นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ขึ้นเบิกความ เป็นพยานในการไต่สวนคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับพวก แกนนำ นปช. ที่ตกเป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย รวม 7 คน โดยนายวีระ เบิกความว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีจุดมุ่งหมายเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และหากแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน ได้รับการประกันตัวจะสร้างความปรองดองในสังคมได้มากขึ้น และขณะนี้แนวร่วม นปช.มีมากขึ้น หากขาดแกนนำ อาจทำให้การเคลื่อนไหวของ นปช. ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ และเท่าที่ตนเองได้สัมผัสกับแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน เชื่อว่าจะรักษาคำมั่นที่ให้ต่อศาลได้
ขณะที่ นายณัฐวุติ ได้ขึ้นเบิกความในฐานะ จำเลยว่า แกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน ไม่เคยคิดหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานที่มั่นคงและไม่คิดเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน โดยทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งยืนยันว่าการชุมนุมของ นปช. เป็นการชุมนุมตามกรอบของกฎหมาย เป็นไปตามมติของแกนนำ ซึ่งมีกลุ่มจำเลยรวมอยู่ด้วย และหลังประกาศยุติการชุมนุมแล้วแกนนำ นปช.พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อต่อสู้ตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง แต่ที่ไม่สามารถยุติการชุมนุมได้ในทันทีเนื่องจากการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายพอใจ อีกทั้งมีการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกว่า 30 คน ทำให้อารมณ์ของผู้ชุมนุมยังคุกรุ่นอยู่
ขณะที่ นายณัฐวุติ ได้ขึ้นเบิกความในฐานะ จำเลยว่า แกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน ไม่เคยคิดหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานที่มั่นคงและไม่คิดเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน โดยทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งยืนยันว่าการชุมนุมของ นปช. เป็นการชุมนุมตามกรอบของกฎหมาย เป็นไปตามมติของแกนนำ ซึ่งมีกลุ่มจำเลยรวมอยู่ด้วย และหลังประกาศยุติการชุมนุมแล้วแกนนำ นปช.พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อต่อสู้ตามพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริง แต่ที่ไม่สามารถยุติการชุมนุมได้ในทันทีเนื่องจากการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายพอใจ อีกทั้งมีการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกว่า 30 คน ทำให้อารมณ์ของผู้ชุมนุมยังคุกรุ่นอยู่