วานนี้ (31 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาคดีลักลอบถ่ายคลิปวีดีโอการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว และจะไปขึ้นเวทีคนเสื้อแดงด้วย จะมองนัยยะเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่นอกจากมีนัยยะทางการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ชัดเจนอยู่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าเขาได้ดำเนินการอะไรลงไปมีเป้าหมายหรือวัตถุ ประสงค์อย่างไร ไม่น่าแปลกใจอะไร ก็ว่าไปตามคดีความไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่จะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เวลานี้ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ตอนนี้คิดเรื่องช่วยเหลือคนถูกน้ำท่วมก่อน ตนว่าที่จริงเรื่องการเมืองต้องเพลาๆ กันกัน เอาไว้บ้าง พักเอาไว้หน่อย มาระดมความคิดความอ่าน และระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือคนถูกน้ำท่วมกันก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่เป็นห่วงหรือ เพราะมันจะมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์โดยตรงในช่วงที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และนายพสิษฐ์ ก็จะไปขึ้นเวทีของกลุ่มนปช. ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องน่าแป็นห่วง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงสองปีเศษมานี้ อยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าใครจะบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างไร ตนเชื่อว่าพี่น้องประชานทราบดี เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คือเดินหน้าเข้าไปสู่การเลือกตั้ง ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด อนาคตของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่ม นปช.ประกาศจะจัดการชุมนุมใหญ่อีกในวันที่ 10 เม.ย.นี้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า จะชุมนุมอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ว่าขอให้ยึดหลักว่าวันนี้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศเขาตั้งใจที่จะให้มี การเลือกตั้งทั่วไป และต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เรียบร้อย เพื่อเป็นการให้โอกาสประเทศไทยและเริ่มต้นกันใหม่ เพราะฉะนั้นใครจะชุมนุมกันอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่อย่าให้เกิดเหตุวุ่นวาย
เมื่อถามว่า แต่มีการชุมนุมใหญ่เพื่อรำลึกวันครบรอบเกิดเหตุการสลายม็อบช่วงวันที่ 19 พ.ค. นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร จะครบรอบ หรือครบครึ่งรอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เป็นปัญหา เมื่อถามว่า ทางรายงานการข่าวพบว่ามีสิ่งที่ผิดปกติอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีปัญหา
**กองปราบไฟเขียว"พสิษฐ์"ขึ้นเวที
วันเดียวกันนี้ ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ระบุว่า นายพสิษฐ์ ที่เพิ่งเข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวไป จะขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 10 เม.ย. นี้ ว่า หากนายพสิษฐ์ ขึ้นเวทีปราศรัย และมีการนำคลิป ที่ลักลอบบันทึกการประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาเผยแพร่ซ้ำ ทางเจ้าหน้าที่อาจจะยังไม่พิจารณาเรื่องการถอนประกันตัวของนายพสิษฐ์ ในฐานะผู้ต้องหา เพราะว่าเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกัน และไม่เกี่ยวกับคดีเผยแพร่คลิปคดีเก่า อีกทั้งขณะเกิดเหตุนายพสิษฐ์ ยังถือว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐอยู่ แต่ขณะนี้ได้พ้นสภาพเจ้าพนักงานแล้ว แต่คงต้องขึ้นอยู่กับเหตุผล และข้อเท็จจริงที่ต้องดูประกอบกัน
พ.ต.อ.นัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า หากนายพสิษฐ์ นำคลิปไปเผยแพร่บนเวที แล้วมีการแจ้งความดำเนินคดี ทางพนักงานสอบสวนก็คงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีของ น.ส.ชุติมา หรือ พิมพิจญ์ แสนสินรังสี อายุ 29 ปี ข้าราชการระดับ 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาในคดีอีกราย เบื้องต้นตนได้ประสานให้ทนายความ ช่วยติดต่อเพื่อให้รีบเข้ามอบตัว ซึ่งทางทนายความ ก็รับว่าจะติดต่อน.ส.ชุติมา แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาว่าจะเข้ามอบตัวเมื่อใด
**ตุลาการศาลรธน.ไม่หวั่น"พสิษฐ์"เปิดแผล
แหล่งข่าวจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง กรณีนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมขึ้นเวทีใหญ่ของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ที่อาจมีการปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จนส่งผลให้ภาพลักษณ์เกิดความเสียหายว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงและไม่จำเป็นจะต้องห่วงอะไร เพราะเราไม่ใช่วัวสันหลังหวะ ทุกคนมีสิทธิพูดและแสดงความคิดเห็น แต่ทั้งนี้คนพูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้คิดระแวงว่าใครจะมาด่า หรือมาว่าอะไรที่จะกระทบต่อองค์กร ใครทำอะไรอย่างไรต้องรับผิดชอบในการกระทำ เราจะไปขัดขวาง ห้ามเขาก็ไม่ได้
**จวก พท.มั่วผลโพลสร้างกระแส
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุถึงผลสำรวจความนิยมของประชาชน ที่พบว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนนิยมอันดับ 1 จากสำนักโพลต่างๆนั้น ตนต้องการทราบว่า มีสำนักโพลที่ใดบ้าง ตนเชื่อว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุเช่นนี้ เป็นเพียงการสร้างกระแสทางการเมือง ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงสนับสนุนเกินครึ่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งไม่ว่าผลสำรวจจะออกมาเป็นอย่างไร คะแนนนิยมระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย คงจะต้องดูหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
นอกจากนี้ การที่แกนนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) จะลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ นายเทพไท เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะวัดความศรัทธาของประชาชน จะต้องลงสมัคร ส.ส. แบ่งเขต
ส่วนกรณีการเชิญนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีดเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ มาขึ้นเวทีปราศรัย ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 10 เม.ย.นี้นั้น นายเทพไท มองว่า เป็นการชุมนุมที่มีแต่ผู้ต้องหาหนีคดีทั้งสิ้น ส่วนการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเป็นเพียงการอ้างเพื่อให้มีการชุมนุมยืดเยื้อไม่มีวันสิ้นสุด
** เปิดตัว"12 แกนนำแดง" ลงปาร์ตี้ลิสต์
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รายชื่อแกนนำคนเสื้อแดง ที่แสดงความจำนงลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เบื้องต้นมี 12 คน ประกอบด้วย 1. นายจตุพร พรหมพันธุ์ 2. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3. นายก่อแก้ว พิกุลทอง 4. นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ 5. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก 6. พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 7. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย 8.นายชินวัตร หาบุญพาด 9.นายธนฤกต ชะเอมน้อย หรือ วันชนะ เกิดดี นักร้องลูกทุ่ง 10. นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ภรรยาของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 11. นายสมชาย ใจมุ่ง หรือ รังษี เสรีชัย นักร้องลูกทุ่ง และ 12. นายสมหวัง อัศราษี
ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงที่แจ้งความจำนงลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่ง เขตมี 3 คน ได้แก่ 1. นายสมชาย ไพบูลย์ ต้องการลงสมัคร ส.ส. กทม. 2.นายวรชัย เหมะ ลงสมัคร ส.ส.สมุทรปราการ และ 3. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ลงสมัคร ส.ส.สุรินทร์ โดยนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร จะนำรายชื่อแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมด แจ้งต่อแกนนำพรรค เพื่อตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่นพ.เหวง โตจิราการ ระบุว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะชนะการเลือกตั้งเกินครึ่ง โดยจะอยู่ในจำนวนประมาณ 250-270 เสียงว่า ข้อมูลดังกล่าว ออกมาจากผลการทำโพล ของพรรคเพื่อไทย และหน่วยราชการบางหน่วย ซึ่งสืบทราบว่า หน่วยราชการนี้จัดทำโพล และเราได้นำเอาออกมาเปรียบเทียบกับผลโพลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เห็นว่าตัวเลขทั้งหมดนั้นไม่ได้แตกต่างกันคือ พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกมาจากประชาชนในอันดับที่ 1 จะต้องได้ตั้งรัฐบาล และหากทุกพรรคการเมืองดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ จะเป็นการเริ่มต้นของสันติภาพในประเทศ เพราะมันหมายถึงทุกพรรคการเมือง และผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศรับฟังเสียงความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ที่เลือกพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง แต่หากพรรคที่ได้รับเลือกตั้งอันดับที่ 1 ไม่ได้ตั้งรัฐบาล ประชาชนก็อาจจะสรุปเอาเองได้ว่า ผู้มีอำนาจของประเทศนี้ไม่ฟังเสียงของประชาชน และสถานการณ์อาจจะบานปลายเมื่อไรก็ได้
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่จะนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เวลานี้ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ตอนนี้คิดเรื่องช่วยเหลือคนถูกน้ำท่วมก่อน ตนว่าที่จริงเรื่องการเมืองต้องเพลาๆ กันกัน เอาไว้บ้าง พักเอาไว้หน่อย มาระดมความคิดความอ่าน และระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือคนถูกน้ำท่วมกันก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่เป็นห่วงหรือ เพราะมันจะมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์โดยตรงในช่วงที่จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และนายพสิษฐ์ ก็จะไปขึ้นเวทีของกลุ่มนปช. ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องน่าแป็นห่วง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงสองปีเศษมานี้ อยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าใครจะบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างไร ตนเชื่อว่าพี่น้องประชานทราบดี เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรจะต้องเป็นห่วง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คือเดินหน้าเข้าไปสู่การเลือกตั้ง ให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด อนาคตของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำกลุ่ม นปช.ประกาศจะจัดการชุมนุมใหญ่อีกในวันที่ 10 เม.ย.นี้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า จะชุมนุมอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร แต่ว่าขอให้ยึดหลักว่าวันนี้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศเขาตั้งใจที่จะให้มี การเลือกตั้งทั่วไป และต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เรียบร้อย เพื่อเป็นการให้โอกาสประเทศไทยและเริ่มต้นกันใหม่ เพราะฉะนั้นใครจะชุมนุมกันอีกกี่ครั้งก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่อย่าให้เกิดเหตุวุ่นวาย
เมื่อถามว่า แต่มีการชุมนุมใหญ่เพื่อรำลึกวันครบรอบเกิดเหตุการสลายม็อบช่วงวันที่ 19 พ.ค. นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร จะครบรอบ หรือครบครึ่งรอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เป็นปัญหา เมื่อถามว่า ทางรายงานการข่าวพบว่ามีสิ่งที่ผิดปกติอะไรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีปัญหา
**กองปราบไฟเขียว"พสิษฐ์"ขึ้นเวที
วันเดียวกันนี้ ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ระบุว่า นายพสิษฐ์ ที่เพิ่งเข้ามอบตัวและได้รับการประกันตัวไป จะขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 10 เม.ย. นี้ ว่า หากนายพสิษฐ์ ขึ้นเวทีปราศรัย และมีการนำคลิป ที่ลักลอบบันทึกการประชุมของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาเผยแพร่ซ้ำ ทางเจ้าหน้าที่อาจจะยังไม่พิจารณาเรื่องการถอนประกันตัวของนายพสิษฐ์ ในฐานะผู้ต้องหา เพราะว่าเป็นการกระทำที่ต่างกรรมต่างวาระกัน และไม่เกี่ยวกับคดีเผยแพร่คลิปคดีเก่า อีกทั้งขณะเกิดเหตุนายพสิษฐ์ ยังถือว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐอยู่ แต่ขณะนี้ได้พ้นสภาพเจ้าพนักงานแล้ว แต่คงต้องขึ้นอยู่กับเหตุผล และข้อเท็จจริงที่ต้องดูประกอบกัน
พ.ต.อ.นัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า หากนายพสิษฐ์ นำคลิปไปเผยแพร่บนเวที แล้วมีการแจ้งความดำเนินคดี ทางพนักงานสอบสวนก็คงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีของ น.ส.ชุติมา หรือ พิมพิจญ์ แสนสินรังสี อายุ 29 ปี ข้าราชการระดับ 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหาในคดีอีกราย เบื้องต้นตนได้ประสานให้ทนายความ ช่วยติดต่อเพื่อให้รีบเข้ามอบตัว ซึ่งทางทนายความ ก็รับว่าจะติดต่อน.ส.ชุติมา แต่ยังไม่มีการกำหนดเวลาว่าจะเข้ามอบตัวเมื่อใด
**ตุลาการศาลรธน.ไม่หวั่น"พสิษฐ์"เปิดแผล
แหล่งข่าวจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง กรณีนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมขึ้นเวทีใหญ่ของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ที่อาจมีการปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จนส่งผลให้ภาพลักษณ์เกิดความเสียหายว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงและไม่จำเป็นจะต้องห่วงอะไร เพราะเราไม่ใช่วัวสันหลังหวะ ทุกคนมีสิทธิพูดและแสดงความคิดเห็น แต่ทั้งนี้คนพูดก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้คิดระแวงว่าใครจะมาด่า หรือมาว่าอะไรที่จะกระทบต่อองค์กร ใครทำอะไรอย่างไรต้องรับผิดชอบในการกระทำ เราจะไปขัดขวาง ห้ามเขาก็ไม่ได้
**จวก พท.มั่วผลโพลสร้างกระแส
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุถึงผลสำรวจความนิยมของประชาชน ที่พบว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนนิยมอันดับ 1 จากสำนักโพลต่างๆนั้น ตนต้องการทราบว่า มีสำนักโพลที่ใดบ้าง ตนเชื่อว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุเช่นนี้ เป็นเพียงการสร้างกระแสทางการเมือง ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงสนับสนุนเกินครึ่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งไม่ว่าผลสำรวจจะออกมาเป็นอย่างไร คะแนนนิยมระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย คงจะต้องดูหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง
นอกจากนี้ การที่แกนนำของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) จะลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ นายเทพไท เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะวัดความศรัทธาของประชาชน จะต้องลงสมัคร ส.ส. แบ่งเขต
ส่วนกรณีการเชิญนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีดเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ มาขึ้นเวทีปราศรัย ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 10 เม.ย.นี้นั้น นายเทพไท มองว่า เป็นการชุมนุมที่มีแต่ผู้ต้องหาหนีคดีทั้งสิ้น ส่วนการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเป็นเพียงการอ้างเพื่อให้มีการชุมนุมยืดเยื้อไม่มีวันสิ้นสุด
** เปิดตัว"12 แกนนำแดง" ลงปาร์ตี้ลิสต์
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า รายชื่อแกนนำคนเสื้อแดง ที่แสดงความจำนงลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เบื้องต้นมี 12 คน ประกอบด้วย 1. นายจตุพร พรหมพันธุ์ 2. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3. นายก่อแก้ว พิกุลทอง 4. นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ 5. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก 6. พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 7. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย 8.นายชินวัตร หาบุญพาด 9.นายธนฤกต ชะเอมน้อย หรือ วันชนะ เกิดดี นักร้องลูกทุ่ง 10. นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ภรรยาของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 11. นายสมชาย ใจมุ่ง หรือ รังษี เสรีชัย นักร้องลูกทุ่ง และ 12. นายสมหวัง อัศราษี
ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงที่แจ้งความจำนงลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่ง เขตมี 3 คน ได้แก่ 1. นายสมชาย ไพบูลย์ ต้องการลงสมัคร ส.ส. กทม. 2.นายวรชัย เหมะ ลงสมัคร ส.ส.สมุทรปราการ และ 3. จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ลงสมัคร ส.ส.สุรินทร์ โดยนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร จะนำรายชื่อแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมด แจ้งต่อแกนนำพรรค เพื่อตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่นพ.เหวง โตจิราการ ระบุว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะชนะการเลือกตั้งเกินครึ่ง โดยจะอยู่ในจำนวนประมาณ 250-270 เสียงว่า ข้อมูลดังกล่าว ออกมาจากผลการทำโพล ของพรรคเพื่อไทย และหน่วยราชการบางหน่วย ซึ่งสืบทราบว่า หน่วยราชการนี้จัดทำโพล และเราได้นำเอาออกมาเปรียบเทียบกับผลโพลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เห็นว่าตัวเลขทั้งหมดนั้นไม่ได้แตกต่างกันคือ พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกมาจากประชาชนในอันดับที่ 1 จะต้องได้ตั้งรัฐบาล และหากทุกพรรคการเมืองดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ จะเป็นการเริ่มต้นของสันติภาพในประเทศ เพราะมันหมายถึงทุกพรรคการเมือง และผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศรับฟังเสียงความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ที่เลือกพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง แต่หากพรรคที่ได้รับเลือกตั้งอันดับที่ 1 ไม่ได้ตั้งรัฐบาล ประชาชนก็อาจจะสรุปเอาเองได้ว่า ผู้มีอำนาจของประเทศนี้ไม่ฟังเสียงของประชาชน และสถานการณ์อาจจะบานปลายเมื่อไรก็ได้