ปืนหายที่ค่ายธนะรัชต์ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องรับผิดชอบ

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นที่อับอายขายขี้หน้าเหลือประมาณสำหรับกรณี “อาวุธ” ชนิดต่างๆ ของกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สูญหาย

เพราะไม่ใช่หายแค่กระบอกสองกระบอก แต่มีตัวเลขการหายที่สูงถึง 151 กระบอก แถมแต่ละกระบอกที่หายนั้นก็ต้องถือว่าเป็นอาวุธสงครามที่ล้วนแล้วแต่ร้ายแรงทั้งสิ้น

ได้แก่ ปืนกลเอ็ม 60 จำนวน 4 กระบอก ปืน ค.60 จำนวน 1 กระบอก ปืนกลเบาเอ็ม 249 มินิ 4 กระบอก ปืนเอ็ม 79 จำนวน 5 กระบอก เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 10 กระบอก ปืนเอ็ม 16 จำนวน 117 กระบอกและปืนพกสั้น 11 มม. จำนวน 10 กระบอก

นี่ไม่นับรวมถึงกระสุนปืนนานับชนิดที่สูญหายไปอีกจำนวนไม่น้อย

แถมเมื่อหายแล้วยังมีการเล่นละครเพื่อลบล้างความขายขี้หน้าอีกต่างหาก เพราะหลังจากที่ “พ.ท.มโนรถ สุทธิสำแดง” ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบ(ผบ.ศร.พัน1) มอบอำนาจให้ “ร.อ.อภิวัฒน์ แสงสูง ผบ.ร้อย ศร.พัน1 เข้าแจ้งความกลางดึกของวันที่ 3 มี.ค.แล้ว ในเวลา 11.30 น. ของวันที่ 4 มี.ค.ก็มีมาแก้เกมด้วยการส่ง ร.อ.อภิวัฒน์ เจ้าเก่าเดินทางมาที่ สภ.ปราณบุรีอีกครั้ง เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า การแจ้งความในช่วงกลางคืนวันที่ 3 มี.ค.เป็นเพราะเข้าใจผิดในทางบัญชี เนื่องจากมีการเบิกอาวุธไปใช้ในราชการและมีการส่งซ่อม

เป็นการเล่นละครแก้เกี้ยวที่ชาวบ้านหัวร่องอหายกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะหลังจากแจ้งความตดยังไม่ทันหายเหม็นว่า อาวุธหาย เพียงชั่วข้ามคืนก็กลับมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันใหม่ว่า เป็นความเข้าใจผิดทางบัญชี ซึ่งการแก้เกี้ยวดังกล่าวจะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้าไม่มีคำสั่งจาก “ผู้ใหญ่” ให้กระทำเช่นนั้น

เพราะต้องยอมรับว่า การที่ปืนหายไปจากคลังของกองทัพและข่าวปรากฏต่อสาธารณชนถือเป็นความเสื่อมเสียที่มิอาจให้อภัยได้ เนื่องจากเป็นการหายในค่ายทหารที่ตาสีตาสาหรือชาวบ้านร้านตลาดมิอาจย่างกรายเข้าไปได้

แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ และเมื่อไม่อาจปิดบังความจริงได้อีกต่อไป บุรุษหมายเลข 1 แห่งกองทัพบกที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก ถึงได้ตัดสินใจออกมาแถลงยอมรับด้วยตัวเองอาวุธหายไปจาก ศร.พัน 1 จริงๆ แน่นอน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบด้วยการโยนความผิดไปให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แถมทำตัวเป็นเซียนข้างชิ่งด้วยการปลุกระดมผู้ใต้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการกองพันให้มีความซื่อสัตย์สุจริต

ซ้ำร้ายเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะได้อาวุธกลับคืนมา พล.อ.ประยุทธ์กับแสดงความโมโหโกรธาด้วยการกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ผมจะยืนยันได้ยังไง เมื่อหายก็ตามเหมือนของหายหรือโจรปล้น แต่ถามว่าได้คืนหมดหรือไม่ จะตอบได้หรือไม่ ถามคำถามให้ดีๆ พูดไปแล้วว่า มีโอกาสจะได้ เพราะรู้ตัวว่าใครเกี่ยวข้อง รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนไหน รู้ว่ามีพลเรือนมาเกี่ยวข้อง”

และที่เศร้าที่สุดเห็นจะเป็นการที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดออกมาอย่างไม่อายชนิดเต็มปากเต็มคำว่า “มาตรการดูแลคลังอาวุธของกองทัพบกมีความรัดกุมอยู่แล้ว ผมในฐานะ ผบ.ทบ.ไม่สามารถตรวจสอบได้ทุกคลังเพราะมี 1,000 กว่าคลัง”

ได้ยินคำพูดจากปากของผู้บัญชาการทหารบกแล้ว ก็ให้อนาถใจยิ่งนัก เพราะขนาดผู้บัญชาการทหารบกไม่สามารถสั่งการให้มีการตรวจสอบคลังอาวุธของกองทัพบกได้แล้ว จะมีใครหน้าไหนที่ตรวจได้อีกในบรรณพิภพนี้