วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซุปเปอร์ริช แบงค็อก จำกัด ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ การท่าเรือไทย เอฟซี ประกาศผ่านสื่อขอนัดเจรจากับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ภายในวันที่ 2-3 พฤษภาคมนี้ แต่หากยังบ่ายเบี่ยงเรื่องหาข้อสรุปในการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (เอ็มโอยู) อีกก็จะขายนักเตะตัวหลักปลดหนี้ รวมถึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 60 ล้านบาท
เมื่อวันเสาร์ที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ที่ห้องแถลงข่าวสนามแพท สเตเดียม “เสี่ยเบน” นัดสื่อมวลชนมาชี้แจงกรณีที่ ซุปเปอร์ริช ไม่สามารถตกลงกับ กทท. ได้ตามที่เป็นประเด็นมาตลอดสัปดาห์นี้ จน “สิงห์เจ้าท่า” อาจถึงขั้นทีมแตก เนื่องจาก ซุปเปอร์ริช จะหันไปอุ้มทีม สมุทรปราการ ศุลกากร ในดิวิชัน 1 แทน ส่วนผู้เล่นในทีมก็จะเทขาย รวมทั้งกุนซือใหญ่อย่าง สะสม พบประเสริฐ ก็จะขึ้นบัญชีขายตัวเองเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สิน
โดย วรพงษ์ ในฐานะรองประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี กล่าวว่า “ผมขอบอกว่ามีการยื่นหนังสือขอเข้ามาทำทีมให้กับผู้อำนวยการ กทท. (เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม) ซึ่งเขาก็เซ็นอนุมัติให้ผมอย่างถูกต้องแล้ว แต่กลับยังไม่มีอิสระในการทำทีม เช่น สนามก็ยังต้องจ่ายค่าเช่า 3-4 เดือนที่ผ่านมาผมลงทุนไปแล้ว 10 กว่าล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบเรื่องเอ็มโอยู กระทั่งแฟนบอลเข้าไปเรียกร้องจึงออกเอ็มโอยูมาแต่ก็ยังรับไม่ได้ ข้อแรก ใช้สนามได้เฉพาะพื้นสนามกับห้องพักนักกีฬา ส่วนอื่นๆ ต้องขออนุญาตกับ กทท.ก่อน ข้อสอง หากให้สัมภาษณ์สื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ทีมก็ต้องขออนุญาต กทท.ก่อน ผมจะขอนัดอีกทีก็เลื่อนมาตลอด”
เสี่ยเบน เผยต่อไปว่า “ผมเข้ามาทำทีมจนมีความผูกพันกับแฟนบอล นักเตะ และสโมสรแห่งนี้ไปแล้ว ผมก็ไม่อยากให้สโมสรทำอะไรที่เสียชื่อเสียง แต่ในเอ็มโอยูที่ออกมาว่าสามารถยกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมันก็เกินไปหน่อย แต่ถ้าคนใน กทท. คนใดต้องการเข้ามาทำทีมก็ขอให้เข้ามาคุยกับผมโดยตรงได้เลย ส่วนเงินที่ลงทุนไปแล้วไม่ต้องคืนผมก็ได้ แต่หากจะใช้นักเตะจากทีมชุดเดิมก็ต้องมาซื้อตัวไป เพราะสิทธิ์ในสัญญานักเตะเป็นของ ซุปเปอร์ริช หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ กทท. ซึ่งหากพวกเขายังรักสโมสรก็อย่าให้ทีมตกชั้นในยุคของท่านเลย”
“ดังนั้น ผมจึงมาประกาศผ่านสื่อให้ กทท. ทราบว่าขอนัดเจรจาทำเอ็มโอยูในวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันแรงงานน่าจะสะดวกต่อการนัดพูดคุย หรือไม่ก็ภายในวันที่ 3 พ.ค. ทั้งนี้เพื่อสโมสรของพวกท่านเอง แต่หากยังบ่ายเบี่ยงอีกก็คงถึงเวลาที่จะต้องขายนักเตะบางส่วนออกไป เพราะผมอยากให้พวกเขาได้อยู่กับทีมที่ดีๆ ไม่ต้องมาเจอปัญหาคาราคาซังแบบนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะขายนักเตะตัวหลักออกไปหลายราย แต่ผมขอยืนยันว่าจะทำทีมไม่ให้ตกชั้นในฤดูกาลนี้” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซุปเปอร์ริช ลั่น
ท้ายสุด วรพงษ์ ตอบคำถามสื่อกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ว่า “เรื่องที่ สมปอง สอเหลบ จะย้ายไป บุรีรัมย์ เอฟซี ผมยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่ามีการพูดคุยกันแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบตกลงว่าจะไปหรือไม่ไป ซึ่ง ณ ตอนนี้เขายังเป็นนักเตะของ การท่าเรือไทย เอฟซี อยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคุยเรื่องเอ็มโอยู แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ผมอาจจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50-60 ล้านบาท เพื่อนำส่วนที่เสียไปกลับคืนมาบ้าง เนื่องจากทุนจดทะเบียนสโมสรเป็นนิติบุคคลมีมูลค่า 200 ล้านบาท แต่ผมขอให้เป็นทางออกสุดท้าย ซึ่งผมอยากให้ กทท. มาคุยกันด้วยดีจะดีกว่า”