั้น ดีเอสไอ ยังหอบหลักฐานเข้ายื่นคำร้องขอถอนประกัน 9 แกนนำนปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายนิสิต สินธุไพร, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายขวัญไชย ไพรพนา หลังจากที่ทั้ง 9 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอาญา ในคดีก่อการร้าย อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบัน และมาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่นให้มีการล่วงละเมิดกฎหมาย

ความหนักแน่นและเอาจริงเอาจังของ “กองทัพบก” ยังถูกสำทับด้วยการตบเท้าเตรียมพร้อมออกศึกของทหารรักษาพระองค์

การแสดงความพร้อมครั้งนี้ จัดขึ้นที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ( ร.11 รอ. ) โดย พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.)  ได้ตรวจแถวกำลังพล จาก 1 กองบังคับการกรมทหารราบ และ 2 กองบังคับการกองพันทหารราบกำลังพลรวม 3 กองพัน ประมาณ 1,100 นาย

“พล.1 รอ. และ ร.11 รอ. เป็นหน่วยกำลังหลักของกองทัพภาคที่ 1 มีภารกิจมากมาย ทั้งการป้องกันภัยคุกคามทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งการรักษาความสงบเรียบร้อย ขอให้ตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นทหารรักษาพระองค์ เพราะเรายอมได้แม้กระทั่งเสียสละชีวิตเพื่อความมั่นคงของประเทศและความผาสุกของประชาชน นั้นคืออาชีพทหาร” พล.ต.กัมปนาทกล่าวให้โอวาทกำลังพลด้วยความหนักแน่น

“ผมมาที่นี่ก็เพื่อมาเน้นย้ำ ทหารคือผู้ที่บูชารักษาเกียรติยศมากกว่าเงินตรา ที่สำคัญผมต้องการให้ทุกท่านได้ยึดมั่นในสัจจะ วาจาที่พวกเราไปถวายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกวันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี ที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา”

คำให้โอวาทของ พล.ต.กัมปนาท ไม่ต้องแปลความหมายมากนัก ทุกคำพูดบ่งบอกเจตนาในตัวอยู่แล้ว

“พล.1 รอ. คือทหารของพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นทุกท่านต้องพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทันที เพราะทหารทุกคนต้องผ่านพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ คือ การปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล  6 ประการ”

พล.ต.กัมปนาท พูดแทงใจดำคนบางคนว่า ขอให้ท่านเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยในคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ขอให้เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาทุกคนคิดเหมือนกัน ผบ.ทบ.คิดอย่างไร ผบ.พล.1 รอ. คิดอย่างนั้น และปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ต้องคิดลังเล ขอให้เชื่อมั่นแบบนั้น

“พล.1 รอ. เป็นกำลังรบหลักของกองทัพบก เรามีระบบเตรียมพร้อมปฏิบัติการภายใน 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 3 ชั่วโมง และอย่างช้าไม่เกิน 4 ชั่วโมง เรามีหน้าที่เตรียมกำลังและใช้กำลัง ผู้บังคับบัญชาใช้กำลังเมื่อไร สามารถส่งกำลังให้กับผู้บังคับบัญชาได้ทันที” คำให้โอวาทของผู้บัญชาการถูกตีความไปเรื่องไกลถึง “ความพร้อมยึดอำนาจรัฐประหาร”

แต่หากการกระทำเช่นนั้นเพื่อปกป้อง “ในหลวง” และสถาบันพระมหากษัตริย์ หลายคนเชื่อว่า การเตรียมวันนี้ คือคำตอบ

“พล.ร 1 รอ.ยืนยันว่าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ผบ.ทบ.สั่งอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ยืนยันอย่างนั้น ผมรู้หน้าที่ผมว่าทำอะไร ยืนยันว่ารับผิดชอบในการเตรียมกำลังให้ท่าน และไม่ใช่เป็นการขู่ เป็นเพียงการทำหน้าที่ไปตามปกติ”พล.ต.กัมปนาทยืนยันการเตรียมพร้อมกำลังทหาร

ไม่ต้องตีความมาก แต่การปราศัยของพวกแกนนำนปช. ตอกย้ำความจริงอันยาวของ “คนเลวพันธุ์เสื้อแดง”

ลองนึกอีกครั้งว่า หากคนพวกนี้ เดินเข้าสภาด้วยตำแหน่ง ส.ส. แล้วจะต้องเข้าไปถวายสัตย์ปฏิญานต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากเคยเผาเมืองไทยมาแล้ว และยังพูดปราศัยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนกองทัพบกต้องร้องทุกข์แจ้งความ

เป็นภาพที่ทำลายหัวใจคนไทยทั้งประเทศมากที่สุดในรอบหลายปีทีเดียว

หากภาพเช่นนั้นเกิดขึ้น หลายคนเชื่อว่า อาจจะเผาพรรคเพื่อไทย ถล่มวังจันทร์ส่องหล้า กันให้แหลกไปข้างหนึ่ง

“อยากให้ทุกคนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อปี 2552-2553 จะเห็นว่ากลุ่มใดเป็นคนเริ่มก่อนทำให้บ้านเมืองเป็นทะเลเพลิง ผมไม่กลัวคนที่บอกว่าจะมาสู้รบ เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะมาสู้รบไม่ได้ ผมถือกฎหมายอยู่ อย่าผิดกฎหมายก็แล้วกัน”

"ทหารจำเป็นต้องทำงานกับรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ถ้ารัฐบาลสั่งการชอบโดยกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองก็ต้องทำ รัฐบาลไม่เคยสั่งให้ไปฆ่าคน หรือให้ทหารไปฆ่าใคร แต่เป็นการจลาจล ขอให้ท่านไปทบทวน ผมไม่โทษใคร ไปดูในภาพว่าใครเป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้นต้องมีกระบวนการยุติธรรมเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหา" พล.อ.ประยุทธ์ ตอกย้ำบทบาทของทหาร

แต่มีคำถามตัวโตถึงรัฐบาลว่า “ ทำอะไรที่เป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากพบข้อมูลการปราศัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.”

ไม่ต้องพูดถึงการฉวยจังหวะทางการเมืองของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย...จนกลายเป็นลิเกหลงโรง มากกว่าพระเอกลิเกลหลงบท !!
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์
กำลังโหลดความคิดเห็น