เลื่อนตรวจหลักฐานคดีแกนนำ-แนวร่วม นปช.ก่อการร้าย เหตุ “จตุพร-การุณ” ติดสมัยประชุมสภา ศาลนัดอีกรอบ 11 ก.ค.นี้ “ณัฐวุฒิ” เมิน “ธาริต” ขู่ถอนประกัน ยันร่วมม็อบแดง 12 มี.ค.นี้แน่
วันนี้ (28 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระกานต์ หรือ วีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย, นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช., นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.รวม 19 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้น กระทำการเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินและก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
โดยเมื่อเริ่มการพิจารณา อัยการโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลรวมสำนวนคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นฟ้องนายอร่าม แสงอรุณ, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ บางชม และ นายมานพ ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช.เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งมีพยานหลักฐานและพฤติการณ์เกี่ยวเนื่องกันเข้ากับสำนวนคดีนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามูลเหตุแห่งคดีและพยานหลักฐานเป็นชุดเดียวกันจึงอนุญาตให้รวมสำนวนได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ดี นายจตุพร และ นายการุณ จำเลยที่ 2 และ 9 ในคดีได้มอบหมายให้ทนายความแถลงต่อศาลขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยเป็น ส.ส.และขณะนี้อยู่ในสมัยประชุมสภาฯจึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ศาลพิเคราะห์จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป เป็นวันที่ 11 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกมาระบุว่าจะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว 7 แกนนำ นปช.หากเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ว่า ศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ชัดเจน คือห้ามยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมโดยสงบ ดังนั้น แกนนำทั้ง 7 คน ยืนยันจะเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นี้ อย่างแน่นอน
ด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.กล่าวว่า ตนได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจข้อกฎหมาย 2 ประเด็น เพื่อให้ศาลยกฟ้องคดีโดยไม่ต้องสืบพยานสองประเด็น โดยประเด็นแรกการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพราะโจทก์ฟ้อง 7 แกนนำก่อน แล้วมาฟ้องจำเลยอื่นก่อนมาขอรวมสำนวน ทั้งที่ข้อเท็จจริงเดียวกันแสดงให้เห็นถึงความรีบเร่งฟ้องคดีไปก่อน ดังนั้นถือว่าการสอบสวนไม่ชอบ ประเด็นที่สองคดีนี้อยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ 91 ศพ ซึ่งตามกฎหมายหากยังไม่มีการชันสูตรพลิกศพจะฟ้องคดีไม่ได้ แต่เมื่อฟ้องมาแล้วถือว่าไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเช่นกัน