xs
xsm
sm
md
lg

กรณีศึกษา “แม้ว” ที่ “มาร์ค-ปชป.” ไม่เคยสรุปนำมาใช้ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผ่าประเด็นร้อน

นาทีนี้จะไม่มาเน้นย้ำถึง “ความชั่ว” ของ ทักษิณ ชินวัตร ว่าเคยทุจริต โกงกิน เอาเปรียบชาวบ้านเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวร่ำรวยมาอย่างไร หากินต่อยอดกับธุรกิจสัมปทานผูกขาดของรัฐมาอย่างไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคย “ต๊อกต๋อย” เที่ยววิ่งเต้นขายเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ตามหน่วยงานราชการ เคยแม้กระทั่งหิ้วก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยไปนั่งรอ “เหลิมดาวเทียม” (ก่อนที่จะกลายมาเป็นเป็ดเหลิม) หลายชั่วโมงสมัยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องธุรกิจเคเบิ้ลทีวี

อย่างไรก็ดีจะมองข้ามเรื่องดังกล่าวไปก่อน เนื่องจากที่ผ่านมามีคนสาปแช่งกันไปมากมายแล้ว แต่จะพิจารณาในมุม “พิเศษ” เพื่อชี้ให้เห็นว่าทำไม “มนุษย์พันธุ์พิสดาร”ตนนี้ทำไมถึงยังสามารถ “ครองใจ” คนเสื้อแดงได้อย่างเหนียวแน่น เพราะจะว่าไปแล้วเรื่องเข้าไม่ถึงข้อมูล ความซื่อ ก็ไม่น่าใช่เต็มร้อย

ขณะเดียวกันหากหยิบยกเอาเหตุผลดังกล่าวมาโต้แย้งก็ต้องโยนกลับไปที่ฝ่ายรัฐบาลว่าทำไมถึงไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้านได้เลย ทำไมคนพวกนี้ถึงยังหลงใหล ทักษิณ ชินวัตร และบรรดา “หัวโจก” คนเสื้อแดงได้อย่างหัวปักหัวปำได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่แต่ละคนหากพิจารณาจากภูมิหลังแล้วน่าจะ “ร้องยี้” ทุกคน ซึ่งการพิจารณาไม่ต้องเอาเรื่องจนรวย หรือเรื่องการไม่รู้หนังสือของแกนนำบางคนมาอ้างเพื่อดูถูกเหยียดหยาม

แต่สาเหตุสำคัญที่สุดน่าจะมาจากการที่คนพวกนี้เข้าถึงและเข้าใจชาวบ้านที่ยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมมากกว่า

นั่นเป็นจุดเด่นของ ทักษิณ หรือที่เรียกให้ครอบคลุมว่า “ระบอบทักษิณ” เพราะแม้กระทั่งหลอกล่อ ปลุกระดมพาไปตายคนพวกนี้ก็ยอม แม้กระทั่งระดับปลายแถวที่ถูกดำเนินคดี แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลไม่เคยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่บอกว่าเป็นเนื้อเดียวกันไปใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว จนยังต้องติดคุกจนถึงปัจจุบัน มีเพียงแกนนำที่มีประโยชน์เท่านั้น ที่ได้รับการดูแล

มองในมุมบวก ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า คนอย่างทักษิณ เมื่อครั้งที่มีอำนาจเป็นรัฐบาล ก็สามารถสร้างผลงานให้ชาวบ้านได้ “จดจำ” หลายโครงการ แม้ว่าจะแอบแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมในลักษณะโยน “เศษเงิน” ลงมาเจือจานเพียงน้อยนิด และเงินเหล่านั้นแท้ที่จริงแล้วก็เป็นเงินของชาวบ้าน ทั้งในรูปของงบประมาณ เงินหวย แต่ทั้งหลายทั้งปวงเขาก็คิดค้นรูปแบบที่แสดงให้เห็นว่ามีการ “เคลื่อนไหว” พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ฉีกแนวเดิมๆออกไป

แม้จะออกมาในแนว “สร้างภาพ” แต่มันก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมๆอย่างสิ้นเชิง โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค พักหนี้ สารพัดเอื้ออาทร ทำตัวให้เห็นว่า “เข้าใจชาวบ้าน” ทำได้แม้กระทั่งจัดเรียลลิตี้ ถ่ายทอดสดการแสดง ลงไปนุ่งผ้าขะม้าแก้ปัญหาความจนที่อำเภออาจสามารถ มีการด่าข้าราชการโชว์ชาวบ้านที่ร้อยวันพันปีมีแต่ขู่ตะคอกตาสีตาสา ภาพที่เห็นมัน “สะใจ” ซี๊ดปาก นี่คือ “เทวดาแม้ว” มาโปรด เข้าใจคนจนอย่างเราจริงวุ้ย ให้อารมณ์ร่วมประมาณนี้

แม้ว่าเมื่อการแสดงสดจบลงไปแล้ว ปัญหาทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่อำเภออาจสามารถ ก็ยังเป็นแบบเดิม ยังจนเหมือนเดิม แต่นั่นก็เป็นภาพติดตามาจนถึงทุกวันนี้

ตัดภาพมาทางรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ลองนึกมาสักเรื่องซิว่ามีอะไรโดดเด่นให้จดจำบ้าง ก็อาจจะมีเรื่องนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพคนชรา แต่ก็นั่นก็ถูกทำให้เข้าใจจากฝ่ายแม้วว่า ลอกนโยบาย “ประชานิยม” เขามาเสียอีก ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่จดจำ แม้ว่าหลายโครงการที่ออกมาจะเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาก็คือไม่มีกลยุทธ์ในการขยายผลสร้างความประทับใจกับคนจำนวนมาก อาจเป็นเพราะตัวผู้นำคือ อภิสิทธิ์ ไม่เคยเติบโตในสังคมชาวบ้าน ไม่เคยมีเพื่อน ไม่เข้าสังคม ตกเย็นก็กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว แม้จะน่าชื่นชม แต่ในทางการเมืองมันก็เป็นจุดอ่อนเหมือนกัน

ตัวอย่างที่เพิ่งผ่านไป แม้ว่าไม่อยากจะนำเรื่องความเดือดร้อนทุกข์ยากของชาวบ้านมาเปรียบในทางการเมือง แต่มันจำเป็นที่ต้องชี้ให้เห็นก็คือกรณีอุทกภัยนอกฤดูทางภาคใต้ที่เพิ่งเกิดขึ้น แทนที่รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ ผู้จัดการรัฐบาล อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์จะใช้เป็น “โอกาสทอง” ลงไปแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที ยกเลิกกำหนดการ “ห่วยๆ” ทั้งหลายทิ้งไปให้หมด ลงไปค้างคืน นั่งบัญชาการเรียกระดมผู้ว่า นายอำเภอที่ประสบปัญหา เรียกทุกหน่วยงานเข้ามา ติดขัดตรงไหนก็ให้แก้ไขเดี๋ยวนั้นโชว์กันไปเลย แต่นี่ตรงกันข้าม เรื่อยๆเอื่อยๆ ยังเป็นประเภทฟังบรรยายสรุปในห้องแอร์ ไม่ต่างจากปลัดกระทรวง บางครั้งอดลองนึกภาพเปรียบเทียบเล่นๆว่าถ้าเป็น “แม้ว” ละก็สนุกแน่ เพราะนี่คือจังหวะที่อีกมุมหนึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ นายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ปล่อยให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย

มากลับลำพลิกตัวเอาตอนนี้ มันก็สายไปเสียแล้ว ประเภทรองนายกฯสุเทพ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ หรือใครต่อใครที่ลงพื้นที่สัปดาห์ละสองสามวัน ชาวบ้านทั่วไปเขารู้สึกเฉยๆ เพราะผ่านบรรยากาศที่สร้างความจดจำได้ผ่านไปหมดแล้ว เพราะต่อไปนี้จะเหลือแต่เรื่องที่จะ “ถูกด่า” ตามหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการช่วยเหลือล่าช้า ไม่ทั่วถึงเป็นต้น จะประดังเข้ามาเป็นชุด

ดังนั้นในช่วงที่กำลังเซ็งๆกับนักการเมืองห่วยแตกที่กำลังจะเข้ามาสู่สนามเลือกตั้ง เสนอหน้ามาเข้าสู่พิธีกรรม “ฟอกตัว” ให้ชาวบ้านรับรองจึงเปรียบเทียบให้เห็นระหว่างนักการเมือง “จอมสร้างภาพ” สองคน คนแรกคือ ทักษิณ ชินวัตร กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งคนหลังกำลังย่ำยีและทำร้ายความรู้สึกของคนไทยที่เคยโอบอุ้มและให้กำลัง แต่ผลที่ได้รับกลับมามันน่าเจ็บปวด เพราะเขากับพวกไม่เคยสรุปบทเรียนในยุคของ ทักษิณ แทบทั้งหมดยังเดินย่ำรอยเดิม

ที่สำคัญผ่านมากว่าสองปี ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เสียเวลาเปล่า !!
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น