ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"ห่วงเขื่อนเมืองกาญจน์ เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวหากเกิน 7 ริกเตอร์ ขณะที่ภาคเหนือ-ตะวันตก พื้นที่เสี่ยงสูง จากปัญหารอยเลื่อน สั่งปฏิบัติการเชิงรุกพบเจ้าของตรวจสอบอาคารสูง ย้ำทุกหน่วยงานบูรณาการข้อมูลรับมือภัยพิบัติ เผย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ แจ้งครม.มี 13 รอยเลื่อน ใน 22 จ.ทั่วประเทศ มีความเสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวได้ ด้านผู้ว่าฯกทม. ล้อมคอกสร้างอาคารสูง จ่อแก้กฎหมายควบคุมอาคาร
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแผ่นดินไหวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอในเรื่องของรอยเลื่อยทั้งหมดในประเทศไทย และให้ทางกระทรวงมหาดไทยไปดูในเรื่องของอาคารสูง ว่า จะรอบรับได้หรือไม่ อย่างไร จะต้องมีการไปเสริมด้วยวิธีใด จะต้องทำงานในเชิงรุก เข้าไปหาเจ้าของอาคารต่างๆ รวมไปถึงการซ้อมแผนต่างๆ จะมีการบูรณาการให้มีการกระชับมากขึ้น โดยนายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่ารอยเลื่อยในประเทศไทย จากการรายงานพบบริเวณจุดไหนเปราะบางมากที่สุด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีการแยกเป็นพื้นที่ของแต่ละพื้นที่ไว้ว่า ระดับความรุนแรงเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางภาคเหนือ หรือภาคตะวันตก จะอยู่ในข่ายที่มีความรุนแรงมากกว่าที่อื่น
เมื่อถามว่า ในส่วนของกรุงเทพฯ ในเรื่องของสถานการณ์แผ่นดินไหว จะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพฯจะเป็นวงแหวนต่างห่างจากรอยเลื่อน ส่วนเรื่องเขื่อนจะให้ไปดูอย่างที่ จ.กาญจนบุรี จะมีการเข้าไปดูอย่างละเอียด ซึ่งเป็นพื้นที่ความเสี่ยง และความรุนแรงสูง ต้องให้หน่วยงานต่างๆ ยืนยันข้อเท็จจริง และเตรียมความพร้อม แต่เราไม่ต้องการให้เกิดความประมาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขื่อนต่างๆ ถูกสร้างไว้สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ไม่เกิน 7 ริกเตอร์ จะมีการรับมืออย่างไร หากเกิดแผ่นดินไหวเกินกว่าเขื่อนจะรับได้ นายกฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องไปศึกษาเพิ่ม และอยากให้ทุกฝ่ายน้ำข้อมูลมา และมีข้อสรุปที่ชัดเจน ไม่ต้องการให้เกิดความประมาท และไม่ต้องการให้เกิดการตระหนก ต้องอยู่กับข้อเท็จจริง มีอะไรที่เป็นมาตรการต้องดำเนินการ สามารถดำเนินการถูกต้อง และขณะนี้ต้องยอมรับว่า ความเห็นของนักวิชาการยังไม่ตรงกัน
***ตรวจสอบอาคารเก่า หวั่นถล่ม!
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.วานนี้ ( 28 ) ว่าที่ประชุมได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย ไอซีที วัฒนธรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กทม. และนักวิชาการ เพื่อวางแนวทางรองรับการเกิดแผ่นดินไหว โดยให้จัดประชุมขึ้นภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้จะเน้นในเรื่องการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีข้อมูลที่ครบถ้วน และรวมถึงเรื่องการประเมินในเรื่องความเสียหาย ที่เกิดจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะการเร่งสำรวจอาคารที่มีอายุมาก ก่อสร้างก่อนปี 2551 ที่ไม่มีการรองรับการเกิดแผ่นดินไหว ให้มีการวางกฎเกณฑ์ว่าจะดำเนินการตรวจสอบอาคารเก่าได้อย่างไร หากไม่จำเป็น ก็ให้มีการร่วมกันหาแนวทางเสริมอาคารเก่าให้มีความแข็งแรง เร่งสำรวจ ความมั่นคงของเขื่อนต่างๆ ให้กระทรวงวัฒนธรรม ไปสำรวจความเสียหายของโบราณสถานต่างๆ
**22 จว.รอยเลื่อนน่าห่วง เหนือมากสุด
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. รับทราบการรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เกี่ยวกับรายชื่อจังหวัดที่มีรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่าน ที่มีประมาณ 13 รอยเลื่อนพาดผ่าน 22 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ กระบี่ ชุมพร พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี นครพนม หนองคาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ให้มีการติดตั้งเครื่องมือตรวจสอบการเคลื่อนไหวสะเทือน ในบริเวณต่างๆ เพื่อที่ประชาชนจะได้ สบายใจ และให้มีการประสานแจ้งมายังศูนย์เตือนภัยต่อไป
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำกับรัฐมนตรี ให้ไปกำชับหน่วยงานราชการให้ข่าวที่ถูกต้องตรงกับความจริง ไม่ให้เกิดความตื่นกลัว จนเศรษฐกิจเสียหาย โดยยกตัวอย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว มีการพยากรณ์จากนักวิชาการบางคนว่า จะเกิดสึนามิในประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบทันทีโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจเอกชนได้รับความเสียหาย ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดี
***กทม.เล็งแก้กม.ควบคุมอาคารับแรงสั่น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ (กทม.) กล่าวยอมรับว่า ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ที่ใด และเมื่อไรก็ได้ จึงไม่ควรประมาทในการที่จะเตรียมการรับมือภัยธรรมชาติ และตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกเพราะว่า อาคารสูงของกทม.ถึงแม้ว่าจะเพิ่งมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 แต่ก่อนหน้านั้นก็มีกฎกระทรวงฉบับที่ 49 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่บังคับให้ผู้ก่อสร้างอาคารสูงสร้างอาคารที่รองรับกับปัญหาลมแรงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครภายในสัปดาห์นี้ เพื่อทบทวนแผนเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาแผ่นดินไหวตลอดจนรายงานความคืบหน้า รวมทั้งจะมีการนำปัญหาจากสึนามิเข้าในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.ด้วย เพราะหลังจากญี่ปุ่นเกิดเหตุแผ่นดินไหว จะบอกว่าสึนามิไม่เกิดขึ้นและไม่กระทบกระเทือนพื้นที่ กทม.คงไม่ได้ เพราะตราบใดที่กทม.ยังมีพื้นที่ชายฝั่งติดทะเล 4.7 กิโลเมตรที่เขตบางขุนเทียน ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นได้สักวันหนึ่ง ตนได้สั่งไปแล้วให้เพิ่มมาตรากรป้องกันภัยธรรมชาติที่เกิดจากสึนามิ
" กทม.จะพิจารณาร่างข้อบัญญัติกทม.สร้างอาคารสูงให้มีความปลอดภัยจากภัยแผ่นดินไหวมากขึ้น เพื่อเสนอต่อสภากทม.พิจารณา พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้สำนักการโยธาจัดเสวนาเรื่องแผ่นดินไหว โดยเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน "
**สธ.ระบุ รพ.เชียงรายฯ เสียหาย 2.8 แสน
วานนี้(28 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า กรณีเกิดแผ่นดินไหวที่พม่าเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ส่งผลกระทบต่อไทย โดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย รักษาพยาบาลจนหายดีและกลับบ้านแล้ว 4 ราย ยังรักษาอยู่ที่ โรงพยาบาล(รพ.)อีก 14 ราย ซึ่งพักรักษาตัวในรพ. 3 แห่ง ได้แก่ รพ.แม่สาย เชียงแสน และ โรงพยาบาลศูนย์เชียงราย ส่วนหนึ่งพบว่าได้บาดเจ็บจากการกระโดดลงจากตัวอาคาร จึงทำให้กระดูกบางส่วนแตกหัก
สำหรับความเสียหายเบื้องต้น โรงพยาบาลในสังกัด สธ.เสียหายหลายส่วนได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 10 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์(รพศ.) 1 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) 1 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.) 5 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเฉพาะใน รพ.เชียงรายราชประชานุเคราะห์ 280,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดในพื้นที่เสี่ยง 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ กาญจนบุรี และตาก ซ้อมแผนรับมือตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแผ่นดินไหวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอในเรื่องของรอยเลื่อยทั้งหมดในประเทศไทย และให้ทางกระทรวงมหาดไทยไปดูในเรื่องของอาคารสูง ว่า จะรอบรับได้หรือไม่ อย่างไร จะต้องมีการไปเสริมด้วยวิธีใด จะต้องทำงานในเชิงรุก เข้าไปหาเจ้าของอาคารต่างๆ รวมไปถึงการซ้อมแผนต่างๆ จะมีการบูรณาการให้มีการกระชับมากขึ้น โดยนายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่ารอยเลื่อยในประเทศไทย จากการรายงานพบบริเวณจุดไหนเปราะบางมากที่สุด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีการแยกเป็นพื้นที่ของแต่ละพื้นที่ไว้ว่า ระดับความรุนแรงเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางภาคเหนือ หรือภาคตะวันตก จะอยู่ในข่ายที่มีความรุนแรงมากกว่าที่อื่น
เมื่อถามว่า ในส่วนของกรุงเทพฯ ในเรื่องของสถานการณ์แผ่นดินไหว จะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรุงเทพฯจะเป็นวงแหวนต่างห่างจากรอยเลื่อน ส่วนเรื่องเขื่อนจะให้ไปดูอย่างที่ จ.กาญจนบุรี จะมีการเข้าไปดูอย่างละเอียด ซึ่งเป็นพื้นที่ความเสี่ยง และความรุนแรงสูง ต้องให้หน่วยงานต่างๆ ยืนยันข้อเท็จจริง และเตรียมความพร้อม แต่เราไม่ต้องการให้เกิดความประมาท
ผู้สื่อข่าวถามว่า เขื่อนต่างๆ ถูกสร้างไว้สามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ไม่เกิน 7 ริกเตอร์ จะมีการรับมืออย่างไร หากเกิดแผ่นดินไหวเกินกว่าเขื่อนจะรับได้ นายกฯ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องไปศึกษาเพิ่ม และอยากให้ทุกฝ่ายน้ำข้อมูลมา และมีข้อสรุปที่ชัดเจน ไม่ต้องการให้เกิดความประมาท และไม่ต้องการให้เกิดการตระหนก ต้องอยู่กับข้อเท็จจริง มีอะไรที่เป็นมาตรการต้องดำเนินการ สามารถดำเนินการถูกต้อง และขณะนี้ต้องยอมรับว่า ความเห็นของนักวิชาการยังไม่ตรงกัน
***ตรวจสอบอาคารเก่า หวั่นถล่ม!
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.วานนี้ ( 28 ) ว่าที่ประชุมได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย ไอซีที วัฒนธรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กทม. และนักวิชาการ เพื่อวางแนวทางรองรับการเกิดแผ่นดินไหว โดยให้จัดประชุมขึ้นภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้จะเน้นในเรื่องการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีข้อมูลที่ครบถ้วน และรวมถึงเรื่องการประเมินในเรื่องความเสียหาย ที่เกิดจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะการเร่งสำรวจอาคารที่มีอายุมาก ก่อสร้างก่อนปี 2551 ที่ไม่มีการรองรับการเกิดแผ่นดินไหว ให้มีการวางกฎเกณฑ์ว่าจะดำเนินการตรวจสอบอาคารเก่าได้อย่างไร หากไม่จำเป็น ก็ให้มีการร่วมกันหาแนวทางเสริมอาคารเก่าให้มีความแข็งแรง เร่งสำรวจ ความมั่นคงของเขื่อนต่างๆ ให้กระทรวงวัฒนธรรม ไปสำรวจความเสียหายของโบราณสถานต่างๆ
**22 จว.รอยเลื่อนน่าห่วง เหนือมากสุด
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. รับทราบการรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เกี่ยวกับรายชื่อจังหวัดที่มีรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่าน ที่มีประมาณ 13 รอยเลื่อนพาดผ่าน 22 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ กระบี่ ชุมพร พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี นครพนม หนองคาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ให้มีการติดตั้งเครื่องมือตรวจสอบการเคลื่อนไหวสะเทือน ในบริเวณต่างๆ เพื่อที่ประชาชนจะได้ สบายใจ และให้มีการประสานแจ้งมายังศูนย์เตือนภัยต่อไป
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำกับรัฐมนตรี ให้ไปกำชับหน่วยงานราชการให้ข่าวที่ถูกต้องตรงกับความจริง ไม่ให้เกิดความตื่นกลัว จนเศรษฐกิจเสียหาย โดยยกตัวอย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว มีการพยากรณ์จากนักวิชาการบางคนว่า จะเกิดสึนามิในประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบทันทีโดยเฉพาะการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจเอกชนได้รับความเสียหาย ถือว่าเป็นบทเรียนที่ดี
***กทม.เล็งแก้กม.ควบคุมอาคารับแรงสั่น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ (กทม.) กล่าวยอมรับว่า ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ที่ใด และเมื่อไรก็ได้ จึงไม่ควรประมาทในการที่จะเตรียมการรับมือภัยธรรมชาติ และตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกเพราะว่า อาคารสูงของกทม.ถึงแม้ว่าจะเพิ่งมีกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2550 แต่ก่อนหน้านั้นก็มีกฎกระทรวงฉบับที่ 49 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่บังคับให้ผู้ก่อสร้างอาคารสูงสร้างอาคารที่รองรับกับปัญหาลมแรงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานครภายในสัปดาห์นี้ เพื่อทบทวนแผนเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาแผ่นดินไหวตลอดจนรายงานความคืบหน้า รวมทั้งจะมีการนำปัญหาจากสึนามิเข้าในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.ด้วย เพราะหลังจากญี่ปุ่นเกิดเหตุแผ่นดินไหว จะบอกว่าสึนามิไม่เกิดขึ้นและไม่กระทบกระเทือนพื้นที่ กทม.คงไม่ได้ เพราะตราบใดที่กทม.ยังมีพื้นที่ชายฝั่งติดทะเล 4.7 กิโลเมตรที่เขตบางขุนเทียน ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นได้สักวันหนึ่ง ตนได้สั่งไปแล้วให้เพิ่มมาตรากรป้องกันภัยธรรมชาติที่เกิดจากสึนามิ
" กทม.จะพิจารณาร่างข้อบัญญัติกทม.สร้างอาคารสูงให้มีความปลอดภัยจากภัยแผ่นดินไหวมากขึ้น เพื่อเสนอต่อสภากทม.พิจารณา พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้สำนักการโยธาจัดเสวนาเรื่องแผ่นดินไหว โดยเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วย เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน "
**สธ.ระบุ รพ.เชียงรายฯ เสียหาย 2.8 แสน
วานนี้(28 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า กรณีเกิดแผ่นดินไหวที่พม่าเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ส่งผลกระทบต่อไทย โดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 18 ราย รักษาพยาบาลจนหายดีและกลับบ้านแล้ว 4 ราย ยังรักษาอยู่ที่ โรงพยาบาล(รพ.)อีก 14 ราย ซึ่งพักรักษาตัวในรพ. 3 แห่ง ได้แก่ รพ.แม่สาย เชียงแสน และ โรงพยาบาลศูนย์เชียงราย ส่วนหนึ่งพบว่าได้บาดเจ็บจากการกระโดดลงจากตัวอาคาร จึงทำให้กระดูกบางส่วนแตกหัก
สำหรับความเสียหายเบื้องต้น โรงพยาบาลในสังกัด สธ.เสียหายหลายส่วนได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) 10 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์(รพศ.) 1 แห่ง โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) 1 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.) 5 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นเฉพาะใน รพ.เชียงรายราชประชานุเคราะห์ 280,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดในพื้นที่เสี่ยง 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ กาญจนบุรี และตาก ซ้อมแผนรับมือตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
