เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
๐๐เป็นเพราะสาเหตุมาจากความ “ตั้งใจ”ของตัวเองแท้ๆ สำหรับ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่แกว่งปากพูดจาพาดพิง “หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์” บนเวทีคนเสื้อแดงเมื่อค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็ค่อยมาวิเคราะห์ที่มาของคำพูดอุบาทว์ดังกล่าวว่ามาจากอะไร และตัวเองมีความต้องการอย่างไรอีกด้วย จากนั้นก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไปว่าหลังจากนี้เราจะเห็นความเคลื่อนไหวของคนในรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง รวมถึงกองทัพจะกล้าจัดการกับพวก “กระจอก” นี้ได้อย่างไรบ้าง
๐๐ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า คนเสื้อแดงกับ “ไอ้เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร มันเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ หัวโจกของคนเสื้อแดงทั้งที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากทักษิณ หรือไม่ ประเภท “สู้แล้วรวย” หรือไม่ ถ้าเข้าใจว่าใช่ก็ต้องมาคิดกันต่อว่า คนที่ชื่อทักษิณ หากประมวลจากคำพูดและพฤติกรรมในอดีตหลายครั้งมักดูหมิ่นจาบจ้วงให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ตรงๆ ทั้งการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศ พูดผ่านวิดีโอลิ้ง โฟนอินนับครั้งไม่ถ้วน จนคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องก็รู้ว่าไอ้หมอนี่แหละ “หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า” ตัวจริง แม้กระทั่งในคำฟ้องศาลก็ยังเคยถูกระบุว่า ทักษิณ ชินวัตร คนนี้แหละมีความทะเยอทะยานเป็น “ประธานาธิบดี” หรือ ผู้นำ “รัฐไทยใหม่”
๐๐จากนั้นก็มาพิจารณาถึงองค์ประกอบแวดล้อมทั้งประเภทคำพูดและพฤติกรรมของหัวโจกคนเสื้อแดงหลายคนที่หากพูดให้ตรงไปตรงมาแบบชาวบ้านก็ต้องรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ต้องการอยากให้มี “สถาบัน” หลายคนมีการพูดจาจาบจ้วงอย่างหยาบคายมาอย่างต่อเนื่อง คนพวกนี้มีการพูดจาพาดพิง ขึ้นเวที หลายคนถูกชาวบ้านที่จงรักภักดีต่อ “พ่อหลวง-แม่หลวง”ทนไม่ไหวชี้ให้จับกุมดำเนินคดีไปหลายคนแล้ว ที่เห็นชัดๆก็มี “ดาตอร์ปิโด” เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ก็มีพวกวิทยุชุมชน เว็บไซต์ต่างๆ ที่ทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งถ้าพิจารณาก็จะเห็นว่าแวดล้อมอยู่กับเวทีคนเสื้อแดง กับ ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น
๐๐ เมื่อเข้าใจดีแล้วมาพูดถึงกรณีที่ “ไอ้ตู่” จตุพร ถึงต้องพูดจาพาดพิงให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งที่พื้นฐานของคนๆนี้มาจากพื้นฐานชาวบ้านที่น่าจะเทิดทูนสถาบันฯเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ที่ผ่านมาหากจำกันได้ในช่วงที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง คนพวกนี้จะ “ขีดวง” เอาไว้ให้จำกัดอยู่แค่โจมตีรัฐบาล “ไม่ล้ำเส้น” มากกว่านี้ แต่ถ้าวิเคราะห์ถึงเป้าหมายเฉพาะหน้าแบบ “ส่วนตัว” ก็คือต้องการ “เล่นเกมเสี่ยง” ต้องการ “สร้างราคา” ให้ตัวเองล้วนๆ เพราะรู้ว่า ทักษิณมีความรู้สึกอย่างไรก็กับสถาบันฯ ดังนั้นถ้าอยาก “เอาใจนาย” ก็ต้องด่าคนที่นายไม่ชอบ เพื่อให้ตัวเองมีความสำคัญเพิ่มราคาได้อีกหลายบาท ยิ่งในช่วง “เข้าได้เข้าเข็ม” กำลังแข่งขันกันรุนแรงทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ก็ต้องยิ่งทำให้ “เข้าตานาย” ให้มากที่สุด ให้เด่นที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดา “หัวโจก” เสื้อแดงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น “ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ” หรือใครก็ตาม นี่คือเหตุผลส่วนตัวของไอ้ตู่ ที่ว่าทำไมถึงต้อง “เสี่ยง-สู้แล้วรวย” หรือ “เสี่ยงสู้ให้ตัวเองสำคัญ เข้าตานาย”
๐๐ หากมองมาที่ฟากรัฐบาลบ้างที่ผ่านมาได้ปล่อยปละละเลยไม่เคยเอาใจใส่ ซึ่งก็มีทั้งประเภท “ไม่อยากยุ่ง” รวมไปถึง “ปรองดองเทียม”หวังซื้อใจแบบไม่เข้าท่า ไม่เคยตัดไฟแต่ต้นลม ปล่อยใจได้ใจจนทุกอย่างบานปลายลุกลามมาเป็นแบบนี้ทั้งที่เห็นความผิดกันต่อหน้า ถามว่าคำพูดของ จตุพร พรหมพันธุ์บนเวทีเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ต้องการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ คำว่า “กระสุนพระราชทาน” และ “ทหารรักษาพระองค์” และ “ทหารเสือราชินี” หมายถึงใคร แม้ว่า “ยังใจไม่ถึง” ไม่กล้าพูดตรงๆชัดๆ แต่ถ้าฟังกันโดยรวมต่อเนื่องกันมีเป้าหมายโจมตีอย่างชัดเจน มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่อง ดังนั้นถ้าปากกล้าก็ต้อง “ขาอย่าสั่น”
๐๐ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงคราวนี้ก็ต้องเอาจริงเอาจัง และต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึง ผบ.ตร.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรีต้องจัดการตามกฎหมายให้เด็ดขาด “อย่าดีแต่พูด”เพราะถ้าไม่ทำจริงจังต่อเนื่องมันก็ทำให้ได้ใจและบานปลายอย่างที่เห็น เพราะคนพวกนี้มันคิดว่าทำอะไรไม่ได้ และใช้วิธารเดิมๆกล่าวหาว่าตัวเองถูกรังแกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะคนเสื้อแดงทั้ง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ที่ข่มขู่ว่าเป็นต้นเหตุทำให้บ้านเมืองวุ่นวายก็ต้องถามกลับไปว่าถ้าไม่ต้องการให้วุ่นวายแล้วทำไมต้องมาแตะต้องพาดพิงถึง “พ่อหลวง” ทำไม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องตำหนิรัฐบาลด้วยว่าทำไมถึง “นั่งบื้อ” อยู่ได้ทำไม แต่ถึงอย่างไรเมื่อบอกว่าคราวนี้จะเอาจริง ก็ต้องรอดูให้เห็นกับตาว่าจะทำตามที่พูดหรือไม่ และที่สำคัญต้องชี้แจงให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่าที่จตุพร และพวก “หัวโจก”มัน “จาบจ้วง” เป็นอย่างไร จะได้ตาสว่าง !!