ที่ประชุม ครม.กำชับ “สาทิตย์” เร่งกำหนดเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเร่งสำรวจอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 51 ที่ยังไม่ได้มาตรการรองรับแผ่นดินไหว รับ 22 จว.รอยเลื่อนน่าห่วงตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า เห็นชอบให้ ก.พลังงาน ส่งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าไปช่วยญี่ปุ่น รับทราบผลตรวจวัดสารกัมมันตรังสีของสำนักปรมาณูเพื่อสันติ จากคนและอาหาร ยังไม่พบการแปดเปื้อน สั่ง มท.ปรับแผนจัดระบบ การใช้อุปกรณ์ดับไฟ กรณีไฟไหม้ “ตลาดปักธงชัย”
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบการรายงานของหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด ครม.ได้มอบหมายให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปจัดทำเกณฑ์การชดเชยค่าเสียหาย เยียวยาประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยให้นำกลับมาเสนอต่อ ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า รวมถึงผู้ประสบภัยในคราวก่อนด้วย
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ครม.ยังได้มอบหมายให้ นายสาทิตย์ ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงไอซีที กระทรวงวัฒนธรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กทม.และนักวิชาการ เพื่อวางแนวทางรองรับการเกิดแผ่นดินไหว โดยให้จัดประชุมขึ้นภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ จะเน้นในเรื่องการแจ้งเตือน ที่มีประสิทธิภาพ เร็ว และมีข้อมูลที่ครบถ้วน และรวมถึงเรื่องการประเมินในเรื่องความเสียหาย ที่เกิดจากแผ่นดินไหว โดยเฉพาะการเร่งสำรวจอาคารที่มีอายุมาก ก่อสร้างก่อนปี 2551 ที่ไม่มีการรองรับการเกิดแผ่นดินไหว ให้มีการวางกฎเกณฑ์ว่าจะดำเนินการตรวจสอบอาคารเก่าได้อย่างไร หากไม่จำเป็น ก็ให้มีการร่วมกั้นหาแนวทางเสริมอาคารเก่าให้มีความแข็งแรง เร่งสำรวจ ความมั่นคงของเขื่อนต่างๆให้กระทรวงวัฒนาธรรม ไปสำรวจความเสียหายของโบราณสถานต่างๆ
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบการรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เกี่ยวกับรายชื่อจังหวัด ที่มีรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่าน โดยกระทรวงทรัพยากรฯได้เสนอรายงาน และแนวทางในการเฝ้าระวังโดยผ่านกรมทรัพยากรและธรณีที่มีการตรวจสอบแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา และการรวบวิเคราะห์ประมวลผลที่เกิดขึ้น เฝ้าระวังกลุ่มรอยเลื่อนต่างๆที่มีประมาณ 13 รอยเลื่อนพาดผ่าน 22 จังหวัด ประกอบด้วยเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก น่าน พะเยา พิษโลก ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ กระบี่ ชุมพร พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี นครพนม หนองคาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ให้มีการติดตั้งเครื่องมือตรวจสอบการเคลื่อนไหวสะเทือนในบริเวณต่างๆ เพื่อที่ประชาชนจะได้สบายใจ และให้มีการประสานแจ้งมายังศูนย์เตือนภัยต่อไป
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการช่วยเหลือประเทศพม่าที่ประสบแผ่นดินไหว ให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ไปเร่งรัดและวางแนวทางรูปแบบในการช่วยเหลือ โดยให้เสนอกลับมายังที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ครม.ได้รับทราบถึงการให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่แต่ละหน่วยงานทำไปอย่างเต่อเนื่อง โดยในวันนี้รับทราบว่าทางกระทรวงพลังงานได้อนุมัติให้มีการส่งเครื่องกังหันก๊าซที่ใช้ดีเซลของโรงไฟฟ้าหนองจอก จำนวน 2 ชุด โดยเป็นเครื่องหน่วยที่ 1 และ 3 ที่มีกำลังการผลิต ประมาณ 122 เมกะวัตต์ ที่ใช้งานมาแล้ว 15 ปี ปัจจุบันได้ปลดประจำการแล้ว โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปให้ญี่ปุ่นใช้เป็นการชั่วคราว 3-5 ปี เนื่องจากมีวิกฤตการณ์ขาดแคลนไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในเรื่องการรื้อถอนขนย้าย การดูแลรักษา ทางญี่ปุ่นจะเป็นผู้รับผิดชอบ
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบเกี่ยวกับเรื่องการเฝ้าระวังในเรื่องการแพร่ของกัมมันตรังสี โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้รายงานให้ ครม.ทราบว่า สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ดำเนินร่วมกับหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงานวัดรังสีจากบุคคล และตรวจอาหารร่วมกับสำนักงานอาหารและยา แล้วจนบัดนี้ยังไม่พบการเปรอะเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อประชาชน และมีการตรวจน้ำประปา และน้ำทะเล มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นผู้รายงานให้ ครม.ทราบทุกสัปดาห์
นายปณิธาน กล่าวต่อว่า จากกรณีการเกิดเพลิงไหม้ที่ตลาดปักธงชัย เมื่อวันที่ 27 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งไปราชการที่ จ.นครราชสีมา ก็ได้เดินทางปรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น และได้นำกลับมาแจ้งให้ที่ประชุม ครม.รับทราบในการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ปักธงชัย ที่ยังมีปัญหาในเรื่องการการดับไฟ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ อาจจะไม่มีการประสานสอดคล้องในการช่วยเหลือ ให้กระทรวงมหาดไทยไปประสานงานจัดระบบในการช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาอัคคีภัย และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการเร่งรัดให้ประชาชน ใน อ.ปักธงชัย ที่อยู่ในที่ดินที่ราชพัสดุสามารถปลุกสิ่งก่อสร้างชดเชยใหม่ได้