เมื่อเวลา 10.15 น. วานนี้ ( 7 เม.ย. ) ที่โรงแรมสยามแคมปินสกี้ ย่านสยามพารากอน ได้มีการแถลงข่าวความร่วมมือทางการเมืองระหว่าง พรรครวมชาติพัฒนา กับพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยมีแกนนำของทั้ง 2 พรรคการเมืองเข้าร่วมโดยพร้อมเพรียง นำโดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมชาติพัฒนา นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายวุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา และแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่ม 3 พี นายพินิจ จารุสมบัติ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และ ส.ส.ของทั้ง 2 พรรคมาร่วมในงาน
ทั้งนี้ บริเวณหน้างาน ได้ติดป้ายชื่อพรรคใหม่ว่า "พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปลูกศรชี้ไปทางขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ Forward และภายในเป็นสีธงชาติไทย นอกจากนี้ยังมีสโลแกน "รวมพลัง เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน"
การแถลงข่าวครั้งนี้ หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคทั้งสองได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการรวมพรรคเพื่อทำการเมืองร่วมกัน โดยนายชาญชัย กล่าวว่า สถานการณ์ของบ้านเมืองยังอยู่ในภาวะวิกฤต จึงเห็นควรในการเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมือง เพื่อเป็นพลังในการแก้ปัญหา ทั้งในทางเศรษฐกิจ และความแตกแยกของสังคม ซึ่งทั้งสองพรรคมีเจตนารมณ์ตรงกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ประมาณ 99 % จะย้ายไปสมัครเป็นสมาชิก และลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรครวมชาติพัฒนา ส่วนที่เหลือจะอยู่บริหารพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป เพื่อให้พรรคยังดำรงอยู่ในสารบบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเบื้องต้น แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมให้ นายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่ออยู่รักษาพรรคไว้
ด้านนพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือทั้งสองพรรค มีความเห็นที่ตรงกันกับสถานการณ์บ้านเมืองที่จำต้องสร้างความร่มมือทางการเมือง โดยหันหน้าเข้าหากัน เพื่อนำไปสู่ข้อยุติในความขัดแย้ง หลังจากนี้พรรครวมชาติพัฒนาจะมีการประชุมใหญ่เพื่อลงมติในการเปลี่ยนชื่อพรรคจาก "รวมชาติพัฒนา" มาเป็น "ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" เพื่อดำเนินให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้
ส่วน ส.ส. 9 คนของพรรค ยังถือเป็นสมาชิกพรรคเช่นเดิม ยังไม่มีการย้ายไปพรรคภูมิใจไทยตามที่ที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามในส่วนของการวางตัวกรรมการบริหารพรรค หรือการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.จะมีการลงรายละเอียดในโอกาสต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น ขจรประสาสตร์ เคยประกาศว่า จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายประดิษฐ์ ตอบว่า ตอนนี้ตนยังเป็นเลขาฯพรรครวมชาติพัฒนาอยู่ จึงต้องมาร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย แต่ในทางการเมือง เมื่อยังไม่มีการยุบสภา ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก ยังไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้
ต่อมานายสุวัจน์ และแกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงสถานการณ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่า การร่วมงานทางการเมืองของทั้ง 2 พรรคในครั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้ประเทศมีทางออก อีกทั้งยังเป็นทางรอดของพรรคเล็กในกระแสของพรรคการเมืองใหญ่ ที่ได้เปรียบในการแข่งขันเลือกตั้ง ทำให้พรรคเล็กมีโอกาสมากขึ้น
ส่วนพื้นที่เป้าหมายของพรรคนั้น จะมีฐานที่มั่นในภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อุดรธานี และ หนองคาย เป็นต้น
" เรื่องการรวมพรรคเพื่อต่อรองกับใครนั้น คงไม่ใช่วัตถุประสงค์ การจะจับขั้ว หรือต่อรองนั้นเป็นเรื่องของอนาคตเมื่อรู้ตัวเลข ส.ส.แล้ว การร่วมมือนี้ เหมือนเป็นการสร้างบ้านก่อนแล้วค่อยหาเฟอร์นิเจอร์มาใส่ "
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า พวกตนที่ยังติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 คงทำหน้าที่เป็นกำลังใจให้เท่านั้น แต่หลังจากเดือนพ.ค.55 ที่นักการเมืองบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษ เชื่อว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะขณะนี้ยังถือว่าตัวละครในทางการเมืองยังไม่เพียงพอต่อวิกฤตของประเทศ
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 มีเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะในพื้นที่โคราช ที่อยากให้มีความเจริญ เหมือนสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงแน่นอน ส่วนเป้าหมายนั้นคงยังประเมินไม่ได้ เพราะ กกต. ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตที่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคู่แข่งบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โอกาสนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการหลายคน อาทิ พล.ต.ต.วุฒิ สุโกศล อดีต รมว.แรงงาน นายภิญโญ นิโรจน์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายอร่าม โล่ห์วีระ อดีต รมช.มหาดไทย นายสาคร พรหมภักดี อดีต ส.ส.สกลนคร นางทิม สอนนา หรือ สุนารี ราชสีมา นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง รวมทั้ง นายพีรพร สุวรรณฉวี หรือ เติ้ง อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย บุตรชายคนกลางของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ซึ่งจะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองพรรค ทำการเช็กรายชื่อของส.ส.และอดีต ส.ส.ที่มาเข้าร่วมงาน แต่ไม่มี ส.ส.กลุ่มบ้านรินน้ำ ที่มีน.ศ.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาฯ อยู่ในกลุ่ม, กลุ่มสัจจานุภาพ ที่มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน และนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษา เข้าร่วมงานแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน มี 31 คน แต่มีส.ส.หลายคนได้ย้ายไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และ ภูมิใจไทย ทำให้ตัวเลขส.ส.ที่คงอยู่กับพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่แท้จริง ประมาณ 12 เสียง ส่วนพรรครวมชาติพัฒนา ปัจจุบันมี ส.ส. 9 คน แต่มีผู้ที่เตรียมย้ายพรรคเพื่อทำงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้มี ส.ส. ที่เป็นเนื้อแท้อยู่ประมาณ 5 คน และเมื่อรวมพรรคแล้วจะมีสมาชิกที่เป็นส.ส.รวมทั้งหมด 17 คน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรครวมชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศรวมพรรค ภายใต้ชื่อ “พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ว่า ชื่อยาวนิดหน่อย แต่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องดี ถ้ารวมกันแทนที่จะมี 4-5 พรรค ก็เหลือ 2-3 พรรค ประชาชนก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
**"เติ้ง"เตรียมเปิดตัวส.ส.-ประดิษฐ์
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แจ้งว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชทพ. นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค และคณะกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะนัดประชุมเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งเวลา 13.00 น.วันที่ 8 เม.ย.นี้ ที่ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา และจะทยอยเปิดตัวส.ส.จากพรรคอื่น ที่จะเข้าสังกัดชทพ. ภายหลังมีการยุบสภาเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ส.ส.ในกลุ่มของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนา (รช.)ได้แก่ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร และนพ.ไกร ดาบธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ได้แจ้งความประสงค์ จะมาร่วมงานกับพรรคชทพ. โดยจะเปิดตัวช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
** "บุญจง"ชี้ย้ายพรรคเรื่องปกติ
นายบุญจง วงศ์ไตรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการย้ายพรรคของบรรดาส.ส.ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งว่า เป็นเรื่องปกติ ส่วนพื้นที่จ.นครราชสีมา ที่เป็นฐานเสียงของตน ก็ไม่มีการทับซ้อนแต่อย่างใด และในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทย จะถูกรุมหรือไม่ ตนมองว่าไม่น่าใช่เช่นนั้น เพราะการโยกย้าย หรือการรวมพรรค ถือเป็นเรื่องปกติของพรคการเมืองที่เมื่อถึงเทศกาลเลือกตั้ง พรรคเล็กก็จะรวมตัวกัน
ส่วนส.ส.พรรคเพื่อไทย จะย้ายมารวมกับพรรคภูมิใจไทย มากน้อยแค่ไหนนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ไม่น่าจะทำให้สั่นคลอนเพราะเพื่อไทยมี ส.ส.เยอะอยู่แล้ว ทั้งนี้ล่าสุดมีส.ส.จากพรรคเพือแผ่นดิน ย้ายเข้ามา แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใน
สำหรับพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่เดิมเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น พรรคภูมิใจไทยก็จะส่งผู้สมัครลงพื้นที่นี้เช่นเดียวกัน และเชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ บริเวณหน้างาน ได้ติดป้ายชื่อพรรคใหม่ว่า "พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปลูกศรชี้ไปทางขวา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ Forward และภายในเป็นสีธงชาติไทย นอกจากนี้ยังมีสโลแกน "รวมพลัง เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน"
การแถลงข่าวครั้งนี้ หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคทั้งสองได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการรวมพรรคเพื่อทำการเมืองร่วมกัน โดยนายชาญชัย กล่าวว่า สถานการณ์ของบ้านเมืองยังอยู่ในภาวะวิกฤต จึงเห็นควรในการเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมือง เพื่อเป็นพลังในการแก้ปัญหา ทั้งในทางเศรษฐกิจ และความแตกแยกของสังคม ซึ่งทั้งสองพรรคมีเจตนารมณ์ตรงกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดิน ประมาณ 99 % จะย้ายไปสมัครเป็นสมาชิก และลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรครวมชาติพัฒนา ส่วนที่เหลือจะอยู่บริหารพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป เพื่อให้พรรคยังดำรงอยู่ในสารบบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเบื้องต้น แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมให้ นายกว้าง รอบคอบ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่ออยู่รักษาพรรคไว้
ด้านนพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือทั้งสองพรรค มีความเห็นที่ตรงกันกับสถานการณ์บ้านเมืองที่จำต้องสร้างความร่มมือทางการเมือง โดยหันหน้าเข้าหากัน เพื่อนำไปสู่ข้อยุติในความขัดแย้ง หลังจากนี้พรรครวมชาติพัฒนาจะมีการประชุมใหญ่เพื่อลงมติในการเปลี่ยนชื่อพรรคจาก "รวมชาติพัฒนา" มาเป็น "ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" เพื่อดำเนินให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้
ส่วน ส.ส. 9 คนของพรรค ยังถือเป็นสมาชิกพรรคเช่นเดิม ยังไม่มีการย้ายไปพรรคภูมิใจไทยตามที่ที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตามในส่วนของการวางตัวกรรมการบริหารพรรค หรือการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.จะมีการลงรายละเอียดในโอกาสต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น ขจรประสาสตร์ เคยประกาศว่า จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายประดิษฐ์ ตอบว่า ตอนนี้ตนยังเป็นเลขาฯพรรครวมชาติพัฒนาอยู่ จึงต้องมาร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย แต่ในทางการเมือง เมื่อยังไม่มีการยุบสภา ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก ยังไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้
ต่อมานายสุวัจน์ และแกนนำกลุ่ม 3 พี ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงสถานการณ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยนายสุวัจน์ กล่าวว่า การร่วมงานทางการเมืองของทั้ง 2 พรรคในครั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้ประเทศมีทางออก อีกทั้งยังเป็นทางรอดของพรรคเล็กในกระแสของพรรคการเมืองใหญ่ ที่ได้เปรียบในการแข่งขันเลือกตั้ง ทำให้พรรคเล็กมีโอกาสมากขึ้น
ส่วนพื้นที่เป้าหมายของพรรคนั้น จะมีฐานที่มั่นในภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อุดรธานี และ หนองคาย เป็นต้น
" เรื่องการรวมพรรคเพื่อต่อรองกับใครนั้น คงไม่ใช่วัตถุประสงค์ การจะจับขั้ว หรือต่อรองนั้นเป็นเรื่องของอนาคตเมื่อรู้ตัวเลข ส.ส.แล้ว การร่วมมือนี้ เหมือนเป็นการสร้างบ้านก่อนแล้วค่อยหาเฟอร์นิเจอร์มาใส่ "
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า พวกตนที่ยังติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 คงทำหน้าที่เป็นกำลังใจให้เท่านั้น แต่หลังจากเดือนพ.ค.55 ที่นักการเมืองบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษ เชื่อว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะขณะนี้ยังถือว่าตัวละครในทางการเมืองยังไม่เพียงพอต่อวิกฤตของประเทศ
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 มีเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะในพื้นที่โคราช ที่อยากให้มีความเจริญ เหมือนสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงแน่นอน ส่วนเป้าหมายนั้นคงยังประเมินไม่ได้ เพราะ กกต. ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตที่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่าใครเป็นคู่แข่งบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โอกาสนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการหลายคน อาทิ พล.ต.ต.วุฒิ สุโกศล อดีต รมว.แรงงาน นายภิญโญ นิโรจน์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายอร่าม โล่ห์วีระ อดีต รมช.มหาดไทย นายสาคร พรหมภักดี อดีต ส.ส.สกลนคร นางทิม สอนนา หรือ สุนารี ราชสีมา นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง รวมทั้ง นายพีรพร สุวรรณฉวี หรือ เติ้ง อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย บุตรชายคนกลางของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ซึ่งจะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองพรรค ทำการเช็กรายชื่อของส.ส.และอดีต ส.ส.ที่มาเข้าร่วมงาน แต่ไม่มี ส.ส.กลุ่มบ้านรินน้ำ ที่มีน.ศ.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาฯ อยู่ในกลุ่ม, กลุ่มสัจจานุภาพ ที่มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน และนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษา เข้าร่วมงานแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน มี 31 คน แต่มีส.ส.หลายคนได้ย้ายไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และ ภูมิใจไทย ทำให้ตัวเลขส.ส.ที่คงอยู่กับพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่แท้จริง ประมาณ 12 เสียง ส่วนพรรครวมชาติพัฒนา ปัจจุบันมี ส.ส. 9 คน แต่มีผู้ที่เตรียมย้ายพรรคเพื่อทำงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้มี ส.ส. ที่เป็นเนื้อแท้อยู่ประมาณ 5 คน และเมื่อรวมพรรคแล้วจะมีสมาชิกที่เป็นส.ส.รวมทั้งหมด 17 คน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรครวมชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศรวมพรรค ภายใต้ชื่อ “พรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ว่า ชื่อยาวนิดหน่อย แต่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องดี ถ้ารวมกันแทนที่จะมี 4-5 พรรค ก็เหลือ 2-3 พรรค ประชาชนก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
**"เติ้ง"เตรียมเปิดตัวส.ส.-ประดิษฐ์
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แจ้งว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชทพ. นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค และคณะกรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะนัดประชุมเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งเวลา 13.00 น.วันที่ 8 เม.ย.นี้ ที่ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา และจะทยอยเปิดตัวส.ส.จากพรรคอื่น ที่จะเข้าสังกัดชทพ. ภายหลังมีการยุบสภาเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ส.ส.ในกลุ่มของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมชาติพัฒนา (รช.)ได้แก่ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร และนพ.ไกร ดาบธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ได้แจ้งความประสงค์ จะมาร่วมงานกับพรรคชทพ. โดยจะเปิดตัวช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
** "บุญจง"ชี้ย้ายพรรคเรื่องปกติ
นายบุญจง วงศ์ไตรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการย้ายพรรคของบรรดาส.ส.ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งว่า เป็นเรื่องปกติ ส่วนพื้นที่จ.นครราชสีมา ที่เป็นฐานเสียงของตน ก็ไม่มีการทับซ้อนแต่อย่างใด และในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พรรคเพื่อไทย จะถูกรุมหรือไม่ ตนมองว่าไม่น่าใช่เช่นนั้น เพราะการโยกย้าย หรือการรวมพรรค ถือเป็นเรื่องปกติของพรคการเมืองที่เมื่อถึงเทศกาลเลือกตั้ง พรรคเล็กก็จะรวมตัวกัน
ส่วนส.ส.พรรคเพื่อไทย จะย้ายมารวมกับพรรคภูมิใจไทย มากน้อยแค่ไหนนั้น ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ไม่น่าจะทำให้สั่นคลอนเพราะเพื่อไทยมี ส.ส.เยอะอยู่แล้ว ทั้งนี้ล่าสุดมีส.ส.จากพรรคเพือแผ่นดิน ย้ายเข้ามา แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใน
สำหรับพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่เดิมเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น พรรคภูมิใจไทยก็จะส่งผู้สมัครลงพื้นที่นี้เช่นเดียวกัน และเชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้ง เพราะถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว