รัฐเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดและกวาดล้างอาวุธสงคราม พร้อมมอบนโยบายส่วนราชการ เร่งรัด 3 เดือนล้างปัญหาลด แนะผู้ว่าฯ เป็นพระเอก ปลูกฝังนายอำเภอปราบปรามเข้มงวด โดยเฉพาะ 175 อำเภอ สั่งประชุมทุกเดือน ฝากความหวัง ตร.-ทหารร่วมกันบูรณาการให้ยาเสพติดลดลง ส่วน กทม.จัดเป็นวาระพิเศษเพราะเป็นตลาดใหญ่ ขอบคุณ ผบ.ตร.ลงปราบด้วยตัวเอง พร้อม “เสธ.ทบ.” ดูแลศูนย์ติดตามฯ
วันนี้ (14 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มอบนโยบายเพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามปฏิบัติการประเทศไทยเข้มแข็ง ชนะยาเสพติด ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 แก่หัวหน้าส่วนราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่ง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมในการมอบนโยบายครั้งนี้ด้วย
นายสุเทพกล่าวตอนหนึ่งว่า ที่เชิญมาประชุมกันในวันนี้เพื่อซักซ้อมนโยบายให้เร่งรัดการแก้ปัญหายาเสพติดตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 306/2553 เรื่องปฏิบัติการไทยเข็มแข็ง ชนะยาเสพติดยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกัน ระยะที่ 3 โดยวันที่ 21 ธ.ค.2553 ที่ผ่านมา ตนได้เรียกประชุมตำรวจทั้งตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการตำรวจ และในทุกระดับมาแล้วเพื่อให้ศึกษาคำสั่งดังกล่าวให้ชัดเจน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถานีตำรวจทุกสถานี เพื่อกำหนดเป้าหมาย หากประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาต้องเร่งรัดในการจับกุม และได้ย้ำให้ตำรวจใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการบูรณาการที่ดี มีการติดตามผล และรายงานผลในทุกเดือน โดยในวันที่ 21 ม.ค.นี้จะครบ 30 วัน ซึ่งต้องมีการรายงานการดำเนินการของตำรวจในครั้งแรกว่าได้ผลอย่างไร
นายสุเทพกล่าวว่า ได้มีการกำชับให้มีการขยายผลในทุกคดี ป้องกันกลุ่มเสี่ยง ดำเนินการต่อสถานบันเทิง ทั้งนี้ ได้เห็นสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว คาดหวังว่าที่ตำรวจทำจะทำให้การค้ายาชะงักลง ที่สำคัญทำให้ประชาชนมั่นใจว่าการปราบปรามสามารถทำให้สถานการณ์ยาเสพติดเบาบางลง แก้ปัญหาได้ ต้องร่วมมือจริงจังและเข้มแข็ง ต้องร่วมมือตลอดไป สำหรับเรื่องใหญ่ที่ต้องทำคือบูรณาการทุกฝ่ายตามคำสั่ง ป.ป.ส.ที่ 14/2553 เรื่องเร่งรัด 3 เดือน เพื่อเป็นแนวทางทุกหน่วยงานว่าให้มาประชุมในวันนี้ เพื่อซักซ้อมการบูรณาการร่วมกัน นอกจากนี้
“ถือโอกาสขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ท่านอาสารับผิดชอบปราบปรามยาเสพติดด้วยตัวเอง ได้มีการสั่งการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ ให้รับผิดชอบด้วยตัวเอง ทำให้ประชาชนมั่นใจเพราะผู้บัญชาการหน่วยต่างๆ รับผิดชอบด้วยตัวเอง” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องถือว่าวาระยาเสพติดเป็นภารกิจสำคัญเพื่อความมั่นคงของชาติ ผู้ว่าราชการฯ ต้องเป็นพระเอกในการใช้อำนาจ บทบาท อำนาจที่ได้รับจากกระทรวงเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดตามมาตรการ 5 รั้วป้องกัน ให้ได้ภายใน 3 เดือน และทุกกระทรวงต้องร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเคร่งครัด กลไกการแก้ปัญหาของ ศตส.กอ.รมน.ต้องมานั่งคุยกันศึกษาคำสั่ง 306 ทั้งผู้บัญชาการทหารบก กระทรวงมหาดไทยให้ชัดเจน สามารถถ่ายทอดต่อไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา แปลงเป็นการปฏิบัติการที่ถูกต้อง
“ถือโอกาสรบกวนผู้ว่าฯทบทวนดูว่าในจังหวัดทำแผนปฏิบัติการ 3 เดือนเร่งด่วน แล้วหรือไม่ หรือได้มีกำหนดพื้นที่ปราบปรามในพื้นที่ใดบ้าง ระบุบุคคลที่รับผิชอบ ผมสังเกตเห็นหลายจังหวัดยังไม่แข็งแรง เพราะบางจังหวัดยังไม่ได้แผนดังกล่าว ดังนั้น ภายใน 7 วัน ทุกจังหวัดต้องทำให้แผนชัดเจน เมื่อเสร็จแล้วให้รายงานมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อผ่านมายังผม” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า ทั้งนี้ตำรวจต้องเป็นกำลังสำคัญของผู้ว่าราชการในการแก้ไขปัญหา หลังจากนี้ไม่นาน สตช.จะมีคำสั่งผู้กำกับจะเชิญมาทุกสถานีมาซักซ้อมเพื่อร่วมกับผู้ว่าฯ เต็มที่ ผู้ว่าฯ ต้องมีการกำกับติดตามให้มีการสืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์ทุกคดี รวมทั้งเพิ่มบทบาทการบำบัดรักษา หากเหลือบ่ากว่าแรงก็ให้ประสานไปยังกองทัพช่วยดูแล เพื่อดัดแปลงกองทัพภาคเป็นที่บำบัดรักษาเพิ่มเติม และในช่วงเดือนมีนาคมนี้จะเป็นช่วงปิดเทอม อยากให้มีการจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ให้แก่เยาวชน เพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งอยากให้ผู้ว่าฯ หารือกับตำรวจ อัยการ ศาลเพื่อใช้ช่องทางกฎหมาย นำผู้เสพไปบำบัดเร็วขึ้น หลังจากที่มีคำสั่งศาลออกมา
นายสุเทพกล่าวว่า หัวใจสำคัญขอผู้ว่าฯต้องปลูกฝังพลังให้นายอำเภอ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เอาชนะยาเสพติด (ศตส.) ทำหน้าที่เหมือนท่านในทุกจังหวัด เพราะนายอำเภออยู่ใกล้ชิดพื้นที่มากกว่า อยากให้ทุกอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ 175 อำเภอ ต้องเคี่ยวเข็ญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน และชายแดนภาคใต้ อยากให้มีการประชุม ศตส.ทุกเดือน ให้ผู้ว่าเป็นประธานเอง เพื่อประเมินผลติดตามผล หวังว่าผู้ว่าฯ จะทำให้ยุทธศาสตร์เป็นจริงและสำเร็จ ต้องทำให้ทุกรั้วแข็งแรงให้ได้ และเชื่อมั่นว่าต้องทำได้
นายสุเทพกล่าวอีกว่า อยากฝากให้แม่ทัพภาค ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค ให้ดูแลรั้วชายแดนเป็นพิเศษ หากต้องการให้มีการสนับสนุนเรื่องอะไรก็ให้บอกมาได้ ในส่วนกรุงเทพมหานครนั้นจะมีการประชุมเพื่อติดตามดูแลพื้นที่และจะมีการพิจารณาจัดวาระพิเศษ ยกระดับให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะกทม.เป็นตลาดใหญ่ มาคุยปราบปรามยาเสพติดข้ามชาติ เอาหน่วยข่าวมาร่วมกันบูรณาการและยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ที่พูดมานี้เราต้องมีโดยศูนย์อำนวยการติตามการดำเนินงานจะขอให้ เสธ.ทบ. ในฐานะที่เป็นเลขาธิการ กอ.รมน.เป็นผู้รับผิดชอบศูนย์ฯ นี้ จะเรียกเป็นโอเปอเรชันรูม ให้ไปคิดมาและแจ้งให้ผู้ว่าฯ รับทราบว่าต่อไปให้รายงานผลการปฏิบัติการ ตนจะได้เรียกข้อมูลจากศูนย์ฯ นี้
“นายกรัฐมนตรียังกังวลใจปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น จึงขอให้ผู้ว่าฯดูแลเป็นพิเศษ โดยอยากให้เตรียมแผนการกวาดล้างอาวุธสงครามที่อยุ่ในพื้นที่ต้องทำให้คลีน พอมีข่าวเอาเอ็ม 16 อาก้า มายิงกัน คนเสียกำลังใจส่งผลกระทบ ขอให้รับไปเป็นภาระดำเนินการด่วน ทำให้พร้อมกันทั้งประเทศ อยากให้ผู้ว่าฯ คุยกับผู้การตำรวจ เพื่อเรียกเอาข้อมูลการจับกุมผุ้ต้องหายาเสพติดเอาบัญชีรายชื่อผู้ต้องหาเกี่ยวกับยาเสพติดมาตรวจสอบเพื่อยกเลิกใบอนุญาตพกปืน ยกเลิกให้มีและใช้อาวุธปืนกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ปืน ให้ยึดเป็นของหลวง และฝาก ผบ.ตร.เรื่องนี้ด้วย ทำอย่างไรจะเอาปืนเหล่านั้นมาเป็นของหลวงได้ จะได้ประหยัดงบประมาณและเอามาปราบพวกนั้นต่อไป” นายสุเทพกล่าว