xs
xsm
sm
md
lg

เหนือผวา!แผ่นดินไหว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ภาคเหนือผวา-หลังแผ่นดินไหวแรง 6.7 ริกเตอร์ชายแดนพม่า ด้าน“สมิทธ” เชื่อกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นถึงไทยช่วงปลายปีแต่ไม่อันตรายมาก พร้อมชี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำเป็น แนะรัฐให้ความรู้ภาคประชาชนก่อนเดินหน้าโครงการ ขณะที่ภาค ปชช.รุมค้านไม่เอา หากทำจริงให้สร้างใน กทม. เหตุใช้ไฟเยอะสุด “มาร์ค” เตรียมตรวจสินค้าตลาดคลองเตยหาสารปนเปื้อน ยันทบทวนแผนสร้างนิวเคลียร์ในไทย ด้าน “กษิต” ยันเร่งช่วยคนไทยติดค้างในญี่ปุ่นกลับไทย ภาพรวมภัยพิบัติในญี่ปุ่นมีต่อไทย คาดเศรษฐกิจลดลง 0.2% ส่งออกลดลงเหลือ 2.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ด้านสาธารณสุขสั่งตรวจเข้มผักและผลไม้

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการตรวจพบแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 20.55 น. วานนี้ (24 เม.ย.) ที่บริเวณประเทศพม่า (20.87 N,99.91 E) ขนาด 6.7 ริกเตอร์ ห่างจากทางทิศเหนือของอ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 56 กิโลเมตร

จากการเหตุการณ์นี้ส่งผลให้รู้สึกสั่นไหวในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน ขณะที่ตึกสูงหลายแห่งในเขตกรุงเทพฯ เองก็สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นไหวเช่นกัน
วานนี้ (24 มี.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางสถานทูตประเทศต่างๆ ได้ย้ายที่ตั้งออกจากประเทศญี่ปุ่น ว่า ในส่วนของไทยยังไม่ได้คุยกันตรงนี้ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามเรื่องสารกัมมันตภาพรังสีอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีวาระพิจารณาการมีส่วนร่วมของประชาชนกับกระบวนการทางนโยบายในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ โดยศึกษาจากบทเรียนการกรณีภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นในการป้องกันและรับมือกับสาธารณภัย ซึ่งมี นางนิภา พริ้งศุลกะ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนเครือข่ายประชาชนไม่เอานิวเคลียร์ ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายลภชัย ศิริภิรมย์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า นับจากที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดระเบิด และสารกัมมันตภาพรังสีฟุ้งกระจายไปสู่ท้องฟ้า ทางสำนักงานฯได้ตรวจวัดค่ารังสีในไทย ล่าสุดมีค่าเท่ากับศูนย์ นอกจากนั้นได้เตรียมการป้องกันโดยจัดหน่วยงานตรวจรังสีบุคคลที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น หรือบุคคลที่สงสัยว่าจะสัมผัสกัมมันตภาพรังสี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมตัวแทนเครือข่ายประชาชนได้แสดงความเห็นทิศทางเดียวกัน คือ คัดค้านโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากกังวลเรื่องอันตรายของกัมมันตภาพรังสี แต่หากหน่วยงานรัฐบาลต้องการสร้าง ขอให้ย้ายโรงงานผลิตมาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะถือว่าเป็นจังหวัดที่มีสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุด และจากสถิติการใช้ไฟฟ้าจาก 3 ห้างสรรพสินค้าใหญ่ในกระงเทพฯพบว่า ใน 1 วัน เท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าใน 16 จังหวัด

นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ถือว่ามีความจำเป็น เนื่องจาก 30-40 ปีข้างหน้า น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะหมดไปจากโลกนี้ ส่วนตัวมองว่าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นพลังงานสะอาดที่สามารถใช้ทดแทนได้ ส่วนกรณีที่กลุ่มประชาชนต่อต้าน ตนมองว่าเป็นเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในรายละเอียด หากหน่วยงานรัฐเข้าไปให้ความรู้ด้านประโยชน์และข้อเสียอย่างละเอียดประชาชนจะเข้าใจ เชื่อว่าไม่มีปัญหา

สำหรับกรณีที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่ญี่ปุ่นระเบิด จะส่งผลให้กัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายมาถึงไทยหรือไม่ นายสมิทธ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีแต่มีความเป็นไปได้ว่า ในช่วงปลายปีที่ลมเปลี่ยนทิศทางมาเป็นทางตะวันตกเฉียงใต้ สารกัมมันตภาพรังสีอาจมาถึงไทยได้ ส่วนความเข้มข้นหรือสามารถทำอันตรายกับประชาชนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของรังสีที่ปล่อยออกมา เมื่อถึงเวลานั้นคงต้องตรวจวัดอีกครั้ง

**"มาร์ค"ตรวจตลาดคลอง

วันเดียวกันนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ว่าอยากจะถามประเทศไทยได้ช่วยเหลือญี่ปุ่นอย่างไร และขณะนี้เรื่องสถานการณ์สารปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่ญี่ปุ่นได้มีการสั่งห้ามบริโภคนม และผัก จะมีผลกระทบต่อไทยหรือไม่และจะมีสารปนเปื้อนในอาหาร น้ำ และในอากาศอย่างไรบ้าง รวมถึงอยากถามว่าสารปนเปื้อนจะมาถึงไทยหรือไม่ ซึ่งอยากได้รับการยืนยันจากรัฐบาลถ้ามีจริงจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร อีกทั้ง ประเทศไทยเคยเกิดสึนามิมาแล้วระบบเตือนภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอยากให้รัฐบาลให้ความมั่นใจในเรื่องดังกล่าว เพราะทราบว่ายังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ จึงอยากถามว่ามีการเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง

ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยมีมาตรการช่วยเหลือ 3 ทางคือรัฐบาลไทยได้ให้งบประมาณช่วยเหลือไปแล้วกว่า 205 ล้านบาทไม่นับรวมสิ่งของ โดยบริจาคผ่านทางภาคเอกชนและมีการเปิดบัญชีธนาคารแล้วประมาณ 8-9 บัญชีและผ่านสภากาชาดไทย นอกจากนี้ เงินที่ได้รับจะทยอยส่งให้สภากาชาดของญี่ปุ่นรวมทั้งสิ่งของที่จะส่งไปก็ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเพื่อสะดวกในการขนส่ง ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ทาบทามสายการบิน jall ด้วยกำลังรอคำตอบอยู่ ทัง้นี้ คนไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 40,900 คนมีการตรวจสอบคนไทยที่ปลอดภัยแล้วรวม 9,281 คน และเดินทางกลับไทยแล้วกว่า 9,931 คน แต่ยังคนไทยแจ้งความจำนงที่จะขอกลับประเทศไทยอีก 816 คน ซึ่งการบินไทยได้เตรียมที่นั่งไว้พร้อมแล้ว ขณะเดียวกันสถานทูตไทยในกรุงโตเกียวได้เปิดศูนย์ประสานงานไว้แล้ว นอกจากนี้ได้จัดที่พักสำรองไว้ที่เมืองโอซาก้าอีกกว่า 8,000 ที่นอนเพื่อรองรับ

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสารปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีใน 3 ทางคือ ทางอากาศ อาหาร และผ่านบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตรวจพบความผิดปกติแต่อย่างใด และรัฐบาลได้ตรวจสอบอาหารที่มาจากญี่ปุ่นก็ยังไม่พบระดับสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย และจะทำการตรวจสอบสิ้นค้าที่คลองเตยด้วย ในส่วนของคนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศยืนยันว่าเรามีกลไกติดตามอย่างละเอียดรอบคอบโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นเราได้ทำแผนสำรองไว้แล้วโดยไม่ได้ยึดว่าจะต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทย ซึ่งมีเวลาอีก 2 ปีในการพิจารณา ทบทวนต่อไป

นอกจากนี้ การเตือนภัยสึนามิในไทยนับตั้งแต่เกิดสึนามีเมื่อปี 2547 ทางรัฐบาลได้มีการปรับปรุงกฎหมาย ปรับปรุงระบบเตือนภัย มีการซ้อมหนีภัยอยู่ตลอด รวมถึงมีการประสานงานกับระดับนานาชาติที่จะมาช่วยกันดูแล ดังนั้น ยืนยันว่าเราจะปรับปรุงให้เกิดความเข้มแข็งต่อไป รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อรู้แนวปฏิบัติในการลดการสูญเสียด้วย

***เศรษฐกิจลด0.2%-นักเที่ยวหด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบญี่ปุ่นต่อเศรษฐกิจไทยว่า อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลงจากเป้าหมายเดิม 0.1-0.2% ส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นอาจมีมูลค่าลดลงเหลือ 2.2-2.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8-10% ทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 8,000 -1.5 หมื่นล้านบาท

ขณะที่การท่องเที่ยวคาดว่าอาจทำให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาเที่ยวไทยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9 แสนคน จากเดิมที่คาดว่าจะมีคนญี่ปุ่นมาเที่ยวเมืองไทย 1.04 ล้านคน ทำให้สูญเสียรายได้ 3,000 -5,000 ล้านบาท

**เพิ่มมาตรการเข้มตรวจเข้ม

ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สธ. ได้เริ่มมาตรการใหม่ โดยการตรวจผัก ผลไม้ทุกรายการที่นำเข้าจากเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น โดยขอความร่วมมือจากผู้นำเข้าต้องตรวจผัก ผลไม้ทุกรายการและจะยังไม่อนุญาตให้จำหน่ายจนกว่าผลการตรวจจะเสร็จ ต้องได้ผลว่าปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อนจึงจะให้จำหน่ายได้ ซึ่งจะใช้เวลาตรวจประมาณ 1 วัน

**อย.ยังไม่พบสารปนเปื้อน

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากการที่ อย.ได้ดำเนินการตรวจ อาหารที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.รวมทั้งสิ้น 65 ตัวอย่าง อย. ได้รับผลวิเคราะห์จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จำนวน 39 ตัวอย่างแล้วซึ่งทั้งหมดไม่มีสารปนเปื้อนใดๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น