หัวหน้า รช., พผ.แถลงตั้งพรรค “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ไร้เงา “พ่อมดดำ-สัจจานุภาพ” “ชาญชัย” คาด ลูกพรรคย้ายเข้า 99% เชื่อไม่มีปฏิวัติ แต่ยังไม่ยุบ พผ.จ่อส่ง “กว้าง” คุม “วรรณรัตน์” ปัด 9 ส.ส.ซบ ภท.“ประดิษฐ์” อุบย้ายซบ “เสธ.หนั่น” บอกเรื่องอนาคต “สุวัจน์” ปัดต่อรองการเมือง เชื่อ พ.ค.55 การเมืองเปลี่ยนหลังแก๊ง 111 พ้นโทษแบน
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่โรงแรมสยามแคมปินสกี้ การแถลงข่าวความร่วมมือทางการเมือง ระหว่างพรรครวมชาติพัฒนา กับพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยมีแกนนำของทั้ง 2 พรรคการเมืองเข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง นำโดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนา นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ เลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่ม 3 พี นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และ ส.ส.ของทั้ง 2 พรรคมาร่วมในงาน โดยบริเวณด้านหน้าได้ติดป้ายชื่อพรรคใหม่ ว่า “พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปลูกศรชี้ไปทางขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ Forward และภายในเป็นสีธงชาติไทย นอกจากนี้ ยังมีสโลแกน “รวมพลัง เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน” ซึ่งก่อนจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการ ทางแกนนำได้หารือร่วมกันก่อนประมาณ 30 นาที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์
หลังจากนั้น หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคทั้งสองได้ร่วมกันแถลงข่าว เพื่อประกาศเจตนารมณ์ทำการเมืองร่วมกัน โดย นายชาญชัย กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ของบ้านเมืองยังอยู่ในภาวะวิกฤต จึงเห็นควรในการเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมือง เพื่อเป็นพลังในการแก้ปัญหาทั้งในทางเศรษฐกิจและความแตกแยกของสังคม เพื่อให้กลับคืนมาเหมือนในอดีต ที่รู้รัก สามัคคี และสมานฉันท์ จึงได้มีการหารือประสานงานอย่างต่อเนื่องถึงความร่วมมือกับพรรครวมชาติพัฒนา ซึ่งมีเจตนารมณ์ที่ตรงกัน ส่วนกระบวนการร่วมงานทางการเมืองต่อไป หลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะย้ายไปสมัครเป็นสมาชิกและลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรครวมชาติพัฒนาต่อไป ในส่วนของเป้าหมายที่นั่ง ส.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ และทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
เมื่อถามว่า จะยังมีพรรคเพื่อแผ่นดินอยู่ในสารบบการเมืองไทยต่อไปหรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะมี ส.ส.ประมาณ 99% ทยอยลาออกภายหลังมีการกฤษฎีกาเลือกตั้ง เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม แม้สมาชิกจะลาออกส่วนใหญ่ แต่จะมีสมาชิกบางส่วนอยู่บริหารพรรคเพื่อเพื่อแผ่นดิน เพื่อให้ดำรงอยู่ในสารบบต่อไป ซึ่งถือเป็นการเสียสละครั้งใหญ่ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดิน เคยระบุว่า อาจจะไม่มีการเลือกตั้งนั้น เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นตามข่าวที่ปรากฏ ซึ่งขณะนี้มีความเชื่อว่าการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และคงไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ได้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้นแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมให้ นายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่ออยู่รักษาพรรคไว้ หลังการยุบสภา โดย นายกว้าง ได้เคยระบุว่า จะไม่ย้ายพรรค เพราะเชื่อมั่นในชื่อ และเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อแผ่นดินตั้งแต่แรก ดังนั้น หากไม่มีพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็จะกลับไปเป็นอาจารย์กว้างเช่นเดิม
ด้าน นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือทั้งสองพรรค มีความเห็นที่ตรงกันกับสถานการณ์บ้านเมืองที่จำต้องสร้างความร่วมมือทางการเมือง โดยหันหน้าเข้าหากัน เพื่อนำไปสู่ข้อยุติในความขัดแย้ง หลังจากนี้ พรรครวมชาติพัฒนาจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อลงมติในการเปลี่ยนชื่อพรรคจาก “รวมชาติพัฒนา” มาเป็น “ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” เพื่อดำเนินให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อเสนอตัวเป็นทางเลือกของประชาชนและทางออกของประเทศชาติ ในส่วน ส.ส. 9 คนของพรรค ยังถือเป็นสมาชิกพรรคเช่นเดิม ยังไม่มีการย้ายไปพรรคภูมิใจไทยตามที่ที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการวางตัวกรรมการบริหารพรรค หรือการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.จะมีการลงรายละเอียดในโอกาสต่อๆ ไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายประดิษฐ์ ถึงกระแสข่าวที่จะไปร่วมงานทางการเมืองกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายประดิษฐ์ กล่าวตอบว่า ตอนนี้ตนยังเป็นเลขาฯพรรครวมชาติพัฒนาอยู่ และได้มาร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วยแต่ในทางการเมืองเมื่อยังไม่มีการยุบสภา ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก แต่หากมีการยุบสภาแล้วก็ไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้
ต่อมา นายสุวัจน์ และแกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดย นายสุวัจน์ กล่าวว่า เห็นด้วยต่อการร่วมงานทางการเมืองของทั้ง 2 พรรค โดยในส่วนกระบวนการขั้นตอนต่างๆเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารพรรค ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้ประเทศมีทางออก อีกทั้งยังเป็นทางรอดของพรรคเล็กในกระแสของพรรคการเมืองใหญ่ ที่ได้เปรียบในการแข่งขันเลือกตั้ง ทำให้พรรคเล็กมีโอกาสมากขึ้น ในส่วนพื้นที่เป้าหมายของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินนั้น ฐานที่มั่นคงอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อุดรธานี และหนองคาย เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นความพยายามเพื่อต่อรองทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า เรื่องต่อรองกับใครนั้นคงไม่ใช่วัตถุประสงค์ การจะจับขั้วหรือต่อรองนั้นเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อทราบถึงตัวเลข ส.ส.แล้วการร่วมมือนี้เหมือนเป็นการสร้างบ้านก่อนแล้วค่อยหาเฟอร์นิเจอร์มาใส่ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนอยากให้ทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรมให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง และการแก้ปัญหาความแตกแยกสร้างความปรองดองในสังคม
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนพวกตนที่ยังติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 คงทำหน้าที่เป็นกำลังใจให้เท่านั้น หลังจากเดือน พ.ค.55 ที่นักการเมืองบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษ เชื่อว่า การเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะขณะนี้ยังถือว่าตัวละครในทางการเมืองยังไม่เพียงพอต่อวิกฤตของประเทศ ทั้งนี้ เชื่อว่า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นสำหรับประเทศและประชาชน ขณะนี้คงเป็นได้เพียงกำลังใจ
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 มีเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะในพื้นที่โคราช ที่อยากให้มีความเจริญ เหมือนสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จะมีการแข่งขันกันรุนแรงแน่นอน ส่วนเป้าหมายนั้นคงยังประเมินไม่ได้ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตที่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคู่แข่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในโอกาสนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการหลายคน อาทิ พล.ต.ต.วุฒิ สุโกศล อดีต รมว.แรงงาน นายภิญโญ นิโรจน์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายอร่าม โล่ห์วีระ อดีต รมช.มหาดไทย นายสาคร พรหมภักดี อดีต ส.ส.สกลนคร นางทิม สอนนา หรือ สุนารี ราชสีมา นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง รวมทั้ง นายพีรพร สุวรรณฉวี หรือ เติ้ง อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย บุตรชายคนกลางของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ซึ่งมีแนวโน้มจะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
อนึ่ง ภายในงานได้มีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองพรรคได้ทำการเช็กรายชื่อของ ส.ส.และอดีต ส.ส.ที่มาเข้าร่วมงาน แต่ไม่ ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ ที่มี นางนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาฯ อยู่ในกลุ่ม, กลุ่มสัจจานุภาพ ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน และ นายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาฯ เข้าร่วมงาน
