คอลัมน์ “จันทร์ส่องดาว”จันทร์นี้ขอนำเสนอ นายตำรวจน้ำดีอีกคนหนึ่งแห่งวงการสีกากี ผู้ที่ผ่านงานด้านการสืบสวนมาอย่างโชกโชน ก่อนที่จะก้าวขึ้นรับตำแหน่งงานด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม แถมมีดีกรีเป็นถึง “ครูฝึก”การประกวดชุดจู่โจม ได้รับโล่รางวัลการันตีจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาแล้วหลายรางวัล นั่นคือ “รองต๋อย”พ.ต.ท.ธวัชชัย ศรีสุรางค์ รองผกก.ปป.สน.บางมด“นายตำรวจติดดิน”ที่ชาวบ้านดินแดนส้มดังชื่นชมและยกนิ้วให้ ไม่แพ้ขวัญใจแม่ยกตามคณะลิเกเลยทีเดียว!
“รองต๋อย”เกิดวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2502 เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ แม้จะไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานมาโดยตรง แต่ก็พากเพียร มุ่งมั่น และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง จนสามารถเดินบนเส้นทางสีกากีได้อย่างเต็มภาคภูมิ...
เริ่มรับราชการตำรวจครั้งแรกปี 2526 ในตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสายตรวจ สน.มักกะสัน หลังจากที่จบโรงเรียนพลตำรวจนครบาลรุ่นที่ 55 สอบได้ที่ 1 ของกองร้อยที่ 1 ซึ่งระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ได้รับรางวัล “สายตรวจดีเด่น”ของโรงพัก ก่อนที่จะถูกดึงตัวไปช่วยงานด้านฝ่ายสืบสวนและก็ได้รับรางวัล “สายสืบดีเด่น” ได้รับเสื้อสามารถมาเป็นเครื่องการันตีอีก 1 รางวัล นอกจากนั้น “รองต๋อย”ก็ไม่เคยละทิ้งเรื่องการศึกษาพยายามขวนขวายจนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ติดตัวไว้ด้วย 1 ใบ
ไม่เพียงเท่านั้นยังมุ่งมั่นไปซุ่มสอบเลื่อนชั้นเป็นนายตำรวจสัญญาบัตรอยู่ 2 ครั้ง แต่น่าเสียดายที่สอบติดตัวสำรอง จนกระทั่งครั้งที่ 3 สามารถสอบได้เข้ารับการอบรมหลักสูตร กอน.3 รุ่นปราบปราม 34 ทำคะแนนดีได้รับสิทธิ์เลือกว่าจะสังกัดโรงพักไหนเลยเลือกเข้าไปสังกัดอยู่ ที่ สน.ยานนาวา ดำรงตำแหน่ง รองสวป.ในปี 2535 ก่อนเข้าเรียนหลักสูตรสารวัตรรุ่นที่ 56 ได้รับการแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งสารวัตรงานฝึกอบรมกองกำกับการกำลังพล ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
อีก 2 ปีต่อมา ก็โยกกลับมานครบาล รับตำแหน่งสารวัตรงานนโยบายและแผน บก.น.9 อยู่ได้ 2 ปี ก็ย้ายมารับตำแหน่งสว.สส.สน.บางมด ทำงานสืบสวนตลอดเรื่อยมา จนสำเร็จการศึกษาในระดับ ปริญญาโทสังคมศาสตร์มหาบัณฑิตสาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม ของมหาวิทยาลัยมหิดล กระทั่งปี 2547 ก็ได้รับความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่ง รองผกก.ปป.สน.บางมด ถึงปัจจุบัน ขณะนี้อยู่ระหว่าง “การอบรมหลักสูตรผู้กำกับการ รุ่นที่ 78 ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน”
“รองต๋อย” เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะเข้ารับราชการตำรวจ ว่า เริ่มแรกเรียนที่โรงเรียนเทคโนโลยีสมุทรปราการ เป็นนักเรียนช่างกล ซึ่งพอจบมาก็ไปเรียนคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราคำแหง แต่เรียนไปได้สักพักก็ดร็อปเอาไว้ เพราะเพื่อนนำใบสมัครสอบโรงเรียนพลตำรวจที่บางเขนมาให้ พอไปสอบก็ปรากฎว่าติดทั้งคู่ ผมจึงเรียนจนจบ ซึ่งตอนนั้นได้ที่ 1 ของกองร้อย 1 นั่นก็เป็นจุดแรกที่ทำให้ได้เข้ามารับราชการตำรวจเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ในการทำงานผมจะยึดหลัก “ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด”ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องงาน ผู้บังคับบัญชาสั่งการอะไรก็จะทำให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถให้ดี ที่สุด เท่าที่จะทำได้ !
สำหรับผลงานของรองผกก.ป คนนี้ มีแทบไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฉ้อโกง ตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งสว.สส.สน.บางมด หลายคดีที่แม้จะไม่เป็นข่าวตามหน้าจอทีวีหรือหนังสือพิมพ์ แต่ประชาชนในย่าน สน.บางมด ต่างรู้กันดี!!! เพราะรองต๋อยทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ได้อย่างดีเยี่ยม
คดีที่ภาคภูมิใจรองต๋อยบอกว่า เป็น “คดีการจับกุมแก๊งปลาคาร์ฟ”เมื่อปี 2547 ซึ่งหลังเกิดเหตุเพียง 1 วันก็สามารถตามรวบตัวได้ยกแก๊ง สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งนี้จะหลอกคุยกับเหยื่อที่เป็นหญิงสาวทางอินเตอร์เน็ท เมื่อเหยื่อตายใจก็พาไปรุมโทรมกับเพื่อนและขโมยเอาทรัพย์สินไป ทำมาแล้วหลายครั้ง โดยเหยื่อรายล่าสุดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งนี้สมาชิกในแก๊งมีประวัติก่อคดีมาอย่างโชกโชน และทุกคนจะสักรูปปลาคาร์ฟไว้ที่ไหล่ด้านขวา จึงเรียกกันว่าแก๊งปลาคาร์ฟ
นอกจากรองต๋อยจะทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์แล้ว ยังสวมบทบาทเป็น “ครูฝึก” ทำหน้าที่เป็นครูควบคุมการฝึกประกวดชุดจู่โจมของข้าราชการตำรวจประจำปีอีก ด้วย โดยเมื่อปี 2551 สมัย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ดำรงตำแหน่งผบช.น. สน.บางมด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ1 ถัดมาในปี 2552 จึงได้รับคัดเลือกจากบก.น.8 ให้เป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับกองบัญชาการ ซึ่งผลปรากฏว่า บก.น.8 สามารคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ รับโล่รางวัลจากบช.น.มาการันตีอีกรางวัล
เป็นนายตำรวจน้ำดีและมากความสามารถที่ไม่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนและ วงการสีกากีเลยจริงๆ ปฏิบัติงานด้วยจิตวิญญาณเข้าถึงประชาชน ไม่ใช้เพียงแค่ “ปากจ่อไมค์ ไฟส่องหน้า”ถือได้ว่าเป็นนายตำรวจที่ “จันทร์ส่องดาว”ภูมิใจนำเสนออีกคนหนึ่ง