ASTVผู้จัดการรายวัน - อย.บุกตรวจ “คลองเตย-แหลมฉบัง” หวั่นอาหารญี่ปุ่นนำเข้าปนเปื้อน ซี130นำ39คนไทยถึงสุวรรณภูมิส่วน “ทูตไทยในญี่ปุ่น” แจ้ง 749 คนไทยยังติดต่อไม่ได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้( 20 มี.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังสถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำญี่ปุ่น เพื่อติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น และการให้ความช่วยเหลือคนไทย ผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์
นายอภสิทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่คนไทยเป็นห่วงมากที่สุดจากการเห็นภัยพิบัติครั้งนี้ มีตัวเลขที่น่ากลัวมาก เพราะมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกิน 7,000 คน และยังหาไม่พบเป็นหลักหมื่น เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คนไทยตั้งข้อสงสัยว่า ในจำนวนนั้นมีพี่น้องคนไทยด้วยหรือไม่ การติดตามการรายงานที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียในส่วนนี้ กรณีที่ญาติพี่น้องบุคคลที่ไปญี่ปุ่นที่ยังตามหาไม่เจอเป็นอย่างไร
โดยนายวีระศักดิ์ รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าสถานทูตฯ ได้จัดส่งคนไทยชุดที่ 3 ราว 46 คน ขึ้นซี130 เดินทางกลับประเทศไทยซึ่งรวมกลับประเทศทั้ง 3 เที่ยวแล้ว 118 คน นอกจากนี้ ยังมีคนไทยที่เดินทางกลับเองอีกราว 4,000 คน สำหรับความช่วยเหลือคนไทยอีกราว 1,600 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ก่อนหน้า ทางสถานทูตฯ ได้ติดตามพบตัวแล้วประมาณ 800 คน เหลืออีกราว 749 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากมีครัวเรือนมากกว่า 250,000 ครัวเรือนในประเทศญี่ปุ่น ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ยังไม่สามารถติดต่อมาได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานพบคนไทยเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว
ส่วนแผนการอพยพ กรณีสารกัมมันตภาพรังสี รั่วไหลนั้น ทูตไทยฯ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมการกรณีที่สารกัมมันตภาพรังสีในอากาศอยู่ในปริมาณที่เกินกว่ากำหนด เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยได้ประสานกับสำนักงานของไทยในประเทศญี่ปุ่น ขอให้ติดต่อนักเรียนไทย , แรงงานไทย และคนไทย เพื่อให้เตรียมการรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินให้เร่งอพยพ ลงมาที่กรุงโตเกียว ได้เตรียมเช่ารถเพื่อนำส่งต่อไปยังเมืองโอซากา เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่เมืองคันไซ ในกรณีที่เครื่องบินของการบินไทยไม่สามารถออกจากนาริตะได้
ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟุกุชิมา นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีในบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าฯ ได้ลดลง สิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดคือ เมื่อนำไฟฟ้าเข้าไป และเปิดให้ทำงานอีกครั้งจะเกิดการช็อตของระบบ ทำให้เกิดการระเบิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งทางการญี่ปุ่นกำลังเตรียมการอยู่ ส่วนที่เกิดกระแสข่าวว่าพบสารกัมมันตภาพรังสีในอาหารญี่ปุ่น ทางเลขาธิการ ครม.ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า ได้พบสารต่างๆ ในปริมาณที่เกินกว่าปกติ ในรัศมี 30 กม.จากโรงไฟฟ้าฯ ซึ่งพบในผักโขม และนมเท่านั้น แม้จะเกินปริมาณกว่าปกติ แต่ยังไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนในน้ำประปาที่กรุงโตเกียวก็ยังอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้มีคำสั่งให้ทุกจังหวัดติดตามระดับกัมมันตภาพรังสีทั้งในอากาศ และพืชผลต่างๆ หากพบพืชผล และอาหารญี่ปุ่นในไทย ที่มีปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีที่เกินปริมาณที่กำหนด ทางรัฐบาลได้มีการสั่งห้ามไม่ให้มีการขาย
นายกฯ ถามถึงมาตรการในการค้นหาในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไร นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ทางญี่ปุ่นได้ระดมทหารราว 100,000 นาย หรือประมาณ 40% ของกองทัพ ส่วนใหญ่จะลงพื้นที่เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยที่ยังไม่พบ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ราว 7,653 ราย และสูญหายอีก 11,746 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเข้าไปพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิต ว่าเป็นคนญี่ปุ่น หรือคนต่างชาติ รวมถึงคนไทย ซึ่งได้มีการประสานกันระหว่างทางฝ่ายตำรวจของญี่ปุ่น และฝ่ายตำรวจของไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ แต่มีการพบศพขึ้นเรื่อยๆ ยังมีความยากลำบากเพราะกว่าล้านครัวเรือนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนเส้นทางการคมนาคมภายในประเทศดีขึ้น แต่ก็ยังลำบาก เส้นทางของรถไฟขึ้นไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ, สนามบินที่เซนไดยังปิดให้บริการอยู่ รวมถึงการคมนาคมทางรถยนต์ก็ค่อนข้างที่จะลำบากมาก เนื่องจากทางการปิดไม่ให้ใช้บริการทางด่วน ซึ่งหากจะเดินทางไปเมืองเซนไดต้องใช้เวลาราว 20 ชม.
**แจงราคาค่าตั๋วการบินไทย
นายกฯ ยังได้สอบถามกรณีคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศไทย พบว่ามีเสียงบ่นถึงราคาค่าตั๋วก็แพง ขณะเดียวกันพบว่า มีการจองเที่ยวบินกลับ แต่พอถึงเวลาก็ไม่เดินทางมา นายวีระศักดิ์ กล่าวรายงานว่า สาเหตุหลักคือเรื่องครอบครัว ที่เซนได ฟูจียามา หลายคนสละที่จะไม่เดินทางกลับ เนื่องจากสามี หรือภริยาที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ร้องขอให้อยู่ต่อ ตั๋วเครื่องบินหากติดต่อผ่านสถานทูตการบินไทยให้ราคาพิเศษไป-กลับ อยู่ที่ราคา 63,000 เยน หากไปเที่ยวเดียวประมาณ 40,000 เยน นอกจากนั้นหากไม่สามารถซื้อตั๋วเองได้ สถานทูตสามารถใช้ระเบียบสถานสงเคราะห์ช่วยส่งกลับได้
**หวั่นอาหารญี่ปุ่นนำเข้าคลองเตย
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า การติดตามสถานการณ์ในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง มีผู้บริหารจากกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตลอดเวลา ส่วนที่ห่วงเรื่องกัมมันตภาพรังสีว่า จะมาทางอากาศ อาหารหรือคนของเรา ทั้ง 3 ส่วนมีมาตรการรองรับไว้แล้ว ในเรื่องของอากาศมีสถานีตรวจวัดยังไม่พบความผิดปกติใดๆ เรื่องของอาหารได้มีการสั่งให้สุ่มตรวจแล้ว ส่วนเรื่องของคนที่เข้ามากระทรวงสาธารณสุขจะตรวจตามความสมัครใจ เป็นมาตรการที่ยืนยันว่า ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลดำเนินการอย่างดีที่สุดในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย ละในแง่การประสานช่วยเหลือประชาชนชาวญี่ปุ่น
“รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องขณะนี้มีมาตรการรองรับการตรวจสอบสารกัมมันตรังสีทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ส่วนข้อวิตกกังวลสารกัมมันตรังสี มีการวัดและยังไม่พบรวมถึงมีการสุ่มตรวจอาหารจากญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่มาทางท่าเรือคลองเตย”
**สธ.ตรวจเข้มสุขภาพคนไทยจากญี่ปุ่น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการเฝ้าระวังความปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า คนไทยที่กลับจากญี่ปุ่นด้วยเครื่องซี 130กระทรวงสาธารณสุขได้นำเอกสารวิธีปฏิบัติตัว และหมายเลขสายด่วนให้คำปรึกษาของโรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ทั้งนี้จะร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพคนไทย โดยจะมีการปรับตั้งค่าการตรวจวัดปริมาณสารกัมมันตภาพรังสี จาก 20 เท่าของปริมาณในสิ่งแวดล้อมลดลงเหลือ 5 เท่า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่คนไทยที่กลับมาจากญี่ปุ่น
“หากตรวจพบว่าเกินค่าที่ตั้งไว้ จะนำเข้าสู่กระบวนการชำระล้างการเปรอะเปื้อนจากกัมมันตรังสี จากนั้นทีมแพทย์พยาบาลจากกรมควบคุมโรคทำการตรวจร่างกายซ้ำ หากพบอาการน่าสงสัยจะส่งตัวไปโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อรับการตรวจสุขภาพโดยละเอียดต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว
**ย้ำสะสมไอโอดีนเม็ดไม่จำเป็น
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอฝากเตือนประชาชนเรื่องการกินไอโอดีนเม็ด เพื่อป้องกันสารกัมมันตภาพรังสี สำหรับประเทศไทย มีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเฝ้าระวังในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ไม่พบว่ามีปริมาณกัมมันตรังสีที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ดังนั้นการสะสมล่วงหน้าจึงไม่มีความจำเป็น
การประกาศขายไอโอดีนเม็ดทางเว็บไซต์ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะการรับประทานไอโอดีนเม็ดชนิดนี้ ซึ่งมีปริมาณไอโอดีนเข้มข้นกว่าปกติถึง 1,000 เท่า หากรับประทานโดยไม่จำเป็นจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ทำให้เกิดแผล ทั้งนี้ได้ปฏิบัติงานเชิงรุก โดยสุ่มตรวจอาหารที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว ที่ผ่านมายังไม่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีแต่อย่างใด ดังนั้นอาหารในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าปลอดภัย อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ประเทศญี่ปุ่น พบนม และผักขม ปนเปื้อนกัมกันตภาพรังสี จึงได้กำชับให้ตั้งด่านอาหารและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่มการตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์ให้ถี่ขึ้น
**อย.สุ่มอาหารท่าเรือ-แหลมฉบัง
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเน้นที่ท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบังมากขึ้น หลังจากได้ตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากสายการบิน และจะเพิ่มการชักตัวอย่างสินค้าส่งให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตรวจสอบถี่มากขึ้น จากเดิมสินค้า 5 ตัวอย่าง ชักตรวจสอบ 1 ตัวอย่าง เป็น สินค้า 10 ตัวอย่าง ชักตรวจสอบ 3 ตัวอย่าง ส่วนเรื่องผักขมและนมนั้น ส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่ได้มีการนำเข้าจากญี่ปุ่น
** ซี130นำ39คนไทยถึงสุวรรณภูมิ
นาวาอากาศเอกสิทธิพร เกสจินดา ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ และรักษาราชการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทยประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว พร้อมเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นำคนไทยในญี่ปุ่น 39 คน ขึ้นเครื่องบิน ซี130 ออกจากฐานทัพโยโกตะ กรุงโตเกียว เวลา 11.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะแวะเติมน้ำมันที่เมืองทาเนดะ จังหวัดอินากาวา และใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 20.30 น. โดยก่อนที่คนไทยทั้ง 39 คน จะขึ้นเครื่องบิน ซี130 ได้มีการตรวจสารกัมมันตรังสี โดยศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอากาศของกองทัอากาศ ซึ่งค่าของสารที่ตรวจวัดได้อยู่ในระดับต่ำและไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะต้องผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของไทยอีกครั้ง.
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้( 20 มี.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังสถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยกับนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำญี่ปุ่น เพื่อติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น และการให้ความช่วยเหลือคนไทย ผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์
นายอภสิทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่คนไทยเป็นห่วงมากที่สุดจากการเห็นภัยพิบัติครั้งนี้ มีตัวเลขที่น่ากลัวมาก เพราะมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกิน 7,000 คน และยังหาไม่พบเป็นหลักหมื่น เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คนไทยตั้งข้อสงสัยว่า ในจำนวนนั้นมีพี่น้องคนไทยด้วยหรือไม่ การติดตามการรายงานที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียในส่วนนี้ กรณีที่ญาติพี่น้องบุคคลที่ไปญี่ปุ่นที่ยังตามหาไม่เจอเป็นอย่างไร
โดยนายวีระศักดิ์ รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าสถานทูตฯ ได้จัดส่งคนไทยชุดที่ 3 ราว 46 คน ขึ้นซี130 เดินทางกลับประเทศไทยซึ่งรวมกลับประเทศทั้ง 3 เที่ยวแล้ว 118 คน นอกจากนี้ ยังมีคนไทยที่เดินทางกลับเองอีกราว 4,000 คน สำหรับความช่วยเหลือคนไทยอีกราว 1,600 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ก่อนหน้า ทางสถานทูตฯ ได้ติดตามพบตัวแล้วประมาณ 800 คน เหลืออีกราว 749 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากมีครัวเรือนมากกว่า 250,000 ครัวเรือนในประเทศญี่ปุ่น ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ยังไม่สามารถติดต่อมาได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ยังไม่มีรายงานพบคนไทยเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว
ส่วนแผนการอพยพ กรณีสารกัมมันตภาพรังสี รั่วไหลนั้น ทูตไทยฯ กล่าวต่อว่า ได้เตรียมการกรณีที่สารกัมมันตภาพรังสีในอากาศอยู่ในปริมาณที่เกินกว่ากำหนด เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยได้ประสานกับสำนักงานของไทยในประเทศญี่ปุ่น ขอให้ติดต่อนักเรียนไทย , แรงงานไทย และคนไทย เพื่อให้เตรียมการรับมือหากเกิดเหตุฉุกเฉินให้เร่งอพยพ ลงมาที่กรุงโตเกียว ได้เตรียมเช่ารถเพื่อนำส่งต่อไปยังเมืองโอซากา เพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่เมืองคันไซ ในกรณีที่เครื่องบินของการบินไทยไม่สามารถออกจากนาริตะได้
ส่วนกรณีโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ฟุกุชิมา นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีในบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าฯ ได้ลดลง สิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดคือ เมื่อนำไฟฟ้าเข้าไป และเปิดให้ทำงานอีกครั้งจะเกิดการช็อตของระบบ ทำให้เกิดการระเบิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งทางการญี่ปุ่นกำลังเตรียมการอยู่ ส่วนที่เกิดกระแสข่าวว่าพบสารกัมมันตภาพรังสีในอาหารญี่ปุ่น ทางเลขาธิการ ครม.ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศว่า ได้พบสารต่างๆ ในปริมาณที่เกินกว่าปกติ ในรัศมี 30 กม.จากโรงไฟฟ้าฯ ซึ่งพบในผักโขม และนมเท่านั้น แม้จะเกินปริมาณกว่าปกติ แต่ยังไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนในน้ำประปาที่กรุงโตเกียวก็ยังอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้มีคำสั่งให้ทุกจังหวัดติดตามระดับกัมมันตภาพรังสีทั้งในอากาศ และพืชผลต่างๆ หากพบพืชผล และอาหารญี่ปุ่นในไทย ที่มีปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีที่เกินปริมาณที่กำหนด ทางรัฐบาลได้มีการสั่งห้ามไม่ให้มีการขาย
นายกฯ ถามถึงมาตรการในการค้นหาในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไร นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ทางญี่ปุ่นได้ระดมทหารราว 100,000 นาย หรือประมาณ 40% ของกองทัพ ส่วนใหญ่จะลงพื้นที่เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยที่ยังไม่พบ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ราว 7,653 ราย และสูญหายอีก 11,746 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเข้าไปพิสูจน์ศพผู้เสียชีวิต ว่าเป็นคนญี่ปุ่น หรือคนต่างชาติ รวมถึงคนไทย ซึ่งได้มีการประสานกันระหว่างทางฝ่ายตำรวจของญี่ปุ่น และฝ่ายตำรวจของไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ แต่มีการพบศพขึ้นเรื่อยๆ ยังมีความยากลำบากเพราะกว่าล้านครัวเรือนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนเส้นทางการคมนาคมภายในประเทศดีขึ้น แต่ก็ยังลำบาก เส้นทางของรถไฟขึ้นไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ, สนามบินที่เซนไดยังปิดให้บริการอยู่ รวมถึงการคมนาคมทางรถยนต์ก็ค่อนข้างที่จะลำบากมาก เนื่องจากทางการปิดไม่ให้ใช้บริการทางด่วน ซึ่งหากจะเดินทางไปเมืองเซนไดต้องใช้เวลาราว 20 ชม.
**แจงราคาค่าตั๋วการบินไทย
นายกฯ ยังได้สอบถามกรณีคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศไทย พบว่ามีเสียงบ่นถึงราคาค่าตั๋วก็แพง ขณะเดียวกันพบว่า มีการจองเที่ยวบินกลับ แต่พอถึงเวลาก็ไม่เดินทางมา นายวีระศักดิ์ กล่าวรายงานว่า สาเหตุหลักคือเรื่องครอบครัว ที่เซนได ฟูจียามา หลายคนสละที่จะไม่เดินทางกลับ เนื่องจากสามี หรือภริยาที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ร้องขอให้อยู่ต่อ ตั๋วเครื่องบินหากติดต่อผ่านสถานทูตการบินไทยให้ราคาพิเศษไป-กลับ อยู่ที่ราคา 63,000 เยน หากไปเที่ยวเดียวประมาณ 40,000 เยน นอกจากนั้นหากไม่สามารถซื้อตั๋วเองได้ สถานทูตสามารถใช้ระเบียบสถานสงเคราะห์ช่วยส่งกลับได้
**หวั่นอาหารญี่ปุ่นนำเข้าคลองเตย
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า การติดตามสถานการณ์ในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง มีผู้บริหารจากกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตลอดเวลา ส่วนที่ห่วงเรื่องกัมมันตภาพรังสีว่า จะมาทางอากาศ อาหารหรือคนของเรา ทั้ง 3 ส่วนมีมาตรการรองรับไว้แล้ว ในเรื่องของอากาศมีสถานีตรวจวัดยังไม่พบความผิดปกติใดๆ เรื่องของอาหารได้มีการสั่งให้สุ่มตรวจแล้ว ส่วนเรื่องของคนที่เข้ามากระทรวงสาธารณสุขจะตรวจตามความสมัครใจ เป็นมาตรการที่ยืนยันว่า ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลดำเนินการอย่างดีที่สุดในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย ละในแง่การประสานช่วยเหลือประชาชนชาวญี่ปุ่น
“รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องขณะนี้มีมาตรการรองรับการตรวจสอบสารกัมมันตรังสีทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ส่วนข้อวิตกกังวลสารกัมมันตรังสี มีการวัดและยังไม่พบรวมถึงมีการสุ่มตรวจอาหารจากญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่มาทางท่าเรือคลองเตย”
**สธ.ตรวจเข้มสุขภาพคนไทยจากญี่ปุ่น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการเฝ้าระวังความปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า คนไทยที่กลับจากญี่ปุ่นด้วยเครื่องซี 130กระทรวงสาธารณสุขได้นำเอกสารวิธีปฏิบัติตัว และหมายเลขสายด่วนให้คำปรึกษาของโรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ทั้งนี้จะร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพคนไทย โดยจะมีการปรับตั้งค่าการตรวจวัดปริมาณสารกัมมันตภาพรังสี จาก 20 เท่าของปริมาณในสิ่งแวดล้อมลดลงเหลือ 5 เท่า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่คนไทยที่กลับมาจากญี่ปุ่น
“หากตรวจพบว่าเกินค่าที่ตั้งไว้ จะนำเข้าสู่กระบวนการชำระล้างการเปรอะเปื้อนจากกัมมันตรังสี จากนั้นทีมแพทย์พยาบาลจากกรมควบคุมโรคทำการตรวจร่างกายซ้ำ หากพบอาการน่าสงสัยจะส่งตัวไปโรงพยาบาลราชวิถีเพื่อรับการตรวจสุขภาพโดยละเอียดต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว
**ย้ำสะสมไอโอดีนเม็ดไม่จำเป็น
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขอฝากเตือนประชาชนเรื่องการกินไอโอดีนเม็ด เพื่อป้องกันสารกัมมันตภาพรังสี สำหรับประเทศไทย มีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเฝ้าระวังในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ไม่พบว่ามีปริมาณกัมมันตรังสีที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ดังนั้นการสะสมล่วงหน้าจึงไม่มีความจำเป็น
การประกาศขายไอโอดีนเม็ดทางเว็บไซต์ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะการรับประทานไอโอดีนเม็ดชนิดนี้ ซึ่งมีปริมาณไอโอดีนเข้มข้นกว่าปกติถึง 1,000 เท่า หากรับประทานโดยไม่จำเป็นจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ทำให้เกิดแผล ทั้งนี้ได้ปฏิบัติงานเชิงรุก โดยสุ่มตรวจอาหารที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว ที่ผ่านมายังไม่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีแต่อย่างใด ดังนั้นอาหารในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าปลอดภัย อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ประเทศญี่ปุ่น พบนม และผักขม ปนเปื้อนกัมกันตภาพรังสี จึงได้กำชับให้ตั้งด่านอาหารและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่มการตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์ให้ถี่ขึ้น
**อย.สุ่มอาหารท่าเรือ-แหลมฉบัง
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเน้นที่ท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบังมากขึ้น หลังจากได้ตรวจสอบการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่มาจากสายการบิน และจะเพิ่มการชักตัวอย่างสินค้าส่งให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตรวจสอบถี่มากขึ้น จากเดิมสินค้า 5 ตัวอย่าง ชักตรวจสอบ 1 ตัวอย่าง เป็น สินค้า 10 ตัวอย่าง ชักตรวจสอบ 3 ตัวอย่าง ส่วนเรื่องผักขมและนมนั้น ส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่ได้มีการนำเข้าจากญี่ปุ่น
** ซี130นำ39คนไทยถึงสุวรรณภูมิ
นาวาอากาศเอกสิทธิพร เกสจินดา ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ และรักษาราชการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทยประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว พร้อมเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นำคนไทยในญี่ปุ่น 39 คน ขึ้นเครื่องบิน ซี130 ออกจากฐานทัพโยโกตะ กรุงโตเกียว เวลา 11.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะแวะเติมน้ำมันที่เมืองทาเนดะ จังหวัดอินากาวา และใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 20.30 น. โดยก่อนที่คนไทยทั้ง 39 คน จะขึ้นเครื่องบิน ซี130 ได้มีการตรวจสารกัมมันตรังสี โดยศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอากาศของกองทัอากาศ ซึ่งค่าของสารที่ตรวจวัดได้อยู่ในระดับต่ำและไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะต้องผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองของไทยอีกครั้ง.