วานนี้(7 มี.ค.)ที่อิมแพคเมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า จะนัดคุยกับกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในวันศุกร์ที่ 11 มี.ค. โดยปฏิเสธตอบคำถามว่าจะยุบสภาหลังเทศกาลสงกรานต์หรือไม่
ที่กกต.นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.แล้ว กกต.ก็ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเป็นการภายในแล้วโดยเฉพาะร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 93-98 และร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากทั้ง 3 ฉบับล้วนเกี่ยวพันกันและเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญที่ได้มีการแก้ไข
ทั้งนี้จะชี้แจงให้เข้าใจว่าแม้มาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะระบุว่าหากมีการยุบสภาแล้วการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ไม่แล้วเสร็จ ให้กกต.ออกประกาศกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งเพื่อใช้กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ระบุให้กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯและการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. และเกรงว่าหากกกต.มาใช้อำนาจตามมาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมาออกประกาศเกี่ยวกับกฎหมายอีก 2 ฉบับก็อาจถูกโต้แย้งตีความยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกา และกลายเป็นปัญหากล่าวหากกต.ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาในภายหลังได้
กรณีพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ที่เขียนเกี่ยวกับภาระหน้าที่ของกกต.ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง หากไม่มีการแก้ไขให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมกกต.ก็ต้องแบ่งเขตโดยยึดกฎหมายเดิม ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จก่อนจึงค่อยยุบสภา ซึ่งหากจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.ตามที่นายกฯระบุ การยุบสภาก็ต้องเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งระยะเวลา 1 เดือนกว่าก่อนเลือกตั้งคิดว่าหากสมาชิกรัฐสภาช่วยกันผลักดันร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับก็น่าจะผ่านการพิจารณา 3 วาระรวดได้ไม่ยาก
ปัญหาดังกล่าวคงไม่ทำให้กกต.ถูกกล่าวหากว่าเป็นต้นเหตุให้รัฐบาลประกาศยุบสภาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งเชื่อว่านักการเมืองและพรรคการเมืองเองต่างก็สบายใจมากกว่าถ้ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านการพิจารณามากว่าจะให้กกต.มาออกเป็นประกาศฯ เพราะเวลานี้ถ้าในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งกกต.เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
**“เทือก” ซัดลงสัตยาบรรณไร้ประโยชน์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ระบุว่า ให้ลงสัตยาบรรณ หลังการเลือกตั้งว่า เชื่อถือไม่ได้ คนเหล่านี้พูดจาอะไร พูดไปเรื่อย ไม่มีความจำเป็น พรรคประชาธิปัตย์ ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ กติกา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมทางการเมืองที่ดีอยู่แล้ว คุณนพดล ก็ไปดูพรรคตัวเองก็แล้วกัน ให้สัตยาบรรณกันเองระหว่างคุณนภดล คุณจตุพร คุณพร้อมพงศ์ เอาพันธุ์อย่างนี้น่ะครับ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป. กล่าวว่า การลงสัตยาบรรณไม่ใช้ข้อผูกมัด เท่ากับสำนึกทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาลงหลายครั้ง ก็มีการฉีกสัตยาบรรณมาแล้ว และไม่มีใครรับผิดชอบ เหมือนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ลงสัตยาบรรณในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อปี 49 แต่กลับฉีก จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่น บอยคอตไม่ลงการเลือกตั้ง จึงอยากให้นายนพดลกลับไปศึกษาว่าปชป.ไม่ลงเลือกตั้งเมื่อปี 49 เพราะอะไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณหักหลังและฉีกสัตยาบรรณใช่หรือไม่
“การเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งจริง และสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ก็ชิงเป็นรัฐบาลไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องให้พรรคการเมืองอันดับสอบจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหลักสากลทั่วโลก ก็ทำอย่างนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ควรกังวลเรื่องนี้ แต่ควรกลับไปหาวิธีให้ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งดีกว่า ”นายเทพไท กล่าว
**“เทือก”ยันไพโรจน์ซื้อโต๊ะไม่มีอะไร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยก็ออกมาระบุว่า มีการบีบขายนักธุรกิจให้บริจาค ว่า ขอให้ท่านทั้งหลายได้ตั้งหลักให้ดี เข้าใจ ว่าคุณพร้อมพงศ์ พรรคเพื่อไทยทั้งหลายไม่มีวันที่ออกมาสรรเสริญเยินเยอพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พรรคเพื่อแผ่นดิน ซื้อโต๊ะบริจาคด้วย เป็นซื้อใจเพื่อหวังร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คุณไพโรจน์ กับตนดีกัน มีมิตรไมตรีต่อกันเป็นการส่วนตัว เขาเห็นว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังจัดงานระดมทุน เขาก็ยินดีมาร่วมด้วย สำหรับค่าบริจาคโต๊ะละเท่าไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า คนก็พูดไปเรื่อยว่าเท่านั้นเท่านี้ คำว่าโต๊ะไม่ได้เอามาหารเป็นจำนวนเงิน ตนจัดงานคราวนี้ ก็คาดหวังว่าคนจะไปร่วมงานสักสองพันคน แต่ละท่านจะบริจาคเท่าไหร่ก็แล้วแต่กำลังศรัทธา กฎหมายก็กำหนดไว้แล้วว่าท่านหนึ่งบริจาคได้ไม่เกินสิบล้านบาท
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป. กล่าวว่า เป็นเรื่องจิตศรัทธาของผู้สนับสนุนพรรค และพรรคไม่เคยกดดันหรือสร้างความลำบากใจต่อผู้สนับสนุน และการระดมทุนทำอย่างเปิดเผย ตรวจสอบได้ พรรคก็จะออกใบเสร็จให้ชัดเจน และหากต้องการให้กกต.ตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนอยากให้กกต.กลับไปตรวจสอบพรรคเพื่อไทยในการใช้เงินดีกว่า เพราะไม่เคยมีการจัดงานระดมทุนแม้แต่ครั้งเดียว แต่มีเงินใช้ตลอดทั้งปี ไม่ทราบว่าเอาเงินมาจากนายใหญ่หรือนายทุนที่ไหน และไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยอิจฉาตาร้อน
**“ไพโรจน์”รวมสุวัจน์ตั้งเป้าระดับสาม
ส่วนความคืบหน้าของพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการควบรวมระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาว่า ขณะนี้กรรมการบริหารของทั้ง 2 พรรค อยู่ระหว่างหารือทั้งในเรื่องของผู้บริหาร บุคลากรภายในพรรค การลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งนโยบายยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร รวมไปถึงการตั้งชื่อพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวมองว่าต้องยึดโยงกับคำว่า “ชาติพัฒนา” ทั้ต้องชี้แจงประชาชนว่าหากยังแข่งขันในนามพรรคเพื่อแผ่นดินหรือพรรครวมชาติพัฒนานั้น อาจเป็นเพียงพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่หากรวมตัวกันแล้วสามารถเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง รองจาก 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินแจ้งว่า เหตุที่การควบรวม 2 พรรคการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งที่อยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะมีการวิเคราะห์กันระดับแกนนำภายในพรรคว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้งตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบุไว้ รวมทั้งยังติดปัญหาภายในของพรรครวมชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์ ที่สงวนท่าทีต่อกรณีการควบรวม 2 พรรคการเมือง
**ทอดไมตรี2.5 ล้านร่วมระดมทุน
ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมซื้อโต๊ะจีนในงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดในวันที่ 8 มี.ค. ในราคาโต๊ะละ 2.5 ล้านบาท ว่า ในงานดังกล่าว ทางแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมแกนนำกลุ่ม 3 พี จะเดินทางเข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าแนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยการจัดงานระดมทุนนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการทอดไมตรีระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากนั้นแล้วแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังได้เดินทางร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดพระอภิธรรมศพแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงค่ำวันนี้ (7 มี.ค.) ที่จังหวัดตรังด้วย.
ที่กกต.นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.แล้ว กกต.ก็ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเป็นการภายในแล้วโดยเฉพาะร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 93-98 และร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ และร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากทั้ง 3 ฉบับล้วนเกี่ยวพันกันและเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญที่ได้มีการแก้ไข
ทั้งนี้จะชี้แจงให้เข้าใจว่าแม้มาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะระบุว่าหากมีการยุบสภาแล้วการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ไม่แล้วเสร็จ ให้กกต.ออกประกาศกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งเพื่อใช้กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ระบุให้กกต.ออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯและการแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. และเกรงว่าหากกกต.มาใช้อำนาจตามมาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมาออกประกาศเกี่ยวกับกฎหมายอีก 2 ฉบับก็อาจถูกโต้แย้งตีความยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลฎีกา และกลายเป็นปัญหากล่าวหากกต.ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาในภายหลังได้
กรณีพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ที่เขียนเกี่ยวกับภาระหน้าที่ของกกต.ในการแบ่งเขตเลือกตั้ง หากไม่มีการแก้ไขให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมกกต.ก็ต้องแบ่งเขตโดยยึดกฎหมายเดิม ดังนั้นจึงควรมีการแก้ไขกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จก่อนจึงค่อยยุบสภา ซึ่งหากจะมีการเลือกตั้งในเดือนมิ.ย.ตามที่นายกฯระบุ การยุบสภาก็ต้องเกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งระยะเวลา 1 เดือนกว่าก่อนเลือกตั้งคิดว่าหากสมาชิกรัฐสภาช่วยกันผลักดันร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับก็น่าจะผ่านการพิจารณา 3 วาระรวดได้ไม่ยาก
ปัญหาดังกล่าวคงไม่ทำให้กกต.ถูกกล่าวหากว่าเป็นต้นเหตุให้รัฐบาลประกาศยุบสภาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งเชื่อว่านักการเมืองและพรรคการเมืองเองต่างก็สบายใจมากกว่าถ้ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับผ่านการพิจารณามากว่าจะให้กกต.มาออกเป็นประกาศฯ เพราะเวลานี้ถ้าในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งกกต.เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
**“เทือก” ซัดลงสัตยาบรรณไร้ประโยชน์
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ระบุว่า ให้ลงสัตยาบรรณ หลังการเลือกตั้งว่า เชื่อถือไม่ได้ คนเหล่านี้พูดจาอะไร พูดไปเรื่อย ไม่มีความจำเป็น พรรคประชาธิปัตย์ ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ กติกา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมทางการเมืองที่ดีอยู่แล้ว คุณนพดล ก็ไปดูพรรคตัวเองก็แล้วกัน ให้สัตยาบรรณกันเองระหว่างคุณนภดล คุณจตุพร คุณพร้อมพงศ์ เอาพันธุ์อย่างนี้น่ะครับ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป. กล่าวว่า การลงสัตยาบรรณไม่ใช้ข้อผูกมัด เท่ากับสำนึกทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาลงหลายครั้ง ก็มีการฉีกสัตยาบรรณมาแล้ว และไม่มีใครรับผิดชอบ เหมือนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ลงสัตยาบรรณในการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อปี 49 แต่กลับฉีก จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองอื่น บอยคอตไม่ลงการเลือกตั้ง จึงอยากให้นายนพดลกลับไปศึกษาว่าปชป.ไม่ลงเลือกตั้งเมื่อปี 49 เพราะอะไร เพราะพ.ต.ท.ทักษิณหักหลังและฉีกสัตยาบรรณใช่หรือไม่
“การเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งจริง และสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ ก็ชิงเป็นรัฐบาลไปก่อน แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องให้พรรคการเมืองอันดับสอบจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหลักสากลทั่วโลก ก็ทำอย่างนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ควรกังวลเรื่องนี้ แต่ควรกลับไปหาวิธีให้ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งดีกว่า ”นายเทพไท กล่าว
**“เทือก”ยันไพโรจน์ซื้อโต๊ะไม่มีอะไร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยก็ออกมาระบุว่า มีการบีบขายนักธุรกิจให้บริจาค ว่า ขอให้ท่านทั้งหลายได้ตั้งหลักให้ดี เข้าใจ ว่าคุณพร้อมพงศ์ พรรคเพื่อไทยทั้งหลายไม่มีวันที่ออกมาสรรเสริญเยินเยอพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พรรคเพื่อแผ่นดิน ซื้อโต๊ะบริจาคด้วย เป็นซื้อใจเพื่อหวังร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คุณไพโรจน์ กับตนดีกัน มีมิตรไมตรีต่อกันเป็นการส่วนตัว เขาเห็นว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังจัดงานระดมทุน เขาก็ยินดีมาร่วมด้วย สำหรับค่าบริจาคโต๊ะละเท่าไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า คนก็พูดไปเรื่อยว่าเท่านั้นเท่านี้ คำว่าโต๊ะไม่ได้เอามาหารเป็นจำนวนเงิน ตนจัดงานคราวนี้ ก็คาดหวังว่าคนจะไปร่วมงานสักสองพันคน แต่ละท่านจะบริจาคเท่าไหร่ก็แล้วแต่กำลังศรัทธา กฎหมายก็กำหนดไว้แล้วว่าท่านหนึ่งบริจาคได้ไม่เกินสิบล้านบาท
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าปชป. กล่าวว่า เป็นเรื่องจิตศรัทธาของผู้สนับสนุนพรรค และพรรคไม่เคยกดดันหรือสร้างความลำบากใจต่อผู้สนับสนุน และการระดมทุนทำอย่างเปิดเผย ตรวจสอบได้ พรรคก็จะออกใบเสร็จให้ชัดเจน และหากต้องการให้กกต.ตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนอยากให้กกต.กลับไปตรวจสอบพรรคเพื่อไทยในการใช้เงินดีกว่า เพราะไม่เคยมีการจัดงานระดมทุนแม้แต่ครั้งเดียว แต่มีเงินใช้ตลอดทั้งปี ไม่ทราบว่าเอาเงินมาจากนายใหญ่หรือนายทุนที่ไหน และไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยอิจฉาตาร้อน
**“ไพโรจน์”รวมสุวัจน์ตั้งเป้าระดับสาม
ส่วนความคืบหน้าของพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการควบรวมระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาว่า ขณะนี้กรรมการบริหารของทั้ง 2 พรรค อยู่ระหว่างหารือทั้งในเรื่องของผู้บริหาร บุคลากรภายในพรรค การลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งนโยบายยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร รวมไปถึงการตั้งชื่อพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวมองว่าต้องยึดโยงกับคำว่า “ชาติพัฒนา” ทั้ต้องชี้แจงประชาชนว่าหากยังแข่งขันในนามพรรคเพื่อแผ่นดินหรือพรรครวมชาติพัฒนานั้น อาจเป็นเพียงพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่หากรวมตัวกันแล้วสามารถเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง รองจาก 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินแจ้งว่า เหตุที่การควบรวม 2 พรรคการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทั้งที่อยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะมีการวิเคราะห์กันระดับแกนนำภายในพรรคว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้งตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีระบุไว้ รวมทั้งยังติดปัญหาภายในของพรรครวมชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์ ที่สงวนท่าทีต่อกรณีการควบรวม 2 พรรคการเมือง
**ทอดไมตรี2.5 ล้านร่วมระดมทุน
ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินร่วมซื้อโต๊ะจีนในงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดในวันที่ 8 มี.ค. ในราคาโต๊ะละ 2.5 ล้านบาท ว่า ในงานดังกล่าว ทางแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมแกนนำกลุ่ม 3 พี จะเดินทางเข้าร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าแนวทางสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยการจัดงานระดมทุนนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการทอดไมตรีระหว่างนักการเมืองด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากนั้นแล้วแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังได้เดินทางร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดพระอภิธรรมศพแม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงค่ำวันนี้ (7 มี.ค.) ที่จังหวัดตรังด้วย.