ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ชุมนุมใหญ่เสื้อแดงเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2554 ซึ่งแกนนำนปช. จัดขึ้นเพื่อรำลึกวันเริ่มต้นชุมนุมการเมืองวันแรกที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า และถนนราชดำเนิน เมื่อปี 2553 ก่อนจะจบลงด้วยเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อ 19 พ.ค. 2553
“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ” ขอชี้ว่า สถานการณ์ชุมนุมรอบนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง ให้มองข้ามช็อตไปเลย แม้ 7 แกนนำเผาเมืองเสื้อแดงทั้งหมด จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยโดยพร้อมเพียงกัน
แต่แกนนำทั้ง 7 คน อันประกอบไปด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง, นิสิต สินธุไพร, ขวัญชัย ไพรพนา, ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จะไม่ปลุกระดมหรือปลุกเร้าอะไรรุนแรง เหตุเพราะนอกจากต้องปฏิบัติตัวให้อยู่ในร่องในรอย ไม่ปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายทางการเมืองตามที่ศาลได้สั่งไว้ในคำอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว
ต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของแกนนำนปช. ตอนนี้ก็คือ ต้องการจะสวมเสื้อนักการเมืองได้เป็น ส.ส.เพื่อให้การติดคุกที่ผ่านมาได้รางวัลตอบแทน คือ การเป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ เดินเข้าอาคารรัฐสภา อันจะได้เอกสิทธิ์คุ้มครองมากมาย เช่นเดียวกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ยกเว้นก็แค่ นิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ที่โดนคดียุบพรรคพลังประชาชน เลยต้องเว้นวรรคการเมืองห้าปี
ผนวกกับฝ่ายนายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร และสาขาใหญ่ของเสื้อแดงคือ พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ต้องการให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อ้างเรื่องเหตุความไม่สงบทางการเมืองมาเป็นข้ออ้างในการยื้อไม่ยอมยุบสภา
“ทีมข่าวการเมือง” จึงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า ชุมนุมใหญ่ 12 มีนาคมนี้ ไฮไลต์สำคัญจึงเป็นแค่การขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พร้อมกันของ 7 แกนนำนปช. ศิษย์เก่าคนคุกที่จะใช้โอกาสนี้บอกเล่าเรื่องราว และสิ่งที่อยากจะพูดอย่างเป็นทางการกับคนเสื้อแดง โดยจะเป็นการฝากเนื้อฝากตัว ขอคะแนนเสียงกับคนเสื้อแดงได้แจ้งเกิดเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย
และอวดอ้างการต่อสู้ของตัวเองว่า เสียสละได้แม้แต่ยอมติดคุกนานร่วม 9 เดือนด้วยการยกตนเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยแบบเทียมๆ โดยจะไม่มีการพูดถึงความเสียหายที่พวกตัวเองได้ก่อเอาไว้กับการนัดชุมนุมใหญ่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการไม่ยอมจบด้วยวิธีการเจรจาสุดท้ายก็ต้องจบด้วยความรุนแรงและการเสียชีวิตของประชาชน ที่ทั้ง 7 คนไปชักชวนให้ออกมาชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์และสะพานผ่านฟ้า
เสร็จจากการพูดปราศรัยสลับกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ 15.00 น. จนถึงตีหนึ่ง ตามโปรแกรมที่คนเสื้อแดงวางไว้ แต่ไฮไลต์สำคัญยังมีอีกหนึ่งช็อต นั่นก็คือ การปิดท้ายด้วยวีดีโอลิงค์จากต่างประเทศ ของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวให้สังคมเห็นตัวเป็นๆ มานานหลายเดือนแล้ว
ที่ผ่านมาก็มีแต่โฟนอินไปยังห้องประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับเวทีเสื้อแดงบ้าง 3-4 ครั้ง ในช่วงปีนี้ แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเห็นตัวเป็นๆ ภาพเคลื่อนไหวได้ของทักษิณ มาหลายเดือนแล้ว รอบนี้หากไม่มีการเลื่อนในตอนสุดท้าย หรืออ้างเหตุขัดข้อง การวีดีโอลิงค์ของทักษิณ จึงน่าติดตามไม่ใช่น้อย
จะได้รู้กันว่า ที่มีข่าวลือว่าป่วยหนัก พักรักษาตัว สภาพร่างกาย และหน้าตาของทักษิณ จะเป็นอย่างไร โดยคาดได้ว่า ทักษิณ จะใช้การวีดีโอลิงค์รอบนี้ ปลุกเร้าคนเสื้อแดงให้ยืนหยัดต่อไป อย่าได้สลายกำลัง โดยอ้างเรื่องเดิมๆว่า ตอนนี้ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย มีสองมาตรฐาน อยากกลับบ้านแล้ว คิดถึงพี่น้องคนเสื้อแดง ขอให้ช่วยผมให้ได้กลับบ้านเร็วๆ ขอกำลังใจจากคนเสื้อแดงให้รวมพลังกันเรียกร้องประชาธิปไตยกันต่อไป อย่าได้ยอมแพ้ ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส ข้าวของราคาแพง รัฐบาลกินมูมมาม ทุจริตกันทุกกระทรวง ขอให้รอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย
หากผิดจากนี้ แสดงว่าเป็นทักษิณตัวปลอม!
จึงทำให้คาดได้ว่า การชุมนุม 12 มีนาคม คงผ่านไปด้วยดี ไม่น่ามีเหตุแทรกซ้อนใดๆ เพราะคนเสื้อแดง-พรรคเพื่อไทย ยามนี้จับเข็มทิศมุ่งไปที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้น 4 วัน 4 คืน คือระหว่าง 15-18 มีนาคม และลงมติวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม อย่างเดียวแล้ว
เหตุเพราะนี่คือโอกาสทองที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับการถล่ม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ฝ่ายค้านจะได้เวลาการชำแหละความบกพร่องในการบริหารประเทศ การทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ของอภิสิทธิ์ และ 9 รัฐมนตรี โดยมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และวิทยุตลอด 4 วันเต็ม ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า จะต้องมีประชาชนทั่วประเทศเฝ้าติดตามชม-ฟังนับล้านคน เพื่อไทยและคนเสื้อแดงจึงไม่พลาดโอกาส ที่จะทำให้เกิดเหตุใดๆ ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจกร่อยไปแน่นอน
เพราะการชุมนุมเสื้อแดง ก็เป็นแค่การพูดกับคนเสื้อแดง ที่เป็นพวกเดียวกันเองเท่านั้น ซึ่งถึงอย่างไรพวกนี้ก็ไม่เอารัฐบาลชุดนี้ และจะเลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว การพูดบนเวทีเสื้อแดง มีคนได้ยินได้ฟังอย่างมาก ก็แค่เรือนหมื่นเรือนแสน เทียบไม่ได้เลยกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีคนติดตามนับล้าน ตลอด 66 ชั่วโมง ของการอภิปราย 4 วัน 4 คืน ที่ผลทางการเมืองสูงกว่ากันมาก แถมยังเป็นโอกาสอันดี ที่พรรคเพื่อไทยจะมอบเวทีให้แกนนำเผาเมืองอย่างจตุพร พรหมพันธ์ ได้ใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาฟอกความผิดข้อหาเผาบ้านเผาเมือง -ก่อการร้าย-ทำให้คนบริสุทธิ์บาดเจ็บเสียชีวิต-ฆ่าเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหาร แต่ของแบบนี้ จตุพร และส.ส.เพื่อไทย ก็ต้องคิดให้หนักหากจะอภิปรายแบบตีกิน ฟอกผิดเผาเมืองแบบมั่วๆ โยนความผิดให้ทหาร โดยทำพยานหลักฐานเท็จ
เช่นคลิปตัดต่อว่าทหารแฝงตัวเป็นคนชุดดำ-คนเสื้อแดง เข้าไปเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ขืนทำแบบนี้ มีหวังเพื่อไทย ยิ่งจมดิ่งธรณีการเมือง พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องระวัง หากคิดจะให้จตุพร โกหกหน้าตายกลางสภาฯ เหมือนกับที่เคยทำมาหลายรอบ หรือว่าชั่วโมงนี้ ไม่คิดอะไรแล้ว เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็เลยไม่หวั่น หากต้องกอดคอกันตายกันไปพร้อมๆ กับจตุพร
ด้วยเพราะวางน้ำหนักทั้งหมดไปที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และพรรคเพื่อไทย ก็เริ่มเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการยุบสภา และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ผสมกับแกนนำนปช.แต่ละคนก็มีชนักติดหลังกันทั้งสิ้น ขยับอะไรก็ลำบาก เพราะหวั่นถูกถอนประกันตัว จะได้กลับไปนอกคุกต่ออันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์แน่นอน
ทำให้เชื่อได้ว่า การเมืองนอกรัฐสภานับจากนี้ จะไม่ร้อนแรงมากนัก เพราะแกนนำเสื้อแดงและแกนนำพรรคเพื่อไทย วางแนวทางการเมืองไปตามลำดับเวลา สัปดาห์นี้ ก็มุ่งความสนใจไปที่ศึกซักฟอกเป็นหลัก
ซึ่งเดิมจริงๆ แล้ว รู้กันมาแบบวงในว่า แกนนำเสื้อแดงอย่าง จตุพร พรหมพันธ์-ธิดา ถาวรเศรษฐ วางแผนกันไว้เรียบร้อยแล้ว คือ ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหน และจะมีการบรรจุญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ออกมาเป็นช่วงใด แต่หากการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำต่อศาลอาญาเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2554 แล้วศาลอาญาไม่อนุญาต คนเสื้อแดงจะมีการปักหลักชุมนุมค้างคืนอย่างน้อย 2 วัน คือวันที่ 12 และ 13 มีนาคม ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและถนนราชดำเนิน เพื่อประท้วงว่ากระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
แต่เมื่อศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 7 คน จึงทำให้แผนเดิมที่วางไว้ว่า จะปักหลักชุมนุมค้างคืนต้องเปลี่ยนไป ประกอบกับพรรคเพื่อไทย ก็มีการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้มีผลในช่วงกลางเดือนมีนาคม ไม่ใช่ช่วงต้นเดือนเมษายน ก่อนสงกรานต์ แผนการปักหลักค้างคืนครั้งแรก หลัง 19 พ.ค. 53 จึงต้องเปลี่ยนไปเป็นแค่การจัดงานชุมนุมปกติ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คนเสื้อแดง ก็ยังมีโปรแกรมนัดรวมตัวกันอีกหลายรอบ บนการเคลื่อนไหวที่เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ 12 มีนาคมนี้ คือเน้นทำเป็นอีเวนต์การเมืองคนเสื้อแดง เพื่อเลี้ยงมวลชนและฐานเสียของตัวเองเอาไว้ เพื่อเป็นประโยชน์ในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และไว้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองนอกรัฐสภา ของทักษิณ ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย โดย 19 มี.ค. นี้ก็จะมีการนัดชุมนุมกันอีกครั้ง ทั้งที่สี่แยกราชประสงค์ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นวันที่ 26 มี.ค. ก็จะมีการจัดคอนเสิร์ตโบนันซ่า เขาใหญ่ เพื่อระดมทุนเสื้อแดง ภายใต้ชื่องาน ‘รุ่งอรุณ แห่งความยุติธรรม ฟรีคอนเสิร์ต’ และโปรแกรมใหญ่ที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คือ การชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. อันเป็นการครบรอบหนึ่งปี การกระชับพื้นที่บริเวณสี่แยกคอกวัวและถนนดินสอ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นงานใหญ่ที่สุดของคนเสื้อแดง
และหากหลังจากนั้นยังไม่มีการยุบสภา วันชุมนุมใหญ่สุดก็คือ 19 พ.ค. 54 ซึ่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ -สุเทพ เทือกสุบรรณ-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องจับตา และเตรียมรับมือการชุมนุม 19 พ.ค.มากที่สุด
เพราะหากถึงตอนนั้น การยุบสภายังไม่เกิดขึ้น เชื่อว่าแกนนำเสื้อแดง และทักษิณ ชินวัตร คงใช้วันที่ 19 พ.ค. 54 เป็นการกดดันครั้งสำคัญที่สุดของคนเสื้อแดง เพื่อให้อภิสิทธิ์ ยุบสภาและทวงคำตอบ เรื่อง 91 ศพแน่นอน
แต่อภิสิทธิ์จะอยู่ถึง 19 พ.ค.นี้หรือไม่ หลายคนชั่วโมงนี้เทน้ำหนักว่า อยู่ไม่ถึง