เปิดตัวพันธมิตร "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ สุดโก้ ! เมื่อได้บริษัทแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนำโดยนายวรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซูเปอร์ริช (แบงค็อก) จำกัด เซ็นสัญญาร่วมทุนกับสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ด้วยการเทงบ 60 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมี "บิ๊กเชฐ" พิเชฐ มั่นคง ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรฯ และใช้ชุดทำงานเช่นเดิม พร้อมกับเปิดตัว วอสซี จูเนียร์ กองหน้าผิวสี และ "มหาโต" นิพนธ์ มาลานนท์ อดีตโค้ชผู้รักษาประตูสุดเคี่ยวของ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มาร่วมเสริมทัพ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันพุธที่ 5 มกราคม 2554 "บิ๊กเชฐ" พิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ร่วมกับ สะสม พบประเสริฐ กุนซือสโมสรฯ แถลงข่าวลงนามบันทึกความตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) กับพันธมิตรร่วมทุนที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของทีมระหว่าง บริษัท ซุปเปอร์ริช (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี พร้อมเปิดตัวนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชคนใหม่ ณ ห้องประชุมสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี
โดยพันธมิตรที่เข้าร่วมทุนกับ "สิงห์เจ้าท่า" นำโดย นายวรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซูเปอร์ริช (แบงค็อก) จำกัด หรือ บ.แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ที่มาพร้อมกับ นายสมบัติ เทพธารานนท์ เลขานุการบริษัทฯ ซึ่งจะให้งบสนับสนุนสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ปีละ 60 ล้านบาท หรือ เดือนละ 5-6 ล้านบาท นอกจากนี้ วรพงษ์ กล่าวหลังเซ็นสัญญาว่า "ผมเป็นนักกีฬาและชอบช่วยเหลือสังคมมาตลอด ถือว่าการมาสนับสนุนสโมสรการท่าเรือฯ เป็นการช่วยเหลือเยาวชน ซึ่งคุณพิเชฐ มั่นคง ยังดำรงประธานสโมสรฯ เช่นเดิม ทั้งนี้ยังมี พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ และ นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์"
ขณะเดียวกัน นายพิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี เผยถึงปัญหาระหว่างบอร์ดการท่าเรือไทยฯ กับ สโมสรการท่าเรือฯ ว่า "จากเดิมที่บอร์ดการท่าเรือฯ อนุมัติให้ผมเป็นผู้ทำสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี โดยปีแรกได้เทงบลงมา 21 ล้านบาท ปี 2553 ที่ผ่านมา จำนวน 9.9 ล้านบาท ส่วนที่เหลือได้จากสปอนเซอร์และที่ไปกู้เป็นหนี้สินตามมา แต่เมื่อบอร์ดการท่าเรือฯ ไม่ได้อนุมัติการจ่ายงบเนื่องจากมองว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจึงไม่เหมาะสมแก่การจ่ายงบให้กับสโมสรที่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว ทำให้สโมสรฯ ขาดสภาพคล่องตั้งแต่เดิอนพฤษภาคม 2553 จนเป็นหนี้กว่า 50 ล้านบาท เมื่อได้ บ.ซูเปอร์ริช มาช่วยผยุงสโมสรก็ถือเป็นเรื่องดี และคาดว่าในปีนี้สามารถใช้หนี้ได้หมดแน่นอน"
"ส่วนที่มีข่าวว่าสโมสรมีปัญหาขัดแย้งกับการท่าเรือฯ นั้นไม่เป็นความจริง และสิงห์เจ้าท่าจะยังคงใช้แพท สเตเดียม เป็นสนามเหย้าต่อไป เนื่องจากมีการทำบันทึกความตกลงร่วมกัน(เอ็มโอยู) ระหว่างสโมสร กับการท่าเรือฯ คือ 1.การท่าเรือฯ จะให้สโมสรฯ ใช้สนามแพท สเตเดียมเป็นเวลา 5 ปี โดยหลังจากนั้นจะเจรจาอีกครั้ง 2.การท่าเรือฯ จะอุดหนุนงบประมาณให้สโมสรในรูปการบริจาคปีละไม่เกิน 25 ล้านบาท และ3.การท่าเรือฯ จะให้สโมสรฯ ใช้พื้นที่อาณาเขตในสนามแพท สเตเดียม ได้ในกรณีพิเศษ"
"ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่ามีพนักงานระดับล่างของ บ.การท่าเรือฯ มาปิดสนามแพท สเตเดียม ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ทว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ทั้งนี้สโมสรการท่าเรือฯ ไม่ได้มีปัญหากับ บ.การท่าเรือฯ ผมขอให้บรรดาแฟนคลับ "สิงห์เจ้าท่า" และชุมชนคลองเตยสบายใจได้เลยว่าสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ยังคงอยู่ที่นี่ และยังคงใช้สนามแพท สเตเดียมเป็นสนามเหย้าเช่นเดิม"
นอกจากนี้ ประธานสโมสรฯ วัย 61 ปี กล่าวถึงสปอนเซอร์รายเดิมว่า "ยังอยู่กันครบเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น เอฟบี แบตเตอรี ที่ยังคงให้ปีละ 10 ล้านบาท รวมถึง เชฟโรเลต ปีละ 1.2 ล้านบาท รวมถึงรายอื่นๆ ที่ยังอยู่ครบ ซึ่งการทำดีนั้นทำยาก แต่เมื่อทำแล้วมันคุ้มค่าแน่นอน อย่างไรก็ตามเป้าหมายในฤดูกาล 2011 จะต้องทำให้ได้อันดับที่ดีกว่าเดิมจากปีที่ผ่านมานั่นคือไม่ต่ำกว่าที่ 4 เนื่องจากปีที่แล้วเรามีเงินทุนน้อย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของนักเตะและโค้ชสะสมทำให้เราสามารถคว้าแชมป์ลีกคัพมาได้ 1 ถ้วย ดังนั้นในปีนี้สโมสรฯ ต้องสามารถไปได้ไกลกว่าจุดเดิมแน่นอน"
จากนั้นเป็นการเปิดตัวผู้เล่นคนใหม่ คือ วอสซี จูเนียร์ กองหน้าผิวสีจากทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร และ นิพนธ์ มาลานนท์ อดีตโค้ชผู้รักษาประตูของ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มาทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาผู้รักษาประตูและผู้อำนวยการผู้รักษาประตูเยาวชน
ทั้งนี้ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ กุนซือทีมดังย่านคลองเตย กล่าวถึงแผนการทำทีมในซีซันนี้ว่า "ปีนี้นักเตะเก่าออกเยอะ ดังนั้นการเตรียมทีมปีนี้มีนโยบาย คือ ไม่ต้องประหยัดมากแต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือยมาก ซึ่งส่วนตัวผมใช้อย่างพอเพียงอยู่แล้ว โดยตัวผู้เล่นคงไม่มีออกแล้ว ซึ่งปีนี้เราจะเน้นชุดใหญ่ไม่เกิน 22 คน นอกนั้นเป็นทีมเยาวชน ผมไม่อยากให้บอลไทยไปทุ่มเทกับชุดใหญ่มากเกินไปจากประสบการณ์ทีมชาติที่ผ่านมาควรจะเน้นเสริมแข้งทีมเยาวชนมากกว่า"
"จากที่การท่าเรือฯ เสีย "โจ้ 5 หลา" ศรายุทธ ชัยคำดี ให้แก่ บางกอกกล๊าส เอฟซี ไปก็มีบ้างที่เสียดาย แต่ทีมเรายังคงมี สมปอง สอเหลบ, จาค็อบ และนักเตะอีกหลายคนที่มีฝีเท้าดี พร้อมกับนักเตะที่ได้มาเสริมทัพรายหใม่ ผมเชื่อว่าม้าดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับผู้ขี่มากกว่า" กุนซือร่างเล็กกล่าว
