วานนี้(8 มี.ค.) พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แต่งตั้งให้เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุอาวุธหายไปจากคลังอาวุธค่ายธนะรัชต์ว่า ผบ.ทบ.แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกลางระดับกองทัพบกกรณีอาวุธปืนหายด้วยตัวเอง มีทั้งทีมช่วยกันทำงานหาความจริง พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งปืนหายเกิดขึ้นได้ทุกโอกาส ทั้งนี้คณะกรรมการจะทำการสอบทุกคนที่สงสัยว่ามีความผิด อาทิ พ.ท.มโนรถ สุทธิสำแดง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทราบราบ (ผบ.ศร.พัน 1) พ.ท.ศุภชัย โยคนิตย์ ผบ.ศร.พัน 2 ผู้บังคับกองร้อย ส่วนจ่าที่ทำหน้าที่คุมคลังอาวุธยังหลบหนีอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวมาให้ได้
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกลางประมาณ 8 คน ประกอบด้วย พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในสายงานที่เกี่ยวข้องเช่น จากกรมจเรทหารบก กรมยุทธศึกษา ฯลฯ โดยจะตรวจสอบทุกคนที่เกี่ยวข้อง และมีเนื้อหาสารพาดพิงทั้งนี้ คณะทำงานจะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุดบนพื้นในหลักฐานข้อมูลที่ชัด
“ขณะ นี้ผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้น กองทัพบกได้มีคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่ไปก่อน โดยให้มาประจำที่ศูนย์การทหารราบไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆที่คณะกรรมการ จะทำการตรวจสอบ และไม่มีผลต่อเอกสารหลักฐาน ไม่มีผลต่อการสั่งการ ไม่มีผลต่อการล็อบบี้ อย่างไรก็ตาหากคณะกรรมการสอบสวนแล้วและตัดสินว่า ใครไม่ผิด กองทัพจะคืนตำแหน่งให้กลับมารับตำแหน่งเดิม” โฆษก ทบ.กล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกกองทัพบก แถลงว่า ในช่วงท้ายการประชุมหน่วยขึ้นตรงผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลังอาวุธของ ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า กองทัพบกให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินมาตรการทางวินัย รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดจึงขอย้ำให้ผู้ บังคับหน่วยให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคลังอาวุธ พร้อมกำกับดูแลตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังผบ.ทบ.สั่งให้มีการติดตามอาวุธที่หายไปจากคลังอาวุธของค่ายธนะรัชต์จำนวน 151 ชิ้น ขณะนี้สามารถติดตามจนได้คืนมาบางส่วนประมาณ 20-30 ชิ้น ประกอบด้วย ปืนเอ็ม 16 ปืน ค. และจรวดอาร์พีจี พร้อมกับเครื่องกระสุนบางส่วน ทั้งนี้หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของศูนย์การทหารราบที่มี พล.ต.สมวุฒิ แตงสาขา ผบ.ศูนย์การทหารราบ ได้สอบปากคำจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 1-2 คน ทำให้ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการนำอาวุธดังกล่าวไปขายตามแนวชายแดน
ทั้งนี้เบื้องต้นคำสั่งของทัพบกได้ให้ผบ.ศร.พัน 1 ผบ.ศร.พัน 2 และผบ.ร้อยที่ 301 พ้น จากตำแหน่งหน้าที่ไปก่อน ส่วนทหารชั้นประทวน หรือทหารระดับนายสิบที่ควบคุมคลังจำนวนหนึ่งทางศูนย์การทหารราบก็ได้ให้พ้น จากหน้าที่ไปก่อนเช่นกัน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นว่า มีความผิดหรือไม่
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกลางประมาณ 8 คน ประกอบด้วย พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในสายงานที่เกี่ยวข้องเช่น จากกรมจเรทหารบก กรมยุทธศึกษา ฯลฯ โดยจะตรวจสอบทุกคนที่เกี่ยวข้อง และมีเนื้อหาสารพาดพิงทั้งนี้ คณะทำงานจะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุดบนพื้นในหลักฐานข้อมูลที่ชัด
“ขณะ นี้ผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้น กองทัพบกได้มีคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่ไปก่อน โดยให้มาประจำที่ศูนย์การทหารราบไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆที่คณะกรรมการ จะทำการตรวจสอบ และไม่มีผลต่อเอกสารหลักฐาน ไม่มีผลต่อการสั่งการ ไม่มีผลต่อการล็อบบี้ อย่างไรก็ตาหากคณะกรรมการสอบสวนแล้วและตัดสินว่า ใครไม่ผิด กองทัพจะคืนตำแหน่งให้กลับมารับตำแหน่งเดิม” โฆษก ทบ.กล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกกองทัพบก แถลงว่า ในช่วงท้ายการประชุมหน่วยขึ้นตรงผบ.ทบ.ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลังอาวุธของ ค่ายธนะรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า กองทัพบกให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดำเนินมาตรการทางวินัย รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่กระทำความผิดจึงขอย้ำให้ผู้ บังคับหน่วยให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคลังอาวุธ พร้อมกำกับดูแลตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังผบ.ทบ.สั่งให้มีการติดตามอาวุธที่หายไปจากคลังอาวุธของค่ายธนะรัชต์จำนวน 151 ชิ้น ขณะนี้สามารถติดตามจนได้คืนมาบางส่วนประมาณ 20-30 ชิ้น ประกอบด้วย ปืนเอ็ม 16 ปืน ค. และจรวดอาร์พีจี พร้อมกับเครื่องกระสุนบางส่วน ทั้งนี้หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของศูนย์การทหารราบที่มี พล.ต.สมวุฒิ แตงสาขา ผบ.ศูนย์การทหารราบ ได้สอบปากคำจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 1-2 คน ทำให้ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการนำอาวุธดังกล่าวไปขายตามแนวชายแดน
ทั้งนี้เบื้องต้นคำสั่งของทัพบกได้ให้ผบ.ศร.พัน 1 ผบ.ศร.พัน 2 และผบ.ร้อยที่ 301 พ้น จากตำแหน่งหน้าที่ไปก่อน ส่วนทหารชั้นประทวน หรือทหารระดับนายสิบที่ควบคุมคลังจำนวนหนึ่งทางศูนย์การทหารราบก็ได้ให้พ้น จากหน้าที่ไปก่อนเช่นกัน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นว่า มีความผิดหรือไม่
