ปีเสือดุ ปีที่เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่มากมายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เข้าสู่ปีกระต่ายใน พุทธศักราช 2554 เป็นอีกปีที่ไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า แต่อย่างไรก็ตาม ภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ก็ยังคงดำเนินต่อไป พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม ได้เปิดเผยถึงแนวทางการทำงานของตำรวจนครบาลในด้านป้องกันอาชญากรรมในเขตพื้นที่รับผิดชอบทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร ในปี2554 ตลอดปี
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า ภาระหน้าที่ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นกำลังหลักในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในกรุงเทพมหานคร โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความเรียบร้อยที่สารพันปัญหา เช่น การดูแลม็อบ การดูแลความมั่นคงของประเทศ ฯลฯ หลังจากนี้ สิ่งที่ต้องเร่งทำงานให้ออกมาเป็นรูปธรรม คือ การเรียกระดมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีศักยภาพ มาปฏิบัติงานอย่างคุ้มค่าเพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน โดยเพิ่มระยะเวลาการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะต้องปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นต้นแบบนำร่องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จนไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
รองผบช.น.ผู้นี้ ระบุด้วยว่า สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือกำลังตำรวจไม่เพียงพอ ที่จะเข้ามาดูแลงานป้องกันปราบปรามได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากองค์กรของตำรวจ มีกำลังไม่มากเท่ากับประชากรในปัจจุบัน จึงมีแนวคิดที่จะนำกำลังตำรวจที่มีอยู่ทั้งหมด มาผสมผสานให้ลงตัว เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจธุรการ อคฝ. ฯลฯ มาช่วยงานปราบปราม โดยเชื่อว่างานที่ออกมา จะเป็นที่น่าพอใจ จนลดปัญหาอาชญากรรมได้แน่นอน
“การเรียกใช้กำลังจากหน่วยอื่นๆให้มาช่วยงาน จะต้องดูตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เพราะหากนำกำลังที่มีอยู่มาใช้ทุกวัน ตำรวจคงต้องหมดสภาพแน่นอน”พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าว
พล.ต.ต.วรศักดิ์ ปรารภต่อว่า ต่อจากนี้ ประชาชนจะเห็นตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่อยู่เวรตามป้อมหรือตามแยกไฟแดง จะถือรีโมทควบคุมสัญญาณไฟจราจร บริเวณนอกตู้สัญญาณจราจร เพื่อเป็นการช่วยสกัดจับกุมโจรผู้ร้าย มิจฉาชีพ ได้อย่างทันท่วงที เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังนำกำลังอาสาสมัครภาคเอกชน อาทิ ตำรวจบ้าน อปพร. เข้ามาช่วยเสริมการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยให้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งจะทำให้ตำรวจสะดวกในการทำงาน รวมถึงยังเป็นการช่วยผู้พิทักษ์กฎหมายโดยเป็นหูเป็นตาดูแลสอดส่องสิ่งผิดในจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าถึงได้
รองผบช.น. ได้กล่าวถึงหลักในการปฏิบัติงาน ว่า เพราะหน้าที่ตำรวจนครบาล คือการพิทักษ์ประชาชน ดังนั้น จึงต้องยึดแนวทางว่าประชาชนต้องการอะไร คดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ส่งผลกระทบกับผู้คนมากน้อยเพียงใด โดยจะมีการประเมินและวิเคราะห์การแก้ไขปัญหา เพื่อต้องการให้ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นลดลงให้ได้ ตลอดจนไปถึงภาคประชาชนที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง
“การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในปี 54 เราไม่สามารถคาดการณ์หรือกำหนดได้ว่าสถิติการก่อเหตุจะต้องลดลงหรือเพิ่มขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอย่างไรให้สังคมมีสงบสุขมากที่สุด นั่นคือสิ่งสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ โดยในปี2554 โครงการเก่าๆที่มีอยู่ก็จะยังนำมาปัดฝุ่นใช้ใหม่ทั้งหมด และอาจจะมีการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น โครงการเซฟตี้โซน ฝากบ้านกับเพื่อนบ้าน ฝากบ้านกับตำรวจเป็นต้น” พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าว
พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวอีกว่า ปัญหาอาชญากรรมที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขมากที่สุดในขณะนี้คือ ปัญหาอาชญากรรมเหตุรุนแรง เช่น ชิงทรัพย์จนเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ ฯลฯ ส่วนปัญหาการชุมนุมที่จะมีขึ้นอีกนั้น ทางตำรวจมีมาตรการป้องกันเหตุชุมนุมอยู่แล้ว เพียงแต่จะต้องปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นตำรวจไม่สามารถคาดเดาได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเตรียมพร้อมและปฏิบัติอย่างเต็มที่กับทุกๆเหตุการณ์
สุดท้าย รองผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบงานปราบปรามอาชญากรรม แสดงความมั่นใจว่า ในปี 2554 ตลอดศกนี้ ตำรวจนครบาล จะพยายามปฎิบัติหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยจะให้ประชาชนได้เห็นถึงการบริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ดีขึ้น ปัญหาอาชญากรรมจะลดน้อยลงอย่างแน่นอน