ASTVผู้จัดการรายวัน-แกนนำเสื้อแดงรุกต่อ!ขึ้นศาล ขอยกฟ้องคดีก่อการร้าย ได้คืบบุกกรมคุ้มครองสิทธิ เร่งรัดประกันตัวแนวร่วมในคุก อ้างประชาชนกว่า 60 ล้านคน เอาใจช่วยให้ได้ประกันตัว "มาร์ค"ฉุนถูกเสื้อแดงโห่ไล่ จี้กกต.ตรวจสอบว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถามไม่อยากให้มีการเลือกตั้งหรือ "เทือก" ชี้เปรี้ยงพรรคเพื่อไทยรู้เห็น ขู่ตามรังควานนายกฯ ยิ่งทำให้มีเลือกตั้งช้า
วานนี้(28 ก.พ.)ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ หรือ วีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช., นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแนวร่วมนปช.รวม 19 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้น กระทำการเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
โดยเมื่อเริ่มการพิจารณา อัยการโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลรวมสำนวนคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นฟ้องนายอร่าม แสงอรุณ, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ บางชม และ นายมานพ ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช.เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งมีพยานหลักฐานและพฤติการณ์เกี่ยวเนื่องกันเข้ากับสำนวนคดีนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามูลเหตุแห่งคดีและพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกันจึงอนุญาตให้รวมสำนวนได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ดี นายจตุพร และ นายการุณ จำเลยที่ 2 และ 9 ในคดีได้มอบหมายให้ทนายความแถลงต่อศาลขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยเป็น ส.ส. ศาลพิเคราะห์จึงนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป เป็นวันที่ 11 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
**ขอศาลยกฟ้องคดีก่อการร้าย
ด้าน นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจข้อกฎหมาย 2 ประเด็น เพื่อให้ศาลยกฟ้องคดีโดยไม่ต้องสืบพยานสองประเด็น โดยประเด็นแรกการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะโจทก์ฟ้อง 7 แกนนำก่อน แล้วมาฟ้องจำเลยอื่นก่อนมาขอรวมสำนวน ทั้งที่ข้อเท็จจริงเดียวกันแสดงให้เห็นถึงความรีบเร่งฟ้องคดีไปก่อน ดังนั้นถือว่าการสอบสวนไม่ชอบ ประเด็นที่สองคดีนี้อยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ 91 ศพ เมื่อฟ้องมาแล้วถือว่าไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเช่นกัน
**จี้กรมคุ้มครองสิทธิเร่งประกันเสื้อแดง
ต่อมาที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นายณัฐวุฒิ ,นพ.เหวง ,นายก่อแก้ว ,นายนิสิต ,นายขวัญชัย , นายวิภูแถลง และ นายยศวริศ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนางนงภรณ์ รุ่งเพชร ผู้อำนวยการกองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ในเรื่องการยื่นประตัวกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำทั่วประเทศ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำ โดยจะปรึกษาหารือใน 2-3 ประเด็น คือ กรณีที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ช่วยเหลือนำเงินไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้กลุ่มคนเสื้อแดง จำนวน 40-50 รายนั้น งบประมาณส่วนนี้ได้มีการจัดสรรอย่างไร และสอบถามรายชื่อผู้ต้องขังที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพช่วยค้ำประกันนั้นมีรายใดบ้าง และที่สำคัญจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ จากนั้นทางแกนนำ นปช.จะได้จัดทำรายชื่อแนวร่วมที่ไม่อยู่ในแผนงานของกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อจะได้ดำเนินการยื่นการประกันตัวต่อไป
นอกจากนี้ อยากให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยเหลือผู้ต้องขังเสื้อแดงมากกว่านี้ โดยยืนยันว่าทางแกนนำ นปช.ไม่ได้เรียกร้องให้มียกเลิกคดี แต่ผู้ต้องขังเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำมานาน 9 เดือน ควรจะได้รับประกันตัวเพื่อออกมารวบรวมหลักฐาน ในการต่อสู้คดี
**เงินรัฐ23 ล้านประกัน37 นปช.
ด้านนางนงภรณ์ รุ่งเพชร ผอ.กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีผู้ต้องขัง นปช.จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี.เม.ย.-พ.ค. ทั้งสิ้น จำนวน 180 ราย ต้องการจะยื่นขอประกันตัวจำนวน 124 ราย ไม่มีเงินประกันตัว 48 รายและ มีเงินประกันตัวอยู่แล้ว 76 ราย ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯพยายามช่วยเหลือให้ได้ประกันตัว โดยล่าสุดได้นำเงินจากกองทุนยุติธรรม จำนวน 23 ล้านบาทเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังเสื้อแดงอีก 37 ราย ส่วนการประสานงานนั้นทนายความของ นปช.สามารถติดต่อกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่คนเสื้อแดงถูกคุมขังได้ทันที
**"ธาริต"ขู่ขึ้นเวทีถอนประกัน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากกรณีศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวก ซึ่งศาลได้กำหนดเงื่อนไขว่า ห้ามมิให้กระทำการเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้น แต่ได้รับอนุญาตจากศาล อย่างไรก็ตามทราบว่าจำเลยทั้ง 8 คน ได้ให้ข่าวว่าจะเป็นแกนนำเข้าร่วมปราศรัยและชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช. ในวันที่ 12 มี.ค. นี้
" หากพบว่ามีการกระทำใด ๆ ในการเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. โดยมีพฤติการณ์อันเป็นการผิดเงื่อนไขของศาลหรือ เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป "
**"ณัฐวุฒิ"ยังซ่าไม่สนดีเอสไอ
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีดีเอสไอจะคัดค้านการประกันตัวหากมีการปลุกระดมและร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องราวตามบทภาพยนตร์ที่เคยฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยเที่ยวนี้ถึงเวลามาฉายกับตนบ้าง เพราะการชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น พวกตนยังไม่ได้ทำอะไรที่ขัดกับเงื่อนไขของศาล
เมื่อถามว่าจะไปร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดง ในวันที่ 12 มี.ค.หรือไม่ นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงแน่นอน
**"มาร์ค" ฉุนถูกเสื้อแดงโห่ไล่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่เพื่อหาเสียงก็พบแต่การต่อต้านและเสียงโห่ไล่ว่า เป็นเรื่องที่กำลังจะให้มีการตรวจสอบ เมื่อถามว่าหมายความนายกฯเชื่อว่ามีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง นายกฯ กล่าวว่าก็ต้องตรวจสอบ เพราะว่ากรณีแบบนี้คิดว่า กกต. ก็ต้องเข้ามาดูด้วย ถ้าหากเป็นการดำเนินการของพรรคการเมือง และถูกขัดขวางจากพรรคการเมืองอื่น มันก็ผิด
เมื่อถามว่าเหตุการณ์แบบนี้ คิดว่าเหมาะกับการเลือกตั้งแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรง แต่ไม่ควรจะมี เป็นปัญหาเหมือนกับว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้งหรือเปล่า
**รังควานนายกฯจะทำให้เลือกตั้งช้า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดกิจกรรมเตรียมการเลือกตั้ง แต่ยังมีคนเสื้อแดงตามขับไล่ต่อต้านนายกฯ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา มีคนเสื้อแดงไปรังควานท่านนายกฯ ท่านไปที่สวนจตุจักร ก็ไปหาเรื่อง ไปที่งานศพที่ จ.ปทุมธานี ก็ไปหาเรื่อง เป็นการแสดงการคุกคาม ซึ่งมันไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย
" ทางที่ดีที่สุดพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง ควรจะไปปรึกษาหารือกันดำเนินการต่อสู้ในวิถีทางแบบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้กำลังนอกสภาพร้อมๆ กับที่ส่งบางส่วนเข้ามาต่อสู้ในสภา อย่างนี้ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ผมอยากให้สังคมได้พิจารณาพฤติกรรม ของคนเสื้อแดง อยากให้สังคมได้ตำหนิติเตียนพฤติกรรมของคนเสื้อแดง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หรือหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งหมดที่ทำกันมา เกี่ยวข้องกันมาโดยตลอด " นายสุเทพ กล่าว และว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ออกมาต่อสู้นอกสภา เราต่อสู้ตามวิธีทางประชาธิปไตยตามระบบ ไม่มีการเอากำลังมาคุกคามใคร ไม่เคยเอามวลชนปลุกระดมจัดตั้ง มาทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง
เมื่อถามว่าการที่ระบุว่า คนเสื้อแดงมีพฤติกรรมตามรังควาน ขับไล่นายกฯจะกระทบทำให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องพิจารณา ถ้าพฤติกรรมของคนเสื้อแดงยังเป็นอย่างนี้อยู่ เดี๋ยวก็ไปมีเรื่องกันในสานามเลือกตั้ง
**ผบ.ทบ.ระบุใช้ปืนอาก้าเฉพาะหน่วยตจว.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการของดีเอสไอ. กรณีนักข่าวญี่ปุ่นที่ถูกกระสุนปืนอาก้า เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ว่า หากดีเอสไอ.ระบุอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น ตนจะทราบได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของดีเอสไอ. ซึ่งหน่วยทหารที่ใช้อาวุธปืนอาก้า มีใช้เฉพาะที่ชายแดน ในพื้นที่กทม.ไม่มีใช้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าหากผลสรุปว่าเป็นอาวุธปืนอาก้า สบายใจหรือไม่ เพราะทหารจะได้ไม่ถูกกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วเรื่องนี้มันจบหรือยัง ยุติแล้วหรือยัง เมื่อเรื่องยังไม่จบ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ตอนนี้ไม่มีใครผิด ใครถูก
อย่างไรก็ตาม หน่วยทหารไม่จำเป็นต้องออกมาชี้แจง หากจะให้ชี้แจงก็เชิญมา เราพร้อมจะชี้แจงตามกฎหมาย ดังนั้นขณะนี้ต้องให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
** ยันทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ไม่ได้ใช้อาก้า
ด้านพล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ( พล.ร.2 รอ.) ในฐานะผู้คุมกำลังเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ บริเวณสี่แยกคอกวัว กล่าวว่า ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 หน่วยทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ บริเวณสี่แยกคอกวัว ยืนยันว่า ไม่มีการใช้อาวุธปืนอาก้า ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ทหารจาก พล.ร.2 รอ. ไม่มีอาวุธปืนอาก้า มีใช้แค่อาวุธปืน เอ็ม 16 เอ 2 เท่านั้น ที่เป็นอาวุธประจำกาย ส่วนกองพลทหารราบที่ 9 ( พล.ร.9) ก็ใช้เฉพาะปืนทราโว เท่านั้น.
วานนี้(28 ก.พ.)ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ หรือ วีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช., นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแนวร่วมนปช.รวม 19 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้น กระทำการเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
โดยเมื่อเริ่มการพิจารณา อัยการโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลรวมสำนวนคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นฟ้องนายอร่าม แสงอรุณ, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ บางชม และ นายมานพ ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช.เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งมีพยานหลักฐานและพฤติการณ์เกี่ยวเนื่องกันเข้ากับสำนวนคดีนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามูลเหตุแห่งคดีและพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกันจึงอนุญาตให้รวมสำนวนได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ดี นายจตุพร และ นายการุณ จำเลยที่ 2 และ 9 ในคดีได้มอบหมายให้ทนายความแถลงต่อศาลขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยเป็น ส.ส. ศาลพิเคราะห์จึงนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป เป็นวันที่ 11 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
**ขอศาลยกฟ้องคดีก่อการร้าย
ด้าน นายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจข้อกฎหมาย 2 ประเด็น เพื่อให้ศาลยกฟ้องคดีโดยไม่ต้องสืบพยานสองประเด็น โดยประเด็นแรกการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะโจทก์ฟ้อง 7 แกนนำก่อน แล้วมาฟ้องจำเลยอื่นก่อนมาขอรวมสำนวน ทั้งที่ข้อเท็จจริงเดียวกันแสดงให้เห็นถึงความรีบเร่งฟ้องคดีไปก่อน ดังนั้นถือว่าการสอบสวนไม่ชอบ ประเด็นที่สองคดีนี้อยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ 91 ศพ เมื่อฟ้องมาแล้วถือว่าไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเช่นกัน
**จี้กรมคุ้มครองสิทธิเร่งประกันเสื้อแดง
ต่อมาที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นายณัฐวุฒิ ,นพ.เหวง ,นายก่อแก้ว ,นายนิสิต ,นายขวัญชัย , นายวิภูแถลง และ นายยศวริศ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ นายสมชาติ เอี่ยมอนุพงษ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนางนงภรณ์ รุ่งเพชร ผู้อำนวยการกองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ในเรื่องการยื่นประตัวกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำทั่วประเทศ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า มาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำ โดยจะปรึกษาหารือใน 2-3 ประเด็น คือ กรณีที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ช่วยเหลือนำเงินไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันให้กลุ่มคนเสื้อแดง จำนวน 40-50 รายนั้น งบประมาณส่วนนี้ได้มีการจัดสรรอย่างไร และสอบถามรายชื่อผู้ต้องขังที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพช่วยค้ำประกันนั้นมีรายใดบ้าง และที่สำคัญจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ จากนั้นทางแกนนำ นปช.จะได้จัดทำรายชื่อแนวร่วมที่ไม่อยู่ในแผนงานของกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อจะได้ดำเนินการยื่นการประกันตัวต่อไป
นอกจากนี้ อยากให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยเหลือผู้ต้องขังเสื้อแดงมากกว่านี้ โดยยืนยันว่าทางแกนนำ นปช.ไม่ได้เรียกร้องให้มียกเลิกคดี แต่ผู้ต้องขังเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำมานาน 9 เดือน ควรจะได้รับประกันตัวเพื่อออกมารวบรวมหลักฐาน ในการต่อสู้คดี
**เงินรัฐ23 ล้านประกัน37 นปช.
ด้านนางนงภรณ์ รุ่งเพชร ผอ.กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีผู้ต้องขัง นปช.จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี.เม.ย.-พ.ค. ทั้งสิ้น จำนวน 180 ราย ต้องการจะยื่นขอประกันตัวจำนวน 124 ราย ไม่มีเงินประกันตัว 48 รายและ มีเงินประกันตัวอยู่แล้ว 76 ราย ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯพยายามช่วยเหลือให้ได้ประกันตัว โดยล่าสุดได้นำเงินจากกองทุนยุติธรรม จำนวน 23 ล้านบาทเพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังเสื้อแดงอีก 37 ราย ส่วนการประสานงานนั้นทนายความของ นปช.สามารถติดต่อกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดที่คนเสื้อแดงถูกคุมขังได้ทันที
**"ธาริต"ขู่ขึ้นเวทีถอนประกัน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากกรณีศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวก ซึ่งศาลได้กำหนดเงื่อนไขว่า ห้ามมิให้กระทำการเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้น แต่ได้รับอนุญาตจากศาล อย่างไรก็ตามทราบว่าจำเลยทั้ง 8 คน ได้ให้ข่าวว่าจะเป็นแกนนำเข้าร่วมปราศรัยและชุมนุมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม นปช. ในวันที่ 12 มี.ค. นี้
" หากพบว่ามีการกระทำใด ๆ ในการเข้าร่วมชุมนุมกับ นปช. โดยมีพฤติการณ์อันเป็นการผิดเงื่อนไขของศาลหรือ เกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป "
**"ณัฐวุฒิ"ยังซ่าไม่สนดีเอสไอ
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีดีเอสไอจะคัดค้านการประกันตัวหากมีการปลุกระดมและร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องราวตามบทภาพยนตร์ที่เคยฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ โดยเที่ยวนี้ถึงเวลามาฉายกับตนบ้าง เพราะการชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น พวกตนยังไม่ได้ทำอะไรที่ขัดกับเงื่อนไขของศาล
เมื่อถามว่าจะไปร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มเสื้อแดง ในวันที่ 12 มี.ค.หรือไม่ นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนจะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงแน่นอน
**"มาร์ค" ฉุนถูกเสื้อแดงโห่ไล่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่เพื่อหาเสียงก็พบแต่การต่อต้านและเสียงโห่ไล่ว่า เป็นเรื่องที่กำลังจะให้มีการตรวจสอบ เมื่อถามว่าหมายความนายกฯเชื่อว่ามีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง นายกฯ กล่าวว่าก็ต้องตรวจสอบ เพราะว่ากรณีแบบนี้คิดว่า กกต. ก็ต้องเข้ามาดูด้วย ถ้าหากเป็นการดำเนินการของพรรคการเมือง และถูกขัดขวางจากพรรคการเมืองอื่น มันก็ผิด
เมื่อถามว่าเหตุการณ์แบบนี้ คิดว่าเหมาะกับการเลือกตั้งแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรรุนแรง แต่ไม่ควรจะมี เป็นปัญหาเหมือนกับว่าไม่อยากให้มีการเลือกตั้งหรือเปล่า
**รังควานนายกฯจะทำให้เลือกตั้งช้า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดกิจกรรมเตรียมการเลือกตั้ง แต่ยังมีคนเสื้อแดงตามขับไล่ต่อต้านนายกฯ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา มีคนเสื้อแดงไปรังควานท่านนายกฯ ท่านไปที่สวนจตุจักร ก็ไปหาเรื่อง ไปที่งานศพที่ จ.ปทุมธานี ก็ไปหาเรื่อง เป็นการแสดงการคุกคาม ซึ่งมันไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย
" ทางที่ดีที่สุดพรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดง ควรจะไปปรึกษาหารือกันดำเนินการต่อสู้ในวิถีทางแบบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้กำลังนอกสภาพร้อมๆ กับที่ส่งบางส่วนเข้ามาต่อสู้ในสภา อย่างนี้ไม่ใช่วิถีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ผมอยากให้สังคมได้พิจารณาพฤติกรรม ของคนเสื้อแดง อยากให้สังคมได้ตำหนิติเตียนพฤติกรรมของคนเสื้อแดง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ หรือหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งหมดที่ทำกันมา เกี่ยวข้องกันมาโดยตลอด " นายสุเทพ กล่าว และว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ออกมาต่อสู้นอกสภา เราต่อสู้ตามวิธีทางประชาธิปไตยตามระบบ ไม่มีการเอากำลังมาคุกคามใคร ไม่เคยเอามวลชนปลุกระดมจัดตั้ง มาทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง
เมื่อถามว่าการที่ระบุว่า คนเสื้อแดงมีพฤติกรรมตามรังควาน ขับไล่นายกฯจะกระทบทำให้การเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องพิจารณา ถ้าพฤติกรรมของคนเสื้อแดงยังเป็นอย่างนี้อยู่ เดี๋ยวก็ไปมีเรื่องกันในสานามเลือกตั้ง
**ผบ.ทบ.ระบุใช้ปืนอาก้าเฉพาะหน่วยตจว.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการของดีเอสไอ. กรณีนักข่าวญี่ปุ่นที่ถูกกระสุนปืนอาก้า เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ว่า หากดีเอสไอ.ระบุอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น ตนจะทราบได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องของดีเอสไอ. ซึ่งหน่วยทหารที่ใช้อาวุธปืนอาก้า มีใช้เฉพาะที่ชายแดน ในพื้นที่กทม.ไม่มีใช้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าหากผลสรุปว่าเป็นอาวุธปืนอาก้า สบายใจหรือไม่ เพราะทหารจะได้ไม่ถูกกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า แล้วเรื่องนี้มันจบหรือยัง ยุติแล้วหรือยัง เมื่อเรื่องยังไม่จบ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ตอนนี้ไม่มีใครผิด ใครถูก
อย่างไรก็ตาม หน่วยทหารไม่จำเป็นต้องออกมาชี้แจง หากจะให้ชี้แจงก็เชิญมา เราพร้อมจะชี้แจงตามกฎหมาย ดังนั้นขณะนี้ต้องให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
** ยันทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ไม่ได้ใช้อาก้า
ด้านพล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ( พล.ร.2 รอ.) ในฐานะผู้คุมกำลังเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ บริเวณสี่แยกคอกวัว กล่าวว่า ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 หน่วยทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ บริเวณสี่แยกคอกวัว ยืนยันว่า ไม่มีการใช้อาวุธปืนอาก้า ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ทหารจาก พล.ร.2 รอ. ไม่มีอาวุธปืนอาก้า มีใช้แค่อาวุธปืน เอ็ม 16 เอ 2 เท่านั้น ที่เป็นอาวุธประจำกาย ส่วนกองพลทหารราบที่ 9 ( พล.ร.9) ก็ใช้เฉพาะปืนทราโว เท่านั้น.