ผบ.พล.1 รอ.ปลุกทหารป้องสถาบัน ลั่นพร้อมถวายชีพป้องกษัตริย์ ตามสัจจะวาจาที่ประกาศจะถวายรับใช้สถาบัน ยันทหารทุกนายพูดคำเดียวกับ ผบ.ทบ.และพร้อมยืนอยู่หลังผู้บังคับบัญชาในการปกป้องสถาบัน ขณะที่ ร.11 รอ.โชว์ความพร้อมกำลังพลในการรบ และปฏิบัติตามคำสั่ง ปัดขู่การเมือง แค่ทำหน้าที่ตามปกติของกองทัพ
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ได้เดินทางตรวจเยี่ยมความพร้อมรบของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) โดย พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ร.11 รอ.ได้จัดกำลังทหารจำนวน 1 กองพัน เพื่อแสดงความพร้อมรบในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ พล.ต.กัมปนาท กล่าวให้โอวาทกับกำลังพล ว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อดูความพร้อมรบ และทดสอบระบอบของ พล.1 รอ.ในฐานะที่เป็นหน่วยกำลังหลักของกองทัพภาคที่ 1 ที่มีภารกิจมากมาย ทั้งภัยคุกคามภายนอก และความมั่นคงภายในประเทศ โดยเฉพาะความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ที่สำคัญคือ ภารกิจในฐานะที่พวกเราเป็นทหารรักษาพระองค์ ขอให้พวกท่านนายทหาร นายสิบ และพลทหาร ทุกคนที่อยู่ใน พล.1 รอ.จงตระหนักและภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นทหารรักษาพระองค์ อาชีพทหารเป็นอาชีพที่แตกต่างจากอาชีพอื่นๆ เป็นอาชีพที่อื่นทำแบบเราไม่ได้ เป็นอาชีพที่มีความท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องความอดทน และความเสียสละ เหมือนอย่างเช่น พวกท่านที่ยืนตากฝนอยู่ตอนนี้ ไม่มีคนบ้าที่ไหนมายืนหรอกนอกจากทหาร ฉะนั้น พวกท่านจงภูมิใจในความเสียสละของพวกเรา เราพร้อมแม้กระทั่งสละชีวิตเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และความผาสุกของพี่น้องประชาชน นั่นคือ อาชีพของทหาร
พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า ขอให้พวกท่านรักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีของทหาร ศักดิ์ศรีของทหารพวกเรายึดถือมาอย่างยาวนาน ตามที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้พวกเรา ให้ยึดถือมาโดยตลอด ว่า ทหารคือผู้ทีได้รับเกียรติสูงสุดจากประชาชนให้เป็นสุภาพบุรุษเพื่อปกป้องประเทศ ทหารคือผู้ที่สละประโยชน์ส่วนตน เพื่อความผาสุกของประชาชน และความอยู่รอดของบ้านเมือง ทหารคือผู้ที่บูชารักษาเกียรติยศมากกว่าเงินตรา นอกจากนั้น ที่สำคัญ ตนต้องการให้ทุกท่านทุกคนได้ยึดมั่นใจสัจจะวาจา ที่พวกเราไปถวายต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกวันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปีที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพในพระมหากษัตริย์ เจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกว่าชีวิตจะหาไม่
ผบ.พล.1 รอ.กล่าวว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะคงรักษาไว้ด้วยเกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์ จะประพฤติ และปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยทุกประการ นี่คือ สัจจะวาจาของทหารรักษาพระองค์ทุกนายที่ถวายฝ่ายพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ คือ ทหารของพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นทุกท่านจะต้องมีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยทันที นอกจากนี้ สิ่งที่ทหารทุกคนต้องผ่านพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ คือ การปฏิญาณตนต่อธงไชยเฉลิมพล ฉะนั้น ทุกคนต้องไปทบทวนดูว่าสิ่งที่ท่านได้กล่าวต่อธงไชยเฉลิมพลทั้ง 6 ประการ โดยเฉพาะการเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และการไม่แพร่งพรายความลับของทางราชการทหารเป็นอันขาด
“สิ่งต่างๆ ที่ได้กล่าวกับกำลังพล หากมีเหตุต่อหน้าพวกเราที่เป็นเพื่อนร่วมชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม เพื่อให้ทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในการเป็นทหารรักษาพระองค์ ภาคภูมิใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างต้องเตรียมความพร้อมให้สามารถพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ขอให้ท่านเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยในคำสั่งของผู้บังคับบัญชาขอให้ท่านได้เชื่อว่า ผู้บังคับบัญชาทุกคนคิดเหมือนกัน ผบ.ทบ.คิดอย่างไร ผบ.พล.1รอ.คิดอย่างนั้น และปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ต้องคิดลังเล ขอให้เชื่อมั่นแบบนั้น ขอบคุณกำลังพลที่แสดงออกในวันนี้”
หลังจากนั้น พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พล.1 รอ.ถือเป็นกำลังรบหลักของกองทัพบก เรามีระบบในการที่จะเตรียมพร้อมปฏิบัติการภายใน 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 3 ชั่วโมง และอย่างช้าไม่เกิน 4 ชั่วโมง ซึ่งการปฏิบัติครั้งนี้ตนได้ให้คำสั่งกับผู้บังคับการกรม ว่า ตนจะมาตรวจความพร้อมของ ร.11 และถือว่า การเตรียมความพร้อมในวันนี้ ถือว่าผ่านตามที่กองพลได้กำหนดมาตราการควบคุมเอาไว้ ถือว่า ร.11 รอ.สามารถตรวจความพร้อมได้ทั้งกรม
ทั้งนี้ จะเห็นว่า พล.1 รอ.เป็นกองพลหลัก ซึ่งมีภารกิจที่แตกต่างจากกองพลทั่วๆ ไป คือ เรามีภารกิจในการป้องกันประเทศ การรักษาความสงบภายใน การรักษาความสงบเรียบร้อย อีกทั้งภารกิจที่ติดกับหน่วยมาตลอด คือ ในฐานะขอทหารรักษาพระองค์ ดังนั้นหน้าที่เราในฐานะบทบาทของทหารรักษาพระองค์ คือ เป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเราต้องยึดมั่นตามสัจจะวาจาที่เราได้กล่าวถวายต่อพระเจ้าอยู่หัวทุกวันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปี ที่ว่าทุกคนจะต้องจำขึ้นใจเหมือนที่ตนพูดกับทหารโดยไม่ต้องมีโผ มันอยู่ในจิตใจของทหารรักษาพระองค์ทุกนาย ดังนั้น เราจะยึดถือตามสัจจะวาจาที่เราได้เปล่งออกมา คือ การทำหน้าที่ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภารกิจของทหารในด้านการดูแลมวลชนจำเป็นต้องฝึกอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า ภารกิจของทหารเป็นเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ สิ่งนั้นก็ถือเป็นหนึ่งในภารกิจป้องกันประเทศ ซึ่งเราต้องเตรียมพร้อมและต้องฝึกตามนโยบายของ ผบ.ทบ.ที่เรียกว่า โรงเรียนในหน่วย เราฝึกทุกเรื่องถ้ามีอะไรพิเศษเราจะฝึกเพิ่มเติมในเรื่องที่จะไปปฏิบัติงาน เช่น กำลังพล 1 รอ.ก็จะส่งไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ซึ่งขณะนี้ส่งกำลังพลลงไปจำนวน 1 กอง พันปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ จ.นราธิวาส ซึ่งตนได้ลงไปติดตามอยู่ ถือว่าเราได้ฝึกและคิดว่าทุกคนพร้อมที่จะทำงานตามนโนบายของผู้บังคับบัญชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่หลายฝ่ายพยายามจับตามองท่าทีของทหารในช่วงที่การเมือง กำลังเข้มข้น พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า เราไม่กังวล ถือว่าเป็นงานปกติของเรา เรายืนในภารกิจของกองพล ตนไม่พูดเลยกรอบที่ว่าไว้ คือ เรามีหน้าที่ในการเตรียมกำลังและใช้กำลัง ผู้บังคับบัญชาใช้กำลังเมื่อไร ตนสามารถส่งกำลังให้กับผู้บังคับบัญชาได้ทันที ซึ่งระบบที่แสดงให้เห็นวันนี้ คือ ระบบการเตรียมกำลัง ถ้าผู้บังคับบัญชาสั่งตนสามารถทำงานได้ภายในครึ่งชั่วโมง ภายใน 1 ชั่วโมง ตนสามารถที่จะใช้กำลังได้ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายได้
ต่อข้อถามว่า ทหารอึดอัดใจหรือไม่ที่มีกลุ่มคนพยายามจาบจ้วงและดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า พวกเราทุกคนเป็นทหารรักษาพระองค์ มันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้วว่าหน้าที่เรา คือ การปกป้องและเทิดทูน ดังนั้น คงไม่ต้องชี้แจง เพราะเรื่องนี้อยู่ในใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่ ผบ.ทบ.ออกมาปกป้องสถาบันแล้วถูกพรรคการเมืองบางกลุ่มกล่าวพาดพิงและโจมตี ในส่วนของทหารรู้สึกอย่างไรบ้าง พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า จุดยืนของทหารทุกคนอยู่จุดเดียวกับ ผบ.ทบ.อยู่แล้ว หลังท่านแข็งอยู่แล้วไม่ต้องกลัว พวกเรายืนอยู่หลังท่าน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน และมีจุดยืนเดียวกันในการที่จะปกป้องสถาบันอย่างเต็มขีดความสามารถเหมือนคำปฏิญาณ เพราะทุกวันนี้ตนพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดว่าทุกคนต้องยึดถือสัจจะวาจา คำไหนเป็นคำนั้น
ส่วนที่ กกต.ออกกฎห้ามนำเรื่องสถาบันมาเป็นนโยบายหาเสียง และกล่าวในลักษณะจาบจ้วงสถาบันนั้น พล.ต.กัมปนาท กล่าวว่า ตนไม่วิจารณ์ เพราะทหารทำหน้าที่ของตนเองอย่างเดียว คือ การเตรียมกำลังกับใช้กำลังเป็นหลัก การเมืองก็ว่าไป ตนไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เพราะตนเป็นทหาร และคงไม่มีอะไรจะฝากว่าให้เลิกนำสถาบันมายุ่งเกี่ยว พล.ร 1.รอ.ยืนยันว่า ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ผบ.ทบ.สั่งอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ยืนยันอย่างนั้น ตนรู้หน้าที่ตนว่าทำอะไร ยืนยันว่า ตนรับผิดชอบในการเตรียมกำลังให้ท่าน และไม่ใช่เป็นการขู่เป็นเพียงการทำหน้าที่ไปตามปกติ ซึ่งเราเตรียมตลอด