ทันที ที่ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ,นายแพทย์เหวง โตจิราการ,นายก่อแก้ว พิกุลทอง,นายนิสิต สินธุไพร,นายขวัญชัย ไพรพนา,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,10 พร้อมนายภูมิกิติ สุจินดาทอง แนวร่วมนปช.จำเลยที่ 11 อดีตคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่อ้างป่วยโรคหัวใจกำเริบ บรรดาพ่อยก แม่ยกและมวลชนคนเสื้อแดง ต่างไชโยโห่ร้อง ด้วยความดีใจ ราวกับประสบชัยชนะในการต่อสู้ ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานกว่า 9 เดือน ที่แกนนำ นปช.ทั้ง 7 ราย ต้องติดคุกอยู่ในเรือนจำ นับตั้งแต่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงก่อเหตุการณ์จลาจลเผาบ้านเผาเมืองที่แยก ราชประสงค์ เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่แกนนำรายอื่น เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายอดิศร เพียงเกตุ หลบหนีหมายจับ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และไปอยู่ยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน รอวัน เวลาที่จะกลับมารวมตัวก่อการณ์ชุมนุมกับคนเสื้อแดงอีกครั้ง
จากเดิมบรรดาแกนนำ นปช.ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยคดี ก่อการร้าย ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต และถูกคุมขังอยู่ในคุกมีเพียงนายวีระ หรือ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช.คนเดียวเท่านั้น ที่ได้ประกันตัวไปก่อนหน้านี้ หลังทีมทนายความได้ยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว และศาลได้พิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ได้ความจากการสืบพยาน นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าเคยประสานงานกัน และนายวีระไม่มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง และติดต่อเข้ามอบตัวเอง ประกอบกับสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว เชื่อว่าหากปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่หลบหนี ไม่ไปยุ่งเหยิงกับพยาน จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาหลักทรัพย์ประกันตัว 6 ล้านบาท
ขณะแกนนำ นปช.ที่เหลืออีก 7 ราย แม้นางธิดา ถาวรเศรษฐ พร้อมคนเสื้อแดงที่อยู่นอกคุกจะได้ว่าจ้าง สรรหาทนายความมือดีหลายราย รวมทั้งนายคารม พลทะกลาง นายวิญญัติ ชาติมนตรี นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เข้ามารับผิดชอบคดีความและรวบรวมหลักฐานการประกันตัวแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน โดยได้ยื่นประกันตัวต่อศาลอาญารวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง หากนับที่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งด้วยก็เป็น 8 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมาทุก ศาลได้ยกคำร้อง ไม่ให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า ข้อหาร่วมกันหรือใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐานก่อการร้าย มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต เป็นภัยแก่ประชาชนโดยส่วนรวม หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี เช่นเดียวกับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ระบุว่า กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม เป็นเหตุให้แกนนำ นปช.ทั้ง 7 รายวืดประกันมาตลอด แม้ญาติและทนายความจะเพิ่มหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาทแล้วก็ตาม
แต่ปรากฎการยื่นประกันตัวโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้รับคำร้องไว้พร้อมนัดไต่สวนพยานโจทก์ จำนวน 7 ปาก คือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติหรือ คอป.และนายภูมิกิติ สุจินดาทอง จำเลยที่ 11 ก่อนมีคำสั่งให้ประกันตัว นปช.ทั้ง 8 ราย ในวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยระหว่างอ่านคำสั่งได้เกิดฝนตกลงหนักและฟ้าร้องคำราม จนกระแสไฟฟ้าภายในศาลอาญากระตุกวูบ ทำให้ผู้พิพากษาขอเวลาพักการอ่านเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นศาลจึงขึ้นนั่งบัลลังก์อีกครั้ง เพื่ออ่านคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 8 คน
สำหรับเหตุผลศาลระบุว่า จากการไต่สวนพยาน กรณีมีข้อเท็จจริงบางประการ ที่จะให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากคำสั่งเดิมได้ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยดังกล่าว โดยตีราคาประกันคนละ 600,000 บาท ทั้งนี้ห้ามมิให้จำเลยดังกล่าวกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิด กฎหมายแผ่นดินและห้ามจำเลยดังกล่าวเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ก่อนจะแทงหมายปล่อยตัวชั่วคราว นปช.ทั้ง 8ราย ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวที่หน้าเรือนจำในเวลา 19.45 น.
เมื่อย้อนไปดู"กฎหมู่"การเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ก่อนศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวแกนนำ นปช.ทั้ง 7 ถือว่า ไม่ธรรมดา
โดยมีการเคลื่อนไหว 2 ครั้งสำคัญ คือ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.นางธิดา ถาวรเศรษฐ พร้อมคนเสื้อแดงได้นัดชุมนุมกันที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยอ่านจดหมายปรับทุกข์ของ 7 แกนนำนปช.และปราศรัยทวงถามความยุติธรรมกับกลุ่มเสื้อแดง ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผานมามวลชนเสื้อแดงได้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ก่อนเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่บริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง
อย่างไรก็ตามแม้จะมีใครตั้งข้อสังเกตหรือมองว่าการยื่นประกันตัว 7 นปช.เมื่อวันที่ 9 ก.พ.นั้น ศาลได้ทอดระยะเวลาไต่สวนพยานโจทก์ ไปนานเกือบ 2 สัปดาห์ คือนัดไต่สวนวันที่ 21 ก.พ. ไม่ได้มีคำสั่งทันที เหมือนการยื่นขอประกันตัวครั้งก่อน แต่ก็ถือได้เป็นดุลยพินิจ
ส่วนการชุมนุมปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงระหว่างวันที่ 13 ก.พ. และ 19 ก.พ.จะเป็นอย่างไร สร้างแรงกดดันด้วยการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายหรือไม่ ก็ย่อมไม่เกี่ยวกับศาล เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัยอรรคคดีด้วยความเป็นธรรม ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องเที่ยงตรง วินิจฉัยไต่สวนคดีความไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย สิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ย่อมไม่อาจส่งผลให้ความยุติธรรมต้องแปรเปลี่ยนไป และต้องยึดมั่นในหลักนิติรัฐ
ขณะที่พยานซึ่งเข้าเบิกความ ในการไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช.นั้น ถือได้ว่า เป็นไปตามแผนปรองดองของรัฐบาลนี้ โดยนี้ เมื่อมีคนของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมอยู่ด้วย ซึ่งทุกคนล้วนเบิกความเป็นคุณ และ/หรือ ไม่เป็นโทษ กับ ฝ่ายจำเลย ทั้งสิ้น
เริ่มจาก พล.ต.ต.วิชัย สังประไพข์ เบิกความว่า ได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องหา โดยเฉพาะการขอความร่วมมือเรื่องพื้นผิวการจราจรเพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัด รวมทั้งการขอเข้าตรวจค้นอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมาย จากการตรวจค้นที่ชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่พบอาวุธ
ส่วนนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เบิกความว่า ผู้ต้องขังได้จำคุกมาประมาณ 9 เดือน พบว่า มีพฤติกรรมเรียบร้อย ไม่สร้างความวุ่นวาย บางครั้งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนกรณี นายภูมิกิติ สุจินดาทอง จำเลยที่ 11 มีอาการเจ็บป่วยเป็นประจำ มีโรคหัวใจแทรกซ้อน การนำตัวส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ต้องปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำ ทำให้การส่งตัวไปรักษาล่าช้า
ด้านนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหา ความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป.ที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น เบิกความว่า ตนเคยเป็นอดีตอัยการสูงสุด ได้สรุปและเสนอรัฐบาลให้ยกเลิกการตีโซ่ตรวนผู้ต้องหา และการเอาตัวไว้โดยรัฐ เพื่อความปรองดองรัฐควรจะให้ประกันตัวคนเสื้อ และเป็นความเห็นทางวิชาการ เพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม แต่ไม่ได้เจาะจงเฉพาะจำเลยในคดีก่อการร้าย หรือจำเลยคดีใดคดีหนึ่งเท่านั้น ส่วนประเด็นจะให้ประกันตัวจำเลยคดีก่อการร้ายหรือไม่ เป็นอำนาจของศาล ตามกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่พยานปากสำคัญ พล.ต.สนั่น หรือ เสธ.หนั่น รองนายกรัฐมนตรี เบิกความว่า รู้จักกับนายวีระ เนื่องจากเคยทำงานทางการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ส่วนนายณัฐวุฒิ นั้นรู้จักในฐานะที่เป็นหลานเขยนายทหารที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน เห็นว่าสภาวะบ้านเมืองขณะนี้ หากไม่ปรองดองกัน ก็จะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ จึงเสนอแนวทางปรองดอง และเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อพูดคุยกับจำเลยในคดีก่อการร้าย ทั้ง 7 คนที่ถูกคุมขังอยู่ โดยเสนอแนะว่าหากศาลอนุญาตให้ประกันตัว ขอให้เข้าร่วมแนวทางปรองดองกับตน ซึ่งจำเลยทั้ง 7 คนในคดีก่อการร้ายรับปาก ว่า จะไม่ก่อความวุ่นวาย และเป็นส่วนหนึ่งของการปรองดอง และเชื่อว่า จำเลยทั้ง 7 คน ที่อยู่ในเรือนจำ จะไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก หากไม่มั่นใจก็คงไม่กล้ามาเบิกความเป็นพยานต่อศาล ซึ่งภายหลัง พล.ต.สนั่น เบิกความเสร็จแล้ว แกนนำ นปช.ทั้ง 7 รายต่างเข้าไปยกมือไหว้ จับไม้จับมือแสดงความขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ทันทีที่ประตูเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเปิดออก หัวโจกคดีก่อการร้ายทั้ง 8 คน ในชุดสีขาว ก้าวเดินออกมาหน้าเรือนจำ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนสำคัญ ก็ขึ้นขี่คคอการ์ดนปช.พร้อมประกาศทางโทรโข่งด้วยความฮึกเหิม ว่า "กราบเรียนพี่น้องเสื้อแดงและประชาชนที่เอาใจช่วยทุกคนว่า พวกผมกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมจิตวิญญาณ จุดยืน อุดมการณ์ และชีวิตที่พร้อมเคียงข้างพี่น้องเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
ขอบคุณศาลที่ให้อิสรภาพกับพวกผมในวันนี้ และหวังว่าอิสรภาพจะไปทั่วถึงกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในเรือนจำ ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมผลักดันให้มีวันนี้ เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปรองดอง สมานฉันท์ และสร้างประชาธิปไตยร่วมกัน ผมจะขออนุญาตไปใช้ชีวิตกับครอบครัวเพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นต่อไปทุกวันจะเป็นชีวิตเพื่อประชาธิปไตย”ส่วนแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน จะขึ้นสู่เวทีนปช.อีกครั้งหรือไม่ “ธิดา”ประธาน นปช.ขยิกตาว่าเป็นสิทธิของแต่ละคน
ซึ่งไม่แตกต่างจาก นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.ที่ยืนยันหนักแน่นว่า เรือนจำสามารถขังพวกตนได้ แต่ไม่สามารถขังจิตวิญญาณเพื่อประชาธิปไตยของพวกตนได้ หลังจากนี้จะดำเนินการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และจบสิ้นกันทีกับการรัฐประหาร
หลังแกนนำแดงได้รับการประกันตัว ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ คือมีการปล่อยตัว นปช.ในคุกเพิ่มอีก 2 ราย โดยวันที่ 24 ก.พ.ศาลอาญา มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว นายสมชาย ไพบูลย์ อายุ 41 ปี อดีตสมาชิกสภาเขตบางบอน พรรคไทยรักไทย แกนนำ นปช.โดยตีราคาหลักประกัน 1 แสนบาท
25 ก.พ.ศาลอาญา ปล่อยตัวชั่วคราว นายสมศักดิ์ วงค์ยอด ญาติของ ส.ต.รชต หรือ กบ วงค์ยอด คนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง จำเลยร่วมกันก่อการร้าย โดยศาลตีราคาประกัน 600,000 บาท และคาดว่า ผู้ต้องหา นปช.ที่ถูกคุมตัวอยู่ในคุก จะได้รับการปล่อยตัวออกมาทั้งหมด ในเร็วๆนี้
ดังนั้นการที่แกนนำและแนวร่วม นปช.ทั้ง 8 ราย ได้รับการประกันตัว ซึ่งศาลระบุว่า การไต่สวนพยานมีข้อเท็จจริงใหม่ บางประการ และไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเป็นข้อเท็จจริงใด แต่จากคำเบิกความพยาน ทั้ง 7 ปาก ที่นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ทนาย นปช.ยอมรับว่า พอใจคำเบิกความเพราะส่วนใหญ่ รวมทั้ง เสธ.สนั่น - นายคณิต เจ้าของทฤษฎีปรองดอง ล้วนแต่เบิกความเป็นประโยชน์และส่งผลดีกับจำเลยในคดีก่อการร้าย
จะเห็นว่านอกจากกลุ่มคนเสื้อแดงจะไชโย แล้ว รัฐบาล “มาร์ค”เองควรจะพอใจผลงานชิ้นโบว์แดง ที่แกนนำ นปช.7 ราย ได้ประกันตัวครั้งนี้ด้วย เพราะเป็นคนสนับสนุนแผนการปรองดอง กับ มวลชนเสื้อแดง มาตั้งแต่ต้น สอดรับกับการเคลื่อนไหวของ เสธ.หนั่น รองนายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่า มีแต่การปรองดองของคนในชาติกับ นปช.ก่อการร้ายเท่านั้น ที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ จะเกิดเหตุวิปโยค เผาบ้านเผาเมือง ซ้ำเติมวิกฤติข้าวยากหมากแพง อีกหรือไม่ ก็อดหวั่นวิตกกับสถานการณ์ไม่ได้!!!