วานนี้(4 เม.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลโพลการเลือกตั้งที่ระบุว่าระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย มีคะแนนสูสี โดยเฉพาะที่ว่าจะเสียงมากเฉพาะในกรุงเทพฯและภาคใต้ ว่า คงไม่ใช่ เป็นเรื่องของประชาชนที่จะเลือก โพลก็เป็นการหยั่งความรู้สึกแลหยั่งเสียงใจขณะนี้
ส่วนก่อนเลือกตั้งคะแนนนิยมจะเปลี่ยนแปลงใหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อ๋อคะแนนนิยมมันเปลี่ยนแปลงตลอดอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย
ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คาดหวังคะแนนส่วนไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้หน้าทีของพรรคในฐานะแกนนำรัฐบาลคือ เร่งผลักดันนโยบาย และแก้ไขปัญหาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
**“เทือก”เต้นแก้ข่าวเช็ดเท้า”ทักษิณ”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปฎิเสธไม่ได้หมายความถึงไปจะเช็คเท้าให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหากได้กลับประเทศไทย โดยอ้างว่า ข่าวลงผิด ตนพูดเป็นภาษาปักษ์ใต้ โดยอาจจะเข้าคลาดเคลื่อนในภาษา เพราะสิ่งที่พูดนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับมาบ้านด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องอ้อนให้ใครพากลับและถ้าจะกลับมาด้วยตัวเอง ผมจะใส่สูทผูกเน็คไทเรียบร้อยไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย รับแล้วก็พาไปส่งตัวที่ตาราง “ยืนยันว่าไม่ได้ไปพูดจาว่าจะไปเช็คเท้าให้คุณทักษิณ ยังไงผมก็ไม่ทำอย่างนั้น” นายสุเทพ กล่าว
**เทพไท”เชื่อโค้งสุดท้ายชี้ขาดผู้ชนะ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลโพล ว่า แม้ปชป.จะชนะพท.ด้วยคะแนนไม่มาก แต่แสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของพท.ไม่ได้ดีกว่าตามราคาคุยและการเมืองก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยชี้ขาดจะอยู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ว่าใครจะมีทีเด็ด โดนใจประชาชนมากกว่ากัน
การพยายามประโคมข่าวของพท. ว่าจะได้เป็นพรรคอันดับ1 และมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้นเป็นแค่การสร้างกระแสหวังผลทางจิตวิทยาเท่านั้น
“ส่วนพลังเงียบในเขตกรุงเทพฯกว่าร้อยละ30 ที่ระบุกว่ากลุ่มคนเหล่านั้นยังไม่ได้คิดจะเลือกใครนั้น เป็นเรื่องปกติ ของทุกครั้งที่มีการสำรวจความนิยมทางการเมือง ที่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครและจะใช้การตัดสินใจก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นยุทธวิธีของแต่ละพรรคที่จะดึงคนกลุ่มนี้มาลงเลือกตั้ง “นายเทพไทกล่าว
**กทม.ปชป.” ระส่ำแบ่งเขต
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่กทม.ต้องประสบปัญหาเรื่องพื้นที่เขตทับซ้อน และบางเขตก็ถูกเฉือนไปอยู่รวมกับอีกเขตหนึ่ง เช่น เขตพญาไท ของนายสกลธี ภัททิยกุล ที่ต้องถูกไปรวมกับเขตดินแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายธนา ชีรวินิจ แต่ทางผู้ใหญ่ในพรรคได้พยายามหาทางออกด้วยการเสนอรูปแบบแบ่งเขตใหม่ต่อ กกต. ซึ่งอาจจะต้องเฉือนมาจากเขตปทุมวันของ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ แต่ก็อาจจะไปสร้างปัญหาใหม่ให้กับ มล.อภิมงคล โสณกุล ที่อยู่เขตสัมพันธวงศ์ บางรัก สาธร กลุ่มเดียวกับนายเจริญ คันธวงศ์ และนายกรณ์ จาติกวณิช จากการแบ่งเขตใหม่จะมีการแบ่งพื้นที่ในส่วนเขตสัมพันธวงศ์มารวมกับขตปทุมวัน ทำให้มล.อภิมงคลต้องมาแข่งกับน.ส.อรอนงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมในเขตปทุมวัน
ส่วนเขตบางพลัด จากเดิมมีส.ส. 3 คน คือ นายชนินทร์ รุ่งแสง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เมื่อแบ่งเขตใหม่มีการเอาเขตบางพลัดครึ่งหนึ่งไปรวมกับบางกอกน้อย ทำให้เขตดังกล่าวมีประชากรเพิ่มขึ้นถึง 5 คนทำให้นายชนินทร์ต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ในเขตบางแค กกต.ได้ลดจำนวนส.ส.ลงจาก2 คนเเหลือเพียงคนเดียว ซึ่งปัจจุบันมี นายโกวิท ธารนา และนางอรอนงค์ คล้ายนก
ขณะที่ส.ส.กทม.ของพรรคต่างเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ในพรรคต้องรีบดำเนินการแก้ไข นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพื้นที่ให้ผู้สมัครหน้าใหม่ อาทิ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายวิทเยนทร์ มุตตามาระฯลฯ โดยพรรคจะประชุมกำหนดรูปแบบการแบ่งเขตใหม่ในวันนี้ (5 เม.ย.) เพื่อรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อกกต.ชุดใหญ่ในการตัดสินใจ
**บิ๊กจิ๋ว ย้ำได้ส.ส.ใต้ 6-7 คน
ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดสัมมนาและบรรยายพิเศษ การสัมมนาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคใต้ ว่าจะได้ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มขึ้นอีก 6-7 คน โดยต้องใช้ความจริงใจ พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นเวลานานนั้น ก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะช่วยให้ประชาชนให้ได้รับสิ่งที่ดี ส่วนตนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วน ด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ อาจจะลงสมัคร ส.ส.แบ่งเขตก็เป็นได้
พรรคเพื่อไทยมีโอกาสมากในการกลับมาบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง เนื่องจากมีหลายโพลสำรวจออกมาว่า พรรคเพื่อไทยได้เปรียบในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ที่น่าแปลกใจคือในพื้นที่ กทม. พรรคได้รับการชื่นชมจากประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ ต้องการวางไว้ให้เป็นศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรม การบริการและการขนส่งของภูมิภาคที่มีความสำคัญด้วย
**ปัดข่าว “วัน”ลงเขตธนบุรี
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่านายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม ลงสมัคร ส.ส.เขตธนบุรี ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะนายวันได้ย้ายชื่อจากบ้านริมคลองไปอยู่ในทะเบียนบ้านที่ จ.กาญจนบุรีนานแล้ว เนื่องจากต้องการเล่นการเมืองท้องถิ่นที่ จ.กาญจนบุรี
**ภท.อวยพร “ชัย ชิดชอบ”ที่บุรีรัมย์
เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกันที่บ้านพักนายชัย ชิดชอบประธานสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร จ.บุรีรัมย์ และนางละออง ชิดชอบ ภรรยา พร้อมด้วยนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานกระทรวงมหาดไทย และบุตรคนอื่นๆได้ร่วมกันประกอบพิธีเซ่นไหว้ศาลประกำช้าง ณ โรงโม่หินศิลาชัย ตามประเพณีชาวส่วยเลี้ยงช้าง ที่ได้สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากครอบครัวชิดชอบสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษคนเลี้ยงช้าง จึงได้มีการเชิญหมอประกำมาทำพิธีเซ่นประกำช้าง พร้อมกับมีการนำเครื่องเซ่นไหว้ที่ประกอบด้วย หัวหมู กล้วย อ้อย สัปปะรด และผลไม้ต่างๆ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีทั้งหมด 15 เชือก ขณะที่นายชัยได้สวมเสื้อสีเหลืองและมีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มอบกระเช้าดอกไม้ให้นายชัย เนื่องในวันครบรอบ 83 ปี นอกจากนี้ยังมีการทำพิธี ประกำช้างแล้ว ภายในงานยังมีการเสี่ยงทายโดยใช้การแกะกระดูกอกไก่ในปีนี้ ซึ่งทำนายว่า การจัดกิจกรรมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีอุปสรรค ไม่มีอันตรายใดๆ ในจ.บุรีรัมย์และประเทศไทย การดำเนินชีวิตและครอบครัว ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งนี้มีนักการเมืองละข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยจำนวนมาก
โดยงานนี้ใช้ชื่องาน “พ่อชัย ชิดชอบ” โดยนายเนวิน ได้เปิดบ้านพักให้แขกที่ร่วมงานมารับประทานอาหาร อาทิ หมูสะเต๊ะ ผัดหมี่โคราช ไก่ยางเขาสวนกวาง พร้อมกันนี้ภายในงานยังมีการแจกหนังสือ”ชัยมงคลวัฒนายุ 78 ปี นายชัย ชิดชอบ”ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมงานด้วย
**“ปุ”ไม่ขอรับตำแหน่งในพรรค
ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครักษ์สันติ เปิดเผยว่า จะไม่ขอรับตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรครักษ์สันติหรือหัวหน้าพรรค แต่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เท่านั้น โดยลงเล่นการเมืองในช่วงเวลาสั้นๆ
ส่วนการจับขั้วร่วมงานทางการเมือง เห็นว่า มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา จึงยังไม่สามารถตอบได้ แต่เห็นว่าทุกพรรคต้องการเป็นรัฐบาล ทั้งนี้หากเป็นฝ่ายค้านก็เป็นเรื่องดีที่จะได้ตรวจสอบเสนอแนะการทำงานของรัฐบาล
“การกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ผมไม่อยากให้มองว่าจะมาแย่งคะแนนเสียงจากพรรคการเมืองที่มีแฟนคลับและสมาชิกอยู่แล้ว เพราะตั้งใจจะขอส่วนแบ่งคะแนนจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคใด รวมไปถึง อยากได้เสียงจากคนที่ไม่อยากออกมาใช้สิทธิ หรือไม่ประสงค์ออกเสียง หรือ โนโหวต แต่อย่างไรก็ตามไม่คาดหวังกับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะหากพรรคจัดตั้งไม่ทันก็ขออย่าให้โกรธกัน”ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าว
**เทือกเขียนหนังสืออัด “แม้ว”
วันเดียวกันทีมงานของนายสุเทพได้นำหนังสือ “ฉบับพิเศษ ประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก” เรียบเรียงจากปากคำของนายสุเทพ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน ของนายกเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หน้าปกเป็นรูปนายสุเทพ ยืนชี้มือ โดยมีภาพหลังเป็นเปลวควันไฟพวยพุ่ง จากการเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยชื่อคนที่เผาเซ็นทรัลเวิร์ล
ขณะที่นายสุเทพ ได้เขียนถึงพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในหลายหัวข้อ เช่น “บางเรื่อง ผมไม่ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเห็นว่าไม่บังควร แต่ผมได้อ่านรายงานทุกวัน ทราบว่า เวลา พ.ต.ท..ทักษิณ วีดีโอลิงค์ไปยังยูเอสเอ (USA) หรือแดงประเทศนั้น ประเทศนี้ แล้วพูดจาที่ไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่า ถ้าคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ” .
ส่วนก่อนเลือกตั้งคะแนนนิยมจะเปลี่ยนแปลงใหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อ๋อคะแนนนิยมมันเปลี่ยนแปลงตลอดอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย
ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คาดหวังคะแนนส่วนไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้หน้าทีของพรรคในฐานะแกนนำรัฐบาลคือ เร่งผลักดันนโยบาย และแก้ไขปัญหาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
**“เทือก”เต้นแก้ข่าวเช็ดเท้า”ทักษิณ”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปฎิเสธไม่ได้หมายความถึงไปจะเช็คเท้าให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหากได้กลับประเทศไทย โดยอ้างว่า ข่าวลงผิด ตนพูดเป็นภาษาปักษ์ใต้ โดยอาจจะเข้าคลาดเคลื่อนในภาษา เพราะสิ่งที่พูดนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถกลับมาบ้านด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องอ้อนให้ใครพากลับและถ้าจะกลับมาด้วยตัวเอง ผมจะใส่สูทผูกเน็คไทเรียบร้อยไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย รับแล้วก็พาไปส่งตัวที่ตาราง “ยืนยันว่าไม่ได้ไปพูดจาว่าจะไปเช็คเท้าให้คุณทักษิณ ยังไงผมก็ไม่ทำอย่างนั้น” นายสุเทพ กล่าว
**เทพไท”เชื่อโค้งสุดท้ายชี้ขาดผู้ชนะ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลโพล ว่า แม้ปชป.จะชนะพท.ด้วยคะแนนไม่มาก แต่แสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของพท.ไม่ได้ดีกว่าตามราคาคุยและการเมืองก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยชี้ขาดจะอยู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ว่าใครจะมีทีเด็ด โดนใจประชาชนมากกว่ากัน
การพยายามประโคมข่าวของพท. ว่าจะได้เป็นพรรคอันดับ1 และมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้นเป็นแค่การสร้างกระแสหวังผลทางจิตวิทยาเท่านั้น
“ส่วนพลังเงียบในเขตกรุงเทพฯกว่าร้อยละ30 ที่ระบุกว่ากลุ่มคนเหล่านั้นยังไม่ได้คิดจะเลือกใครนั้น เป็นเรื่องปกติ ของทุกครั้งที่มีการสำรวจความนิยมทางการเมือง ที่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครและจะใช้การตัดสินใจก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นยุทธวิธีของแต่ละพรรคที่จะดึงคนกลุ่มนี้มาลงเลือกตั้ง “นายเทพไทกล่าว
**กทม.ปชป.” ระส่ำแบ่งเขต
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่กทม.ต้องประสบปัญหาเรื่องพื้นที่เขตทับซ้อน และบางเขตก็ถูกเฉือนไปอยู่รวมกับอีกเขตหนึ่ง เช่น เขตพญาไท ของนายสกลธี ภัททิยกุล ที่ต้องถูกไปรวมกับเขตดินแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายธนา ชีรวินิจ แต่ทางผู้ใหญ่ในพรรคได้พยายามหาทางออกด้วยการเสนอรูปแบบแบ่งเขตใหม่ต่อ กกต. ซึ่งอาจจะต้องเฉือนมาจากเขตปทุมวันของ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ แต่ก็อาจจะไปสร้างปัญหาใหม่ให้กับ มล.อภิมงคล โสณกุล ที่อยู่เขตสัมพันธวงศ์ บางรัก สาธร กลุ่มเดียวกับนายเจริญ คันธวงศ์ และนายกรณ์ จาติกวณิช จากการแบ่งเขตใหม่จะมีการแบ่งพื้นที่ในส่วนเขตสัมพันธวงศ์มารวมกับขตปทุมวัน ทำให้มล.อภิมงคลต้องมาแข่งกับน.ส.อรอนงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมในเขตปทุมวัน
ส่วนเขตบางพลัด จากเดิมมีส.ส. 3 คน คือ นายชนินทร์ รุ่งแสง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เมื่อแบ่งเขตใหม่มีการเอาเขตบางพลัดครึ่งหนึ่งไปรวมกับบางกอกน้อย ทำให้เขตดังกล่าวมีประชากรเพิ่มขึ้นถึง 5 คนทำให้นายชนินทร์ต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ในเขตบางแค กกต.ได้ลดจำนวนส.ส.ลงจาก2 คนเเหลือเพียงคนเดียว ซึ่งปัจจุบันมี นายโกวิท ธารนา และนางอรอนงค์ คล้ายนก
ขณะที่ส.ส.กทม.ของพรรคต่างเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ในพรรคต้องรีบดำเนินการแก้ไข นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพื้นที่ให้ผู้สมัครหน้าใหม่ อาทิ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต นายวิทเยนทร์ มุตตามาระฯลฯ โดยพรรคจะประชุมกำหนดรูปแบบการแบ่งเขตใหม่ในวันนี้ (5 เม.ย.) เพื่อรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อกกต.ชุดใหญ่ในการตัดสินใจ
**บิ๊กจิ๋ว ย้ำได้ส.ส.ใต้ 6-7 คน
ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดสัมมนาและบรรยายพิเศษ การสัมมนาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภาคใต้ ว่าจะได้ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มขึ้นอีก 6-7 คน โดยต้องใช้ความจริงใจ พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นเวลานานนั้น ก็ดีอยู่แล้ว เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะช่วยให้ประชาชนให้ได้รับสิ่งที่ดี ส่วนตนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วน ด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ อาจจะลงสมัคร ส.ส.แบ่งเขตก็เป็นได้
พรรคเพื่อไทยมีโอกาสมากในการกลับมาบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง เนื่องจากมีหลายโพลสำรวจออกมาว่า พรรคเพื่อไทยได้เปรียบในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ที่น่าแปลกใจคือในพื้นที่ กทม. พรรคได้รับการชื่นชมจากประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ ต้องการวางไว้ให้เป็นศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรม การบริการและการขนส่งของภูมิภาคที่มีความสำคัญด้วย
**ปัดข่าว “วัน”ลงเขตธนบุรี
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่านายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม ลงสมัคร ส.ส.เขตธนบุรี ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะนายวันได้ย้ายชื่อจากบ้านริมคลองไปอยู่ในทะเบียนบ้านที่ จ.กาญจนบุรีนานแล้ว เนื่องจากต้องการเล่นการเมืองท้องถิ่นที่ จ.กาญจนบุรี
**ภท.อวยพร “ชัย ชิดชอบ”ที่บุรีรัมย์
เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกันที่บ้านพักนายชัย ชิดชอบประธานสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร จ.บุรีรัมย์ และนางละออง ชิดชอบ ภรรยา พร้อมด้วยนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานกระทรวงมหาดไทย และบุตรคนอื่นๆได้ร่วมกันประกอบพิธีเซ่นไหว้ศาลประกำช้าง ณ โรงโม่หินศิลาชัย ตามประเพณีชาวส่วยเลี้ยงช้าง ที่ได้สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากครอบครัวชิดชอบสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษคนเลี้ยงช้าง จึงได้มีการเชิญหมอประกำมาทำพิธีเซ่นประกำช้าง พร้อมกับมีการนำเครื่องเซ่นไหว้ที่ประกอบด้วย หัวหมู กล้วย อ้อย สัปปะรด และผลไม้ต่างๆ โดยมีช้างเข้าร่วมพิธีทั้งหมด 15 เชือก ขณะที่นายชัยได้สวมเสื้อสีเหลืองและมีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มอบกระเช้าดอกไม้ให้นายชัย เนื่องในวันครบรอบ 83 ปี นอกจากนี้ยังมีการทำพิธี ประกำช้างแล้ว ภายในงานยังมีการเสี่ยงทายโดยใช้การแกะกระดูกอกไก่ในปีนี้ ซึ่งทำนายว่า การจัดกิจกรรมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะไม่มีอุปสรรค ไม่มีอันตรายใดๆ ในจ.บุรีรัมย์และประเทศไทย การดำเนินชีวิตและครอบครัว ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งนี้มีนักการเมืองละข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยจำนวนมาก
โดยงานนี้ใช้ชื่องาน “พ่อชัย ชิดชอบ” โดยนายเนวิน ได้เปิดบ้านพักให้แขกที่ร่วมงานมารับประทานอาหาร อาทิ หมูสะเต๊ะ ผัดหมี่โคราช ไก่ยางเขาสวนกวาง พร้อมกันนี้ภายในงานยังมีการแจกหนังสือ”ชัยมงคลวัฒนายุ 78 ปี นายชัย ชิดชอบ”ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมงานด้วย
**“ปุ”ไม่ขอรับตำแหน่งในพรรค
ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครักษ์สันติ เปิดเผยว่า จะไม่ขอรับตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรครักษ์สันติหรือหัวหน้าพรรค แต่จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เท่านั้น โดยลงเล่นการเมืองในช่วงเวลาสั้นๆ
ส่วนการจับขั้วร่วมงานทางการเมือง เห็นว่า มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา จึงยังไม่สามารถตอบได้ แต่เห็นว่าทุกพรรคต้องการเป็นรัฐบาล ทั้งนี้หากเป็นฝ่ายค้านก็เป็นเรื่องดีที่จะได้ตรวจสอบเสนอแนะการทำงานของรัฐบาล
“การกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้ง ผมไม่อยากให้มองว่าจะมาแย่งคะแนนเสียงจากพรรคการเมืองที่มีแฟนคลับและสมาชิกอยู่แล้ว เพราะตั้งใจจะขอส่วนแบ่งคะแนนจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคใด รวมไปถึง อยากได้เสียงจากคนที่ไม่อยากออกมาใช้สิทธิ หรือไม่ประสงค์ออกเสียง หรือ โนโหวต แต่อย่างไรก็ตามไม่คาดหวังกับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะหากพรรคจัดตั้งไม่ทันก็ขออย่าให้โกรธกัน”ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าว
**เทือกเขียนหนังสืออัด “แม้ว”
วันเดียวกันทีมงานของนายสุเทพได้นำหนังสือ “ฉบับพิเศษ ประเทศไทยของเราอย่าให้ใครเผาอีก” เรียบเรียงจากปากคำของนายสุเทพ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน ของนายกเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หน้าปกเป็นรูปนายสุเทพ ยืนชี้มือ โดยมีภาพหลังเป็นเปลวควันไฟพวยพุ่ง จากการเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยชื่อคนที่เผาเซ็นทรัลเวิร์ล
ขณะที่นายสุเทพ ได้เขียนถึงพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในหลายหัวข้อ เช่น “บางเรื่อง ผมไม่ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเห็นว่าไม่บังควร แต่ผมได้อ่านรายงานทุกวัน ทราบว่า เวลา พ.ต.ท..ทักษิณ วีดีโอลิงค์ไปยังยูเอสเอ (USA) หรือแดงประเทศนั้น ประเทศนี้ แล้วพูดจาที่ไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่า ถ้าคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ” .