คลอดกฎเหล็กแก้วิกฤติไทยลีก

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในสนามฟุตบอลบ่อยครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา ส่งผลให้ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานกรรมการบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกจำกัด เตรียมคลอดกฎเหล็กเพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดกับเหล่าบรรดาสิงห์เชิ้ตดำและแฟนบอลในศึกไทยลีกตามมาอีก

ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง กล่าวถึงต้นตอแห่งปัญหาความรุนแรงในสนามฟาดแข้งไทยลีก มาจาก 3 ปัจจัยหลัก "ต้นเหตุแห่งความรุนแรงมี 3 ปัจจัยหลัก คือ ตัวพาหะ หรือประชากรที่มารวมตัวกันในสนามไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หากมีอารมณ์ที่รุนแรงก็อาจเป็นชนวนของปัญหาได้ ขณะที่ผู้ชม ที่มีความแตกต่างทั้งเพศและวัย รวมถึงระบบตุลาการสนาม หรือผู้ตัดสิน ที่มีสิทธิ์ชี้เป็น ชี้ตายให้แก่ทีมฟุตบอลที่กำลังแข่งขัน และเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งทีมที่รับหน้าที่เป็นทีมเหย้าต้องรับผิดชอบทั้งหมด จากนั้นต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีพอโดยทาง บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก ได้ร่วมกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการกำหนดหลักเกณฑ์ อาทิ สนามแข่งขันต้องมีทางเข้า-ออก อย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีการแบ่งโซน รั้วรอบขอบชิด นอกจากนี้ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ หรือ การ์ด ต้องยอมรับว่าในบ้านเรายังไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ"

ทั้งนี้ "ดร.ลูกหนัง" กล่าวต่อไปว่า "สังเกตได้จากเหตุการณ์รุนแรงในช่วงต้นปี 2553 ที่ผ่านมาในการชิงชนะเลิศถ้วย ก. ระหว่างเมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือไทย เอฟซี พบว่าการป้องกันทุกอย่างในสนามเป็นปกติ ทว่าที่เกิดปัญหาเนื่องจากกองเชียร์บางกลุ่มของการท่าเรือฯ ที่เป็นกลุ่มนิยมความรุนแรงจึงเป็นชนวนเกิดเหตุ ต่อมาในนัดสุดท้ายของไทยพรีเมียร์ลีก การแข่งขันระหว่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี กับ การท่าเรือไทย เอฟซี พบว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมเหตุการณ์ได้ดี แต่มีการขว้างปาสิ่งของในลักษณะโยนยาวใส่กันซึ่งห้ามปรามลำบาก สุดท้ายที่นครปฐม เอฟซี พบ ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ปรากฏว่าเป็นเรื่องของการที่คนบางกลุ่มเชื่อว่าทีมตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตัดสินของกรรมการ เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากตัวพาหะนั่นเอง"

ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวภายใต้หน้าที่ของทางบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกจำกัด ประธานไทยพรีเมียร์ลีก กล่าวเสียงเข้มว่า "ในฤดูกาล 2011 ไทยพรีเมียร์ลีก ได้ออกกฏเกณฑ์การลงโทษที่ค่อนข้างละเอียดและรุนแรง สำหรับกรณีที่ผู้เล่นหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับผู้ตัดสิน โดยจะมีการกำหนดบทลงโทษทั้งการปรับคะแนนตัวผู้เล่น รวมถึงสโมสรต้นสังกัด ทั้งนี้หากเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าให้อภัย จะยกระดับดีกรีความรุนแรงถึงขั้นตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงแข่งขันต่อไป ต้องยอมรับว่าฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง หากใครแตะต้องตัวผู้ตัดสินระหว่างทำหน้าที่ จะโดนทำโทษขั้นรุนแรง ขณะเดียวกันบางครั้งอารมณ์ของนักเตะและผู้ชมเกิดอาการไม่ใว้วางใจคำตัดสินของกรรมการ เพื่อเป็นความโปร่งใสทางไทยพรีเมียร์ลีกได้ส่งคนไปตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่อยู่ภายใต้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทุกสนาม"

ขณะเดียวกัน ดร.วิชิต ยังฝากไปยังหน่วยงานรัฐฯ ด้วยว่า "เพื่อเป็นการลดเหตุการณ์รุนแรงได้อย่างทันท่วงทีผมขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านสภาพแวดล้อมคือการออกกฏหมายมารองรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ การ์ด ให้มีอำนาจหน้าที่ในสนามได้อย่างเต็มที่ เพื่อระงับเหตุและป้องกันคนที่จะเข้ามาบุกรุกพื้นที่ในสนามการแข่งขัน อีกทั้งสนามส่วนใหญ่มีโครงสร้างที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการป้องกันเหตุได้ เนื่องจากเป็นสนามที่ทางสโมสรฯ ได้ทำสัญญาเช่ากับรัฐบาล หากช่วยปรับปรุงให้สนามมีสภาพที่ดีขึ้นกว่านี้คาดว่าช่วยลดเหตุการณ์บานปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ด้าน วรวุฒิ โรจนพานิช ประธานคณะกรรมมาธิการการกีฬา วุฒิสภา กล่าวว่า "จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อวงการกีฬาฟุตบอลอย่างกว้างขวาง ทางวุฒิสภาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพื่อเป็นการพัฒนาและหยุดยั้งปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงในสนามฟุตบอล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับแฟนบอลพอสมควร"

"นอกจากนี้ข่าวเรื่องผู้ตัดสินลำเอียง หรือรับสินบนถือว่าหนาหูพอสมควร ซึ่งอาจมีพฤติกรรมเช่นนั้นก็ได้ ทว่าไม่มีหลักฐานยืนยัน การแก้ปัญหานั้นเป็นเรื่องของการมีน้ำใจนักกีฬาต่อกัน สิ่งนี้ต้องปลูกฝังให้กับแฟนกีฬาทุกระดับ รวมถึง บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องช่วยกันตรวจสอบ เพราะคงไม่มีใครอยากให้ฟุตบอลไทยย้อนกลับไปสู่ยุคที่แข่งกันเอง ดูกันเอง เพราะไม่มีความปลอดภัยในสนามอีกครั้ง" ประธานคณะกรรมมาธิการการกีฬา กล่าว