ASTVผู้จัดการรายวัน- "ประยุทธ์" ย้ำกองทัพอึดอัดที่เสื้อแดงจาบจ้วงสถาบันฯไม่เลิก อ้างที่ผ่านมาปล่อยเพราะถือว่าเป็นการให้โอกาส กลับตัวกลับใจ แต่ไม่รู้สำนึกจึงต้องแจ้งจับ สั่งกำลังพลห้ามแสดงพลังนอกหน่วย ขอให้นิ่ง พร้อมติงพรรคการเมืองไม่ควรดึงสถาบันฯ มาเป็นเครื่องมือหาเสียงเพื่อประโยชน์ตัวเอง ด้าน"ไอ้ตู่" จวกผบ.ทบ.ปลุกกระแสหวังบั่นทอนพลังคนเสื้อแดง "เด็จพี่"โวยทหารจะใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขปฏิวัติ
วานนี้ (20 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงว่า ที่สุดแล้วคงเป็นเรื่องของศาลยุติธรรม เพราะขณะนี้ได้ดำเนินการในขั้นต้นไปแล้ว ซึ่งตนไม่อยากให้ทุกคนไปเข้าใจว่าเราทำเพื่อการเมือง เพราะถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไร เราก็ต้องทำเมื่อนั้น ที่ผ่านมาเราให้โอกาสมาพอสมควรแล้ว ทั้งเตือน ทั้งปรามก็แล้ว ก็ยังมีการพูดจาหมิ่นกันอยู่ ซึ่งมันไม่ควร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การหาเสียงทางการเมืองมีวิธีมากมาย ทั้งนโยบายที่ดูแลประชาชนขอให้ทำให้ได้ก็แล้วกัน ไม่เห็นต้องมาแตะต้องสถาบันฯเลย จะเอาสถาบันฯ ลงมาทำไม ในส่วนของทหารก็เป็นมิตรกับประชาชน มีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ปกป้องสถาบันฯ อยากให้เข้าใจว่า ตนไม่ได้ไปทำเพื่อให้สอดคล้องกับใคร ไม่ต้องการให้เกิดผลประโยชน์กับพรรคการเมืองใด ตนทำเพื่อสถาบันฯ ในฐานะที่เป็นทหารรักษาพระองค์
** อ้างที่เคยอยู่เฉยเพราะถือว่าให้โอกาส
ทั้งนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ทำเมื่อก่อนนี้ ตนถือว่าตนให้โอกาส ไม่อยากลงไปยุ่งเกี่ยว เพราะรู้ว่าเป็นความขัดแย้ง ถ้าลงไปยุ่งเกี่ยวมากๆ จะกลายเป็นว่าตนจะเข้าไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยอมไม่ได้ เพราะคนทั้งประเทศรู้เห็น ว่าการพูดจาเป็นอย่างไร แต่จะผิดจะถูก ขึ้นอยู่กับศาลเป็นผู้พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่างไร ตนคงทำหน้าที่ได้เท่านี้
เมื่อถามว่าจะเรียกร้องให้ประชาชนออกมาปกป้องสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนมีความคิดเห็น ออกมาพูดคุยว่าไม่อยากให้การเมือง หรืออะไรต่างๆ เอาสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง อยากให้สถาบันฯ อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเมือง
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองบางพรรคเอาสถาบันฯ มาหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของ กกต.และรัฐบาล ก็ว่ากันไป ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี เมื่อถามว่าสถาบันฯ เป็นสิ่งที่ไม่ควรดึงลงมาหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ได้หมายความอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้กำลังพลในกองทัพ รู้สึกอึดอัดที่ดึงสถาบันฯ ลงมาเกี่ยวข้องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่อึดอัดตนก็คงไม่ออกมาฟ้องร้อง นี่ก็คงอึดอัดแล้ว และอย่าเอาทหารไปเป็นศัตรูกับใคร ทหารจะทำหน้าที่ของทหาร ตนทำหน้าที่ในฐานะเป็นพลเมือง ไม่ใช่ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เป็นคนหนึ่งที่อยากปกป้องสถาบันฯ จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี
**ห้ามทหารแสดงพลังนอกหน่วย
เมื่อถามว่าจะดำเนินการบางอย่างนอกเหนือจากแจ้งความคดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “แล้วจะให้ผมทำอะไร ผมทำไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย ผมทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะเราเป็นทหาร มีระเบียบ วินัย ทำอย่างอื่นไม่ได้ ทหารก็ต้องอาศัยกฎ กติกา ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย นอกกฎหมายไม่ได้ ถ้าผมทำผิดกฎหมายเองแล้วจะไปว่าใครเขาได้ ผมก็ทำได้เพียงแค่ห้ามปราม ตักเตือนลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ว่า ขอให้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่คนส่วนใหญ่นั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่เหลือด้วย ผมได้เตือนและห้ามลูกน้อง เพราะถ้าไม่ห้าม ลูกน้องก็ไม่พอใจเหมือนกัน ในเมื่อผมดำเนินการในฐานะผบ.ทบ. ก็ต้องจบ ถือว่าได้ทำแล้วในนามของกองทัพบก และทุกคนต้องนิ่ง แต่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ต้องออกมาแสดงกำลังนอกหน่วย คงไม่ต้อง"
เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างกับผู้ที่หมิ่นสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำตามกฎหมายก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร ขอร้อง อยากให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง มีความสุขของพระองค์ท่านในปีมหามิ่งมงคลดีกว่า การเมืองก็คือการเมือง จะว่าอย่างไรก็ว่ากันไป จะไปเลือกตั้งก็ไปเตรียมการกัน เอานโยบายของพรรคมาชู และทำให้ได้ก็แล้วกันเมื่อได้เป็นรัฐบาล ประเทศไทยปัญหาเยอะ ใครได้เป็นรัฐบาลก็ทำงานลำบาก ตนว่าคนไทยต้องเหนียวแน่น หนักแน่นกว่านี้ และมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายในอนาคตว่าประเทศจะไปสู่จุดไหน ต้องไปสู่ความเจริญในภูมิภาคอาเซียน
** ยันไม่ได้ดิ้นรนเพื่ออำนาจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเรายังทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงอำนาจคงไม่ได้ ทหารไม่ต้องการอำนาจมากกว่านี้ ตนเป็น ผบ.ทบ.มีอำนาจมากแล้วในกองทัพบก ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาได้ก็ต้องการแค่นี้ ไม่ได้ต้องการอำนาจในการที่จะไปยิ่งใหญ่ข้างนอก ไปเกเรกับใคร ไปกดดันใคร ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ ผบ.ทบ. ตนมีหน้าที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ขอให้เห็นใจเวลาทหารทำหน้าที่ ขอร้องอย่าพยายามทำให้ทหารต้องตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะสิ่งแรกทหารต้องถืออาวุธ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถืออาวุธ แต่เหตุการณ์บังคับให้ต้องถืออาวุธ ซึ่งทุกอย่างต้องมีการพัฒนาตามสถานการณ์ และอย่าให้นำไปสู่จุดนั้นอีกครั้งหนึ่ง ขอให้คิดไปข้างหน้าดีกว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชนจะทำอย่างไร ทำอย่างไรให้ประชาชนรักกัน เลิกแบ่งสีกันได้แล้ว อย่าทะเลาะกัน จะหลายสี หลากสี ตนก็ไม่เอาด้วย ตนมีสีเดียวคือ สีของความเป็นคนไทย ความรักความสามัคคี สีของชาติ
** ทภ.1 ลั่นยอมไม่ได้พวกหมิ่นสถาบันฯ
ด้านพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ผบ.ทบ.ให้ความชัดเจนว่า สิ่งใดก็ตามหรือคำพูดของใครที่พาดพิง จาบจ้วงสถาบันฯ กองทัพบกคงยอมไม่ได้ กองทัพภาคที่ 1 ก็เป็นกลไก และกำลังหลักของกองทัพบก ซึ่งมีความเห็นเช่นเดียวกับผบ.ทบ. ไม่ใช่เพียงแต่ทหาร ประชาชนในจังหวัดต่างๆ ก็แสดงความคิดเห็นเรื่องการหมิ่นสถาบันฯ ทุกคนส่วนใหญ่ไม่ยอมที่จะให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไป เพราะ ฉะนั้นที่ทหารแสดงออกไปอย่างที่ ผบ.ทบ.ดำเนินการไปนั้น พวกเราทุกคนที่เป็น ทหาร ให้การสนับสนุน มีความคิดเช่นเดียวกัน พร้อมช่วยกันแก้ไขและปกป้องสถาบันฯ
เมื่อถามว่าได้กำชับกำลังพลที่แสดงออกว่าไม่พอใจต่อการดูหมิ่นสถาบันฯ อย่างไรบ้าง พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ทุกคนคิดเหมือนกันว่าเราคงยอมไม่ได้หากมีการพูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบันฯ ทหารเราติดตามสถานการณ์มีความอดทน ซึ่งการดำเนินการอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้เราได้ทำความเข้าใจกับกำลังพลเรื่องการแสดงออก ว่าเราเป็นทหารก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ น่าจะเข้าใจ และไม่ควรพูดจาเช่นนั้นอีก เพราะประชาชนส่วนใหญ่แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งเหล่านี้ และทหารก็ยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป
ส่วนที่มีการพูดพาดพิงถึงทหารเสือราชินีฯนั้น คงยังไม่ฟ้องร้อง ทหารต้องอดทนที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์
" เราได้ทำความเข้าใจกับประชาชน ต้องช่วยกันทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ พยายามทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสถาบันฯ ที่มีความผูกพันต่อประเทศชาติยาวนาน ประเทศเราอยู่ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีตที่ได้เสียสละ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่ได้ยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ประชาชนรักสถาบันฯ และที่ออกมาช่วยกันปกป้องผมก็ดีใจที่ออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง" แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองบางพรรคนำสถาบันฯ มาหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ไม่เหมาะสม แต่อยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรให้ชัดเจน เพราะสถาบันฯ กับการเมืองต้องแยกออกจากกัน สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นที่พิจารณาของกกต.และส่วนที่เกี่ยวข้อง
** "ไอ้ตู่"อัดผบ.ทบ.หวังบั่นทอนเสื้อแดง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดำเนินคดีกับตนเอง กรณีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการล็อกเป้าตน แล้วเอาคำพูดไม่กี่คำไปปลุกปั่นทหาร เพื่อต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และคำพูดที่พูด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนก็เคยพูดที่เวทีราชประสงค์มาแล้ว และสิ่งที่ตนพูดก็เป็นการชี้ว่า ใครฆ่าประชาชน กองทัพเลยนำประเด็นนี้มาใช้ เพราะหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นปกติ พรรคประชาธิปัตย์ จะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ และกลุ่มเสื้อแดง ก็เป็นจุดแข็งของเพื่อไทย ดังนั้นจึงต้องทำให้เสื้อแดงเป็นจุดอ่อนให้ได้ เพราะพรรคเพื่อไทย หากไม่มีเสื้อแดงก็จะจัดการได้โดยง่าย ตนจึงขอท้า พล.อ.ประยุทธ์ ว่าให้มาเล่นงานตนเลยดีกว่า
นายจตุพร กล่าวต่อถึงกรณีที่มี นำหนังสือของสำนักราชเลขานุการไปอ่านว่า มีพรรคการเมืองไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปแจกว่า กรณีนี้ก็ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น หรือความรับผิดชอบ ทำไม พล.อ. ประยุทธ์ ถึงดุแต่ตนคนเดียวหรือเป็นเพราะว่าตนไม่ได้ชื่อ"ชวรัตน์"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้ของกลุ่มนปช. ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ เพราะสถาบันฯ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการเมือง ทั้งนี้เราพร้อมพิสูจน์ข้อกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ดำเนินการโดยเสมอภาคกันทุกฝ่าย โดยไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง
"หลังจากนี้ นปช. จะยุติการตอบโต้วาทกรรมเรื่องการถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันฯ แต่หากถูกพาดพิง ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐาน และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยไม่มีข้อยกเว้น "นายณัฐวุฒิ กล่าว
**โวยทหารใช้สถาบันฯ เป็นเงื่อนไขปฏิวัติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกตของแม่ทัพนายกอง ทหารหน่วยต่างๆ ออกมาตบเท้าแสดงพลัง โดยก่อนหน้านี้ทราบข่าวว่า มีการส่งกองกำลังทหารไปบล็อกตัวผู้สมัคร หัวคะแนนของพรรคเพื่อไทย ดำเนินการกดดันต่างๆ นาๆ หลังรู้ว่า โพลคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย นำเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่เป็นผล ก็มีทหารบางหน่วยคิดทำการปฏิวัติรัฐประหาร ก่อนที่จะมีการยุบสภา โดยนำข้อหาหมิ่นสถาบันนฯ มาเชื่อมโยงเป็นเงื่อนไข
อย่างไรก็ตามได้เสียงคัดค้านจากบางหน่วยที่ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงจะเกิดสถานการณ์เหมือนประเทศในแถบตะวันออกกลาง และจะเป็นการตระบัดสัตย์ ที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ออกมาประกาศว่า จะไม่ทำการปฏิวัติ
** "มาร์ค"ยันต่อพ.ร.บ.มั่นคงไม่กระทบเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ครม.มีมติต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก 30 วัน ว่า เป็นการต่อในพื้นที่เดิมอีก 1 เดือน และถ้าสามารถที่จะปรับอะไรได้ หลังจากการเลือกตั้งจะมาพิจารณากันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หลังจากต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคงครั้งนี้แล้วจะไม่มีการต่ออายุอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังต้องประเมินสถานการณ์กัน แต่คิดว่าในช่วงการประกาศรอบนี้ จะมีการยุบสภา ฉะนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงในทางสถานการณ์ ซึ่งจะมาประเมินกันอีกที
เมื่อถามต่อว่า มีการประเมินหรือไม่ เพราะในเดือนพฤษภาคม จะมีวันเชิงสัญญาลักษณ์ของคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ระมัดระวังอยู่แล้ว เพราะจะเป็นโอกาสที่ต้องมีการจัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปี อะไรต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีปัญหาเหมือนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายกฯกล่าวว่า ส่วนที่ผิดกฎหมาย ขณะนี้ก็มีการดำเนินการทางคดี เมื่อถามต่อว่า จะสวนทางหรือไม่ ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่กับมีการใช้กฎหมายควบคุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่สวนทาง เพราะเราต้องการการเลือกตั้งที่อยู่บนพื้นฐานของความสงบ อันนั้นสำคัญที่สุด และการประกาศพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้กระทบกระเทือนสิทธิเสรีภาพทางการเมืองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรการเป็นรัฐบาลที่อยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมมาตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่เอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์รักษาความสงบเรียบร้อย และไม่คิดว่าจะทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา เราก็มีการเลือกตั้งหลายครั้ง เลือกตั้งภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็มี แม้แต่ภาคใต้ก็เลือกตั้งภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมา 3-4 ครั้งแล้ว
วานนี้ (20 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงว่า ที่สุดแล้วคงเป็นเรื่องของศาลยุติธรรม เพราะขณะนี้ได้ดำเนินการในขั้นต้นไปแล้ว ซึ่งตนไม่อยากให้ทุกคนไปเข้าใจว่าเราทำเพื่อการเมือง เพราะถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไร เราก็ต้องทำเมื่อนั้น ที่ผ่านมาเราให้โอกาสมาพอสมควรแล้ว ทั้งเตือน ทั้งปรามก็แล้ว ก็ยังมีการพูดจาหมิ่นกันอยู่ ซึ่งมันไม่ควร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การหาเสียงทางการเมืองมีวิธีมากมาย ทั้งนโยบายที่ดูแลประชาชนขอให้ทำให้ได้ก็แล้วกัน ไม่เห็นต้องมาแตะต้องสถาบันฯเลย จะเอาสถาบันฯ ลงมาทำไม ในส่วนของทหารก็เป็นมิตรกับประชาชน มีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ปกป้องสถาบันฯ อยากให้เข้าใจว่า ตนไม่ได้ไปทำเพื่อให้สอดคล้องกับใคร ไม่ต้องการให้เกิดผลประโยชน์กับพรรคการเมืองใด ตนทำเพื่อสถาบันฯ ในฐานะที่เป็นทหารรักษาพระองค์
** อ้างที่เคยอยู่เฉยเพราะถือว่าให้โอกาส
ทั้งนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ทำเมื่อก่อนนี้ ตนถือว่าตนให้โอกาส ไม่อยากลงไปยุ่งเกี่ยว เพราะรู้ว่าเป็นความขัดแย้ง ถ้าลงไปยุ่งเกี่ยวมากๆ จะกลายเป็นว่าตนจะเข้าไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง แต่ครั้งนี้ยอมไม่ได้ เพราะคนทั้งประเทศรู้เห็น ว่าการพูดจาเป็นอย่างไร แต่จะผิดจะถูก ขึ้นอยู่กับศาลเป็นผู้พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่างไร ตนคงทำหน้าที่ได้เท่านี้
เมื่อถามว่าจะเรียกร้องให้ประชาชนออกมาปกป้องสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนมีความคิดเห็น ออกมาพูดคุยว่าไม่อยากให้การเมือง หรืออะไรต่างๆ เอาสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง อยากให้สถาบันฯ อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเมือง
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองบางพรรคเอาสถาบันฯ มาหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของ กกต.และรัฐบาล ก็ว่ากันไป ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี เมื่อถามว่าสถาบันฯ เป็นสิ่งที่ไม่ควรดึงลงมาหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ได้หมายความอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้กำลังพลในกองทัพ รู้สึกอึดอัดที่ดึงสถาบันฯ ลงมาเกี่ยวข้องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่อึดอัดตนก็คงไม่ออกมาฟ้องร้อง นี่ก็คงอึดอัดแล้ว และอย่าเอาทหารไปเป็นศัตรูกับใคร ทหารจะทำหน้าที่ของทหาร ตนทำหน้าที่ในฐานะเป็นพลเมือง ไม่ใช่ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก เป็นคนหนึ่งที่อยากปกป้องสถาบันฯ จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี
**ห้ามทหารแสดงพลังนอกหน่วย
เมื่อถามว่าจะดำเนินการบางอย่างนอกเหนือจากแจ้งความคดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “แล้วจะให้ผมทำอะไร ผมทำไม่ได้ ต้องใช้กฎหมาย ผมทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะเราเป็นทหาร มีระเบียบ วินัย ทำอย่างอื่นไม่ได้ ทหารก็ต้องอาศัยกฎ กติกา ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย นอกกฎหมายไม่ได้ ถ้าผมทำผิดกฎหมายเองแล้วจะไปว่าใครเขาได้ ผมก็ทำได้เพียงแค่ห้ามปราม ตักเตือนลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ว่า ขอให้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่คนส่วนใหญ่นั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่เหลือด้วย ผมได้เตือนและห้ามลูกน้อง เพราะถ้าไม่ห้าม ลูกน้องก็ไม่พอใจเหมือนกัน ในเมื่อผมดำเนินการในฐานะผบ.ทบ. ก็ต้องจบ ถือว่าได้ทำแล้วในนามของกองทัพบก และทุกคนต้องนิ่ง แต่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ต้องออกมาแสดงกำลังนอกหน่วย คงไม่ต้อง"
เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างกับผู้ที่หมิ่นสถาบันฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำตามกฎหมายก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร ขอร้อง อยากให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง มีความสุขของพระองค์ท่านในปีมหามิ่งมงคลดีกว่า การเมืองก็คือการเมือง จะว่าอย่างไรก็ว่ากันไป จะไปเลือกตั้งก็ไปเตรียมการกัน เอานโยบายของพรรคมาชู และทำให้ได้ก็แล้วกันเมื่อได้เป็นรัฐบาล ประเทศไทยปัญหาเยอะ ใครได้เป็นรัฐบาลก็ทำงานลำบาก ตนว่าคนไทยต้องเหนียวแน่น หนักแน่นกว่านี้ และมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายในอนาคตว่าประเทศจะไปสู่จุดไหน ต้องไปสู่ความเจริญในภูมิภาคอาเซียน
** ยันไม่ได้ดิ้นรนเพื่ออำนาจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเรายังทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิงอำนาจคงไม่ได้ ทหารไม่ต้องการอำนาจมากกว่านี้ ตนเป็น ผบ.ทบ.มีอำนาจมากแล้วในกองทัพบก ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาได้ก็ต้องการแค่นี้ ไม่ได้ต้องการอำนาจในการที่จะไปยิ่งใหญ่ข้างนอก ไปเกเรกับใคร ไปกดดันใคร ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ ผบ.ทบ. ตนมีหน้าที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ขอให้เห็นใจเวลาทหารทำหน้าที่ ขอร้องอย่าพยายามทำให้ทหารต้องตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะสิ่งแรกทหารต้องถืออาวุธ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถืออาวุธ แต่เหตุการณ์บังคับให้ต้องถืออาวุธ ซึ่งทุกอย่างต้องมีการพัฒนาตามสถานการณ์ และอย่าให้นำไปสู่จุดนั้นอีกครั้งหนึ่ง ขอให้คิดไปข้างหน้าดีกว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชนจะทำอย่างไร ทำอย่างไรให้ประชาชนรักกัน เลิกแบ่งสีกันได้แล้ว อย่าทะเลาะกัน จะหลายสี หลากสี ตนก็ไม่เอาด้วย ตนมีสีเดียวคือ สีของความเป็นคนไทย ความรักความสามัคคี สีของชาติ
** ทภ.1 ลั่นยอมไม่ได้พวกหมิ่นสถาบันฯ
ด้านพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ผบ.ทบ.ให้ความชัดเจนว่า สิ่งใดก็ตามหรือคำพูดของใครที่พาดพิง จาบจ้วงสถาบันฯ กองทัพบกคงยอมไม่ได้ กองทัพภาคที่ 1 ก็เป็นกลไก และกำลังหลักของกองทัพบก ซึ่งมีความเห็นเช่นเดียวกับผบ.ทบ. ไม่ใช่เพียงแต่ทหาร ประชาชนในจังหวัดต่างๆ ก็แสดงความคิดเห็นเรื่องการหมิ่นสถาบันฯ ทุกคนส่วนใหญ่ไม่ยอมที่จะให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไป เพราะ ฉะนั้นที่ทหารแสดงออกไปอย่างที่ ผบ.ทบ.ดำเนินการไปนั้น พวกเราทุกคนที่เป็น ทหาร ให้การสนับสนุน มีความคิดเช่นเดียวกัน พร้อมช่วยกันแก้ไขและปกป้องสถาบันฯ
เมื่อถามว่าได้กำชับกำลังพลที่แสดงออกว่าไม่พอใจต่อการดูหมิ่นสถาบันฯ อย่างไรบ้าง พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ทุกคนคิดเหมือนกันว่าเราคงยอมไม่ได้หากมีการพูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบันฯ ทหารเราติดตามสถานการณ์มีความอดทน ซึ่งการดำเนินการอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้เราได้ทำความเข้าใจกับกำลังพลเรื่องการแสดงออก ว่าเราเป็นทหารก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่กระทำการหมิ่นสถาบันฯ น่าจะเข้าใจ และไม่ควรพูดจาเช่นนั้นอีก เพราะประชาชนส่วนใหญ่แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งเหล่านี้ และทหารก็ยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป
ส่วนที่มีการพูดพาดพิงถึงทหารเสือราชินีฯนั้น คงยังไม่ฟ้องร้อง ทหารต้องอดทนที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์
" เราได้ทำความเข้าใจกับประชาชน ต้องช่วยกันทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ พยายามทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสถาบันฯ ที่มีความผูกพันต่อประเทศชาติยาวนาน ประเทศเราอยู่ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีตที่ได้เสียสละ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่ได้ยืนหยัดมาถึงทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ประชาชนรักสถาบันฯ และที่ออกมาช่วยกันปกป้องผมก็ดีใจที่ออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง" แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองบางพรรคนำสถาบันฯ มาหาเสียงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ไม่เหมาะสม แต่อยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกำหนดกฎเกณฑ์อย่างไรให้ชัดเจน เพราะสถาบันฯ กับการเมืองต้องแยกออกจากกัน สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นที่พิจารณาของกกต.และส่วนที่เกี่ยวข้อง
** "ไอ้ตู่"อัดผบ.ทบ.หวังบั่นทอนเสื้อแดง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดำเนินคดีกับตนเอง กรณีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ที่เป็นเช่นนี้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการล็อกเป้าตน แล้วเอาคำพูดไม่กี่คำไปปลุกปั่นทหาร เพื่อต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และคำพูดที่พูด เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนก็เคยพูดที่เวทีราชประสงค์มาแล้ว และสิ่งที่ตนพูดก็เป็นการชี้ว่า ใครฆ่าประชาชน กองทัพเลยนำประเด็นนี้มาใช้ เพราะหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งอย่างเป็นปกติ พรรคประชาธิปัตย์ จะสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ และกลุ่มเสื้อแดง ก็เป็นจุดแข็งของเพื่อไทย ดังนั้นจึงต้องทำให้เสื้อแดงเป็นจุดอ่อนให้ได้ เพราะพรรคเพื่อไทย หากไม่มีเสื้อแดงก็จะจัดการได้โดยง่าย ตนจึงขอท้า พล.อ.ประยุทธ์ ว่าให้มาเล่นงานตนเลยดีกว่า
นายจตุพร กล่าวต่อถึงกรณีที่มี นำหนังสือของสำนักราชเลขานุการไปอ่านว่า มีพรรคการเมืองไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปแจกว่า กรณีนี้ก็ไม่มีใครแสดงความคิดเห็น หรือความรับผิดชอบ ทำไม พล.อ. ประยุทธ์ ถึงดุแต่ตนคนเดียวหรือเป็นเพราะว่าตนไม่ได้ชื่อ"ชวรัตน์"
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้ของกลุ่มนปช. ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ เพราะสถาบันฯ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการเมือง ทั้งนี้เราพร้อมพิสูจน์ข้อกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ดำเนินการโดยเสมอภาคกันทุกฝ่าย โดยไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง
"หลังจากนี้ นปช. จะยุติการตอบโต้วาทกรรมเรื่องการถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันฯ แต่หากถูกพาดพิง ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐาน และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป โดยไม่มีข้อยกเว้น "นายณัฐวุฒิ กล่าว
**โวยทหารใช้สถาบันฯ เป็นเงื่อนไขปฏิวัติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างผิดสังเกตของแม่ทัพนายกอง ทหารหน่วยต่างๆ ออกมาตบเท้าแสดงพลัง โดยก่อนหน้านี้ทราบข่าวว่า มีการส่งกองกำลังทหารไปบล็อกตัวผู้สมัคร หัวคะแนนของพรรคเพื่อไทย ดำเนินการกดดันต่างๆ นาๆ หลังรู้ว่า โพลคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย นำเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่เป็นผล ก็มีทหารบางหน่วยคิดทำการปฏิวัติรัฐประหาร ก่อนที่จะมีการยุบสภา โดยนำข้อหาหมิ่นสถาบันนฯ มาเชื่อมโยงเป็นเงื่อนไข
อย่างไรก็ตามได้เสียงคัดค้านจากบางหน่วยที่ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงจะเกิดสถานการณ์เหมือนประเทศในแถบตะวันออกกลาง และจะเป็นการตระบัดสัตย์ ที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ ออกมาประกาศว่า จะไม่ทำการปฏิวัติ
** "มาร์ค"ยันต่อพ.ร.บ.มั่นคงไม่กระทบเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ครม.มีมติต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก 30 วัน ว่า เป็นการต่อในพื้นที่เดิมอีก 1 เดือน และถ้าสามารถที่จะปรับอะไรได้ หลังจากการเลือกตั้งจะมาพิจารณากันอีกที
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า หลังจากต่ออายุ พ.ร.บ.มั่นคงครั้งนี้แล้วจะไม่มีการต่ออายุอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังต้องประเมินสถานการณ์กัน แต่คิดว่าในช่วงการประกาศรอบนี้ จะมีการยุบสภา ฉะนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงในทางสถานการณ์ ซึ่งจะมาประเมินกันอีกที
เมื่อถามต่อว่า มีการประเมินหรือไม่ เพราะในเดือนพฤษภาคม จะมีวันเชิงสัญญาลักษณ์ของคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ระมัดระวังอยู่แล้ว เพราะจะเป็นโอกาสที่ต้องมีการจัดกิจกรรมครบรอบ 1 ปี อะไรต่างๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีปัญหาเหมือนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายกฯกล่าวว่า ส่วนที่ผิดกฎหมาย ขณะนี้ก็มีการดำเนินการทางคดี เมื่อถามต่อว่า จะสวนทางหรือไม่ ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่กับมีการใช้กฎหมายควบคุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่สวนทาง เพราะเราต้องการการเลือกตั้งที่อยู่บนพื้นฐานของความสงบ อันนั้นสำคัญที่สุด และการประกาศพื้นที่ตรงนี้ไม่ได้กระทบกระเทือนสิทธิเสรีภาพทางการเมืองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรการเป็นรัฐบาลที่อยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมมาตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่เอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์รักษาความสงบเรียบร้อย และไม่คิดว่าจะทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมา เราก็มีการเลือกตั้งหลายครั้ง เลือกตั้งภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็มี แม้แต่ภาคใต้ก็เลือกตั้งภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯมา 3-4 ครั้งแล้ว