กำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 จำเลยแกนนำเสื้อแดง ในวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่ 09.00 น.ที่ศาลอาญา
ต้องคอยดูว่า สุดท้ายศาลจะใช้ดุลยพินิจอย่างไร จะปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำเผาบ้านเผาเมือง 7หัวโจกอันประกอบด้วยณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, ก่อแก้ว พิกุลทอง,นิสิต สินธุไพร, ขวัญชัย ไพรพนา, สมชาย ไพบูลย์ และยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ตามที่ทีมทนายความ นปช.ได้ยื่นคำร้องหรือไม่ ต้องจับตาดูกัน
ในช่วงหลังเห็นได้ชัดว่า การเคลื่อนของพวกแกนนำนปช.ที่มีตัวหลักๆ ไม่กี่คนอย่าง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ และจตุพร พรหมพันธุ์ เริ่มกลับมาใช้รูปแบบเดิมๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมมวลชนให้คิดเห็นคล้อยตามไปตามสิ่งที่ต้องการหรือการให้ข้อมูลด้านเดียวและผิดๆ กับคนเสื้อแดง
เสมือนหนึ่งเป็นการฉีดยาเพาะเชื้อเอาไว้กับคนเสื้อแดงทั่วประเทศ เพื่อรอวันที่ทุกอย่างพร้อมสรรพ
แกนนำเป่านกหวีดระดมพลเมื่อใด บัดนั้นความสยองรอบใหม่จากฝีมือคนเสื้อแดงจะกลับซ้ำรอยเป็นรอบที่ 3 หลังจากที่เคยสร้างโศกนาฏกรรมให้กับประเทศมาแล้วสองปีติดต่อกัน ทั้งสงกรานต์เลือดปี 52 และเผาเมือง 19 พ.ค.53 แค่คิดก็เสียวแล้วพี่น้องเอ๋ย!
เพราะวันนี้ แกนนำ นปช.เหิมเกริมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ยกพวกไปหน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก ไปไฮด์ปาร์กหน้าศาลเพื่อกดดันให้ปล่อยตัวชั่วคราว 7 หัวโจกเผาเมือง ก็หนักแล้ว แม้คนเสื้อแดงจะมีสิทธิกระทำได้ แต่ถามว่ามันเหมาะสมหรือไม่
เพราะไม่เคยมีการเคลื่อนไหวและเรียกร้องทางการเมืองครั้งไหนในประเทศไทย หรือหลายประเทศทั่วโลก ที่จะมีพฤติกรรมแบบที่เสื้อแดงกระทำกับการยกพวกไปกดดันศาลยุติธรรมให้วินิจฉัยตัดสินตามที่พวกตัวเองต้องการ
หากไม่ได้ตามที่ประสงค์ก็บอกว่าสองมาตรฐาน ไม่ได้รับความยุติธรรม เลือกปฏิบัติ คนเสื้อแดงเป็นลูกเมียน้อย ม็อบไม่มีเส้น อันเป็นการปลูกฝังความรู้สึกเคียดแค้น-น้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้เพื่อให้มีอารมณ์ร่วมเดียวกัน
ยิ่งมาล่าสุด เสาร์ที่ 19 ก.พ.53 ครบรอบ 9 เดือน เหตุการณ์ 19 ก.พ.53 ยิ่งลามปามหนักไปอีกถึงขั้นข้ามชั้นไปไกล จากไปกดดันศาลชั้นต้น ยังหนำใจไม่พอ รอบนี้ยกพวกไปบุกหน้าศาลฎีกา สนามหลวง ที่ถือว่าเป็นศาลสูงหรือ Supream Court แล้วก็เล่นปราศรัยกดดันศาลด้วยการพูดจาเสียดสี และข่มขู่ศาล-ผู้พิพากษาไปในตัว ผ่านการเอาหนังสือที่ 7 หัวโจกทำขึ้นเพื่อให้ธิดาและ คารม พลทะกลาง ทนายความ นปช.ไปอ่านที่หน้าศาลฎีกามาบังหน้า
การออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ ทางแกนนำ นปช.ก็ย่อมคิดเองได้ว่า ยิ่งการมากดดันศาลก่อนตัดสินว่าจะปล่อยตัวแกนนำ นปช.ล่วงหน้าสองวันแบบนี้ แทนที่จะอยู่เงียบๆ จะชุมนุมก็ทำไป ไม่ต้องมายุ่งกับศาล แต่นี้กับทำตรงกันข้าม ทั้งบี้ทั้งกดดัน จะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อการร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้โอกาสจะได้ประกันตัวยิ่งมีน้อยลง
ซึ่งตามหลักแล้วแกนนำ นปช.นอกคุกก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยม เพื่อให้เพื่อนในคุกมีโอกาสได้รับการปล่อยตัว แต่ที่แกนนำอย่างจตุพร-ธิดา ไม่ยอมอยู่ในความสงบก็เพราะคงรู้ดีว่าโอกาสที่ทั้ง 7 คนจะได้รับการปล่อยตัวมีค่อนข้างน้อย
ที่ยกพวกไปกดดันหน้าศาลฎีกา ก็เพราะจะสร้างกระแสปูพรหมว่า ขนาดมาร้องขอความเป็นธรรม วิงวอนขอความยุติธรรมกันที่หน้าศาลฎีกากันแล้ว ศาลก็ยังไม่เห็นใจ มันก็ต้องยกระดับการชุมนุมเสื้อแดงในไม่ช้า
โดยคาดการณ์กันว่า เป้าหมายที่แท้ที่จริงของเสื้อแดงที่ต้องการให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัว 7 แกนนำ ย่อมไม่ใช่ 21 ก.พ.นี้ ทว่าหากได้ก็ดี
แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือ จะมีการยื่นขอปล่อยตัวในช่วงเมษายน-พฤกษาคม เพื่อหวังให้แกนนำทั้งหมดถูกปล่อยตัวออกมาเพื่อไปขึ้นเวทีปราศรัยในงานครบ 1 ปีราชประสงค์วันที่ 19 พ.ค.54 นี้มากกว่า ระหว่างนี้ก็ถือโอกาสเดินสายไปตามจุดสำคัญๆ ก่อน โดยเฉพาะพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม เพื่อข่มขวัญกำลังใจ มันจึงเป็นที่มาของการยกพวกคนเสื้อแดงไปหลอกด่าศาลฎีกา ถึงหน้าบ้าน
อันเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาล-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรม ควรต้องพิจารณาด้วยว่า พฤติกรรมเสื้อแดงถูกต้องเหมาะสมอย่างไร เพราะนี้ขนาดแค่ให้ประกันตัว ยังยกพวกนับพันนับหมื่นมาข่มขู่-ด่าทอศาลยุติธรรมขนาดนี้แล้วหากจะตัดสินคดีที่แกนนำนปช.ตกเป็นจำเลยเช่นคดีก่อการร้าย จะไม่ยิ่งหนักกว่านี้หรอกหรือ
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของจตุพรที่ปราศรัยที่หน้าศาลฎีกาที่บอกว่าการขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำนปช.คนเสื้อแดงจะรอดูว่าประธานศาลฎีกา คือ นายสบโชค สุขารมณ์ จะกอบกู้ศักดิ์ศรี-ความเป็นอิสระของตุลาการกลับคืนมาได้หรือไม่ หลังก่อนหน้านี้มีอดีตประธานศาลฎีกาคนหนึ่งเคยไปร่วมวางแผนทำรัฐประหารทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็หมายถึงนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรีตอนนี้นั่นเอง หรือที่ปราศรัยบนเวทีหน้าอนุสาวร์ชัยสมรภูมิ ที่บอกว่า
“ที่ตูนิเซีย กับอียิปต์ ประชาชนนับล้านออกมาขับไล่ผู้นำ กำลังลามไปที่ลิเบียและอีกหลายประเทศ ประเทศเหล่านี้เขาลอกข้อสอบคนเสื้อแดงไปทำ แต่เขาสอบได้ เรากลับสอบตก มันถึงเวลาแล้วที่เราซึ่งเป็นต้นกำเนิดต้องสอบได้บ้าง
ความตายของคนเสื้อแดงถูกยัดเยียดเพียงแค่ว่าล้มสถาบัน จากฝีมือของรัฐบาลและมือที่มองไม่เห็น ตัวที่มองไม่เห็น แล้วยังแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม วันนี้ประเทศไทยมันไม่มีแล้วความยุติธรรม มีแต่ยุติธง มีธงมาให้ตัดสิน
ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่รู้ต่อไปผู้พิพากษาจะมีถนนให้เดินหรือเปล่า ถ้าไม่ปล่อยตัวพวกเราออกมาจากเรือนจำ เราก็จะมาเพิ่มมากขึ้น หากยังคนเสื้อแดงยังถูกคุมขังอยู่ บ้านเมืองจะไม่สงบอีกแล้ว”
คำขู่ไปถึงกระบวนการยุติธรรม และการปลุกเร้าของพวกแกนนำนปช.แบบนี้ เหมาะสมหรือไม่ บิดเบือนหรือไม่ เป็นเรื่องที่หลายฝ่าย ไม่สมควรปล่อยไว้
หากช้าเกินไป คิดว่าไม่มีอะไร ถึงเวลาจริงๆ เมื่อจะป้องกันเหตุ อาจช้าเสียแล้ว