xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สุวัจน์ : เหรียญสองด้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การรวมตัวของของพรรคเพื่อแผ่น และพรรครวมชาติพัฒนา ทำให้กลายเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ “สบายที่สุด” เนื่องจากไม่ว่า พรรคนี้จะมีส.ส.จำนวนเท่าไหร่ หลายคนเชื่อแน่ว่า จะต้องถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล

ว่ากันว่า พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่คือ "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งกำลังจะหมดวาระการทำหน้าที่ผู้นำปตท.ในไม่ช้านี้

โดยที่ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พินิจ จารุสมบัติ ปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ ปักหลักค้ำยันความเป็นพรรคการเมืองด้วยจำนวน ส.ส. ที่ประเมินกันว่าไม่เกิน 30 คน

นครราชสีมา ตามการจัดสรรประชากร 1.7 แสนคน ต่อ ส.ส.หนึ่งคน ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีส.ส.ได้ 15 คน ซึ่งพรรครวมชาติพัฒนา มีอยู่ 5 ที่นั่ง พรรคเพื่อแผ่นดินอีก 5 ที่นั่ง รวมปัจจุบันมี ส.ส.โคราชอยู่ 10 คน อุบลราชธานี ตามการจัดสรรใหม่ สามารถมี ส.ส.ได้ 11 คน เป็นหน้าที่ของ ปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ และ กิตติชัย โควสุรัตน์ ขณะที่หนองคาย อีก 5 เก้าอี้ ตกเป็นภาระของพินิจ จารุสมบัติ ที่จะต้องนำลูกทีมเข้าสภาให้ได้ หลังจากที่เคยเกือบคว้าเก้าอี้ ส.ส.ยกจังหวัด

นั่นยังไม่นับเบี้ยใต้ถุนร้านอีกหลายพื้นที่

โดยอาจจะไม่นับรวม"ตระกูลภัทรประสิทธิ์" ที่มีแนวโน้มว่าจะย้ายไปอยู่ พรรคชาติไทยพัฒนา

ปัญหาใหญ่คือ สุวัจน์ สามารถรักษาเก้าอี้ ส.ส.โคราช ทั้ง 10 ตัวของพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ไว้ได้หรือไม่ ยังเป็นปริศนา ??

โดยเฉพาะต้องขับเคี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย ที่มี บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ดูแลพื้นที่โคราช ซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง พรรคเพื่อไทย ที่มีส.ส.ในปัจจุบันอยู่ 4 คน พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 10 คน และ พรรคภูมิใจไทย 1 คน

สุวัจน์ พยายามอย่างยิ่งที่จะยึดพื้นที่ ส.ส.โคราชทั้ง 15 คนไว้ในกำมือให้ได้ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และไม่มีใครต้องการอยู่ภายใต้การนำของ“สุวัจน์”

แม้กระทั่งการร่วมมือกับ ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ที่สามารถนำส.ส. เข้าได้สภาได้ถึง 6 คน

แต่การเลือกตั้งทุกครั้ง สุวัจน์ พยายามอาศัยบารมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และความเป็นศิษย์หลวงพ่อคูณ เพื่อดึงความความนิยมจากชาวบ้าน

ในการเปิดที่ทำการพรรครวมชาติพัฒนา จ.นครราชสีมา สุวัจน์ ได้เปิดตัว “สุนารี ราชสีมา” เป็นแคนดิเดตผู้สมัครของพรรค เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ทีผ่านมา

ทั้งนี้ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เป็นประธานเปิดที่ทำการพรรค"รวมชาติพัฒนา" จ.นครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 2222/2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีนักการเมืองเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีในการเปิดพรรค เช่น ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์  สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อเเผ่นดิน ร.ต.หญิง ระนองรักษ์  สุวรรณฉวี อดีต รมว.ไอซีที, นายพลพีร์ สุวรรณฉวี, นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ , นายพฤฒิชัย  ดำรงค์รัตน์ อดีต รมช.คลัง,

นายจำลอง  ครุฑขุนทด อดีต รมช.ศึกษาธิการ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา  นายวิรัช รัตนเศรษฐ, นายสมชัย  ฉัตรพัฒนศิริ นายประเสริฐ  บุญชัยสุข, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ และอดีต ส.ส.ประกอบด้วย พล.ต.ต.วุฒิ สุโกศล อดีต รมว.แรงงานฯ , นายสุภาพ คลี่ขจาย, นายประทีป กรีฑาเวช, นายวัชรา ณ วังขนาย และนายอร่าม โล่ห์วีระ อดีต รมช.คมนาคม

หากนักการเมืองทั้งหมดนี้ เดินเข้าสู่ชายคาบารมี สุวัจน์ เชื่อแน่ว่า พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จะกลายเป็นพรรคขนาดกลางที่ปลอดภัย สำหรับนักการเมืองทุกคนทีเดียว

ภาพการรวมตัวระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน ( พผ. ) และรวมชาติพัฒนา ( รช. ) โดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายกิติชัย โควสุรัตน์ เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อประกาศเจตนารมณ์ทำการเมืองร่วมกัน จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าพิธีกรรมที่เป็นทางการเท่านั้น

เพราะเอาเข้าจริงแล้ว เมืองหลวงของพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อพัฒนา จะไปอยู่ที่ "นครราชสีมา" เป็นหลัก
ส.ส. 9 คนของพรรครวมชาติพัฒนา พร้อมโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ รมช.คลัง ก็ยังเป็นของรักของหวงในรัฐบาลชุดใหม่

แต่จุดอ่อนของพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ก็คือ ระบบพรรคการเมือง และการขาดผู้นำพรรค

สุวัจน์ บอกกับนักข่าวว่า โคราชถือเป็นเป้าหมายรองจากพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นสมรภูมิการสู้รบทางการเมือง ใครชนะที่โคราช ถือว่าเป็นชัยชนะทางการเมืองค่อนข้างใหญ่ และมีผลต่อชัยชนะจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน ดังนั้นการต่อสู้ต้องดุเดือด ใครแพ้ ใครชนะ หากมีการรวมตัวมากๆ คนที่มีเพื่อนเยอะกว่าก็จะชนะ 

หากเอาฐาน ส.ส.เก่าเป็นเกณฑ์ พรรคเพื่อแผ่นดินมี 5 คน รวมชาติพัฒนา ก็มีอยู่ 5 คน ถ้าสองพรรคนี้คุยกันได้ รวมกันได้ ก็จะได้ 10 ที่นั่ง คือ 2 ใน 3 ดังนั้นรวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จึงมีพลพรรคที่มากกว่า

แต่ปัญหาสำคัญกว่านั้น ใครเป็นดูแลค่าใช้จ่ายของพรรค และ ส.ส.

ข้อสรุปเบื้องต้นที่ทำให้เกิดพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ขึ้นมาได้ ก็คือ มุ้งใครมุ้งมัน

4 กลุ่มเล็กในพรรคขนาดกลาง ทั้ง กลุ่มสุวัจน์ กลุ่มไพโรจน์ กลุ่มพินิจ กลุ่มปรีชา ต่างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเอาเอง

นั่นหมายถึงเก้าอี้รัฐมนตรีที่ควรจะได้รับโควต้าสัก 3-4 เก้าอี้ เพื่อนำมาจัดสรรในพรรค

จนกว่าจะถึงเดือนพฤาภาคม ปี 2555 ที่ทั้ง 4 คนจะพ้นโทษเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี สุวัจน์ จึงจะกลับมานำพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินด้วยตัวเอง

ด้วยความคาดหวังของหลายคนว่า จะกลายเป็นเคนดิเดทนายกรัฐมนตรี หากสามารถรวม อดีตส.ส.ได้มากพอ
สุวัจน์ เกิดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี 2498 จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี และ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเพอร์ดู มลรัฐอินดิอาน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

มีภริยาคือ พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ นายพสุ ลิปตพัลลภ และน.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ

เริ่มเข้าสู่การเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา ในเดือนกรกฎาคม 2531 ต่อมาในปี 2533 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ในปี 2534 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย อีกครั้ง

ภายหลังการยุบสภาในปี พ.ศ. 2535 สุวัจน์ ร่วมกับพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกร ทัพพะรังสี จัดตั้งพรรคชาติพัฒนาขึ้นมา

สุวัจน์ จองเก้าอี้รัฐมนตรีของกระทรวงคมนาคมทุกครั้งที่ร่วมรัฐบาล จึงทำให้เขามีความสนิทสนมกับสุเทพ เทือกสุบรรณ ในรัฐบาลของ พลเอก สุจินดา คราประยูร สุวัจน์ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และในปี 2538 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย
ในปี 2540 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย

แต่ในรัฐบาลทักษิณ สุวัจน์ ไม่เคยได้เดินเข้ากระทรวงคมนาคม ในปี 2545 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ปี 2547 เป็นรองนายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

แต่สุวัจน์ สามารถยึดแหล่งทุนทรัพย์แห่งใหม่ ที่กระทรวงพลังงาน โดยไม่มีเสียงระแคะระคายใดๆ นั่นจึงทำให้การค้นหาจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนในแง่ผลประโยชน์สาธารณะในตัว สุวัจน์ เป็นไปได้ยากเช่นกัน...
กำลังโหลดความคิดเห็น