ASTVผู้จัดการรายวัน-“พนิช” เผย “วีระ-ราตรี” ลงนามหนังสือคัดค้านการอุทธรณ์คดีแล้ว ญาติเดินหน้าขอพระราชทานอภัยโทษอย่างเดียว หวังผู้ใหญ่ในบ้านเมืองช่วยผลักดันอีกทาง พันธมิตรฯจี้นายกฯ ทวงคืนแผ่นดิน 4.6 ตร.กม.-เลิกพ.ร.บ.มั่นคง ประกาศยื่นป.ป.ช.ถอดถอน "มาร์ค-กษิต-ประวิตร-ประยุทธ์" วันนี้ ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ย้ำหาก"วีระ" เป็นอะไรไป รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ด้าน"มาร์ค"บอกช่วยวีระได้หรือไม่ ตอบยาก ส่วน"เทือก"อ้อน ฮุนเซน ขอให้สงสารด้วย
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับนายปรีชา สมความคิด น้องชายนายวีระ สมความคิด ที่ร่วมกับญาติเข้าเยี่ยมนายวีระที่เรือนเปรยซอร์ในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ทราบว่านายวีระมีอาการป่วยค่อนข้างหนัก เนื่องจากติดเชื้อในช่องปาก จากอาหารที่ไม่สะอาดที่รับประทานเข้าไป ขณะที่ผิวหนังก็เกิดอาการคัน และที่สำคัญคืออาการเครียดที่เกิดขึ้นในระยะหลังที่ค่อนข้างหนัก
นายพนิชกล่าวว่า ญาติของนายวีระได้พูดคุยกับตนว่า นายวีระ และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้ลงนามในหนังสือคัดค้านการอุทธรณ์คดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อไปญาติของนายวีระ และ น.ส.ราตรีจะเดินหน้าเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเพียงอย่างเดียว ส่วนการยื่นอุทธรณ์เป็นเรื่องของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับญาติๆ ของคนทั้งสอง
“ความหวังของครอบครัวสมความคิด จากนี้คงต้องพึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่จะช่วยผลักดันการขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ในอีกทางหนึ่ง”
***พธม.จี้นายกฯ ทวงคืนแผ่นดิน
เมื่อเวลา 10.45 น. วานนี้ ( 7 มี.ค.) ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อ
1. ให้รัฐบาลทวงคืนแผ่นดินไทยตรงบริเวณเขาพระวิหาร ภูมะเขือ และ บริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหาร ที่เป็นพื้นที่ซับซ้อน เนื่องจากขณะนี้ กัมพูชามีความพยายามจะให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เพื่อนำไปสู่การยึดครองดินแดนทั้งหมด
2. ขอให้ยกเลิกการประประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพฯ รวม 7 เขต เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งภายในวันที่ 8 มี.ค. ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะเริ่มดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญากับรัฐบาล กรณีที่ปล่อยให้กัมพูชาจับกุม 7 คนไทย และยึดครองดินแดน ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 8 มี.ค. เวลา 10.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสื่อต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. ) ให้ดำเนินการถอดถอนฝ่ายการเมือง ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
**วีระเป็นอะไรไปรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด ในส่วนของรัฐบาลว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ แถลงจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะขอพระราชทานอภัยโทษ หรือจะยื่นอุทธรณ์ต่อ เนื่องจากขณะนี้ นายวีระ สุขภาพร่างกายแย่มาก มีอาการป่วยหนัก ยังไม่ทราบว่าจะอยู่ในภาวะที่ปลอดภัยได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยโรคไทรอยด์ และโรคเก๊า ที่กำเริบ อาการเนื้อตัว และแขนขาสั่น โดยทางกัมพูชาไม่ได้ให้การรักษาอย่างถูกต้อง จากสถานพยานบาล ภายนอก ที่มีมาตรฐานเพียงพอในการที่จะช่วยเหลือได้ แต่กลับให้การรักษาภายใน ซึ่งเป็นการเยียวยารักษา เฉพาะหน้าเท่านั้น จนกระทั่งนายวีระ เกิดความวิตก จึงโทรศัพท์ ติดต่อไปยัง มารดา เพื่อขอให้เข้าเยี่ยมในสัปดาห์หน้า เนื่องจากไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับนายวีระรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ทางมารดาของ นายวีระได้ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายวีระ อย่างเร่งด่วน และขณะนี้ทราบข่าวเพียงว่า ญาติของนายวีระ ได้ลงนามขอพระราชทางอภัยโทษแล้ว แต่ยังไม่เห็นเอกสาร ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ทราบความชัดเจนของท่าทีกระทรวงการต่างประเทศ และทางสถานทูตกัมพูชาเอง ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือนายวีระ แต่อย่างใด
** จี้รัฐบาลเปิดข้อตกลงอาเซียน
นายปานเทพ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ระบุถึงการส่งทหารอินโดนีเซียมาสังเกตการณ์ และเป็นสักขีพยานว่า จะไม่มีการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา และบอกด้วยว่า ทางฝ่ายไทยได้รับแผนแม่บทและข้อกำหนด หรือ TOR ไปแล้วว่า ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ เปิดหนังสือ TOR ให้ประชาชนได้รับรู้ว่ารัฐบาลไปตกลงอะไรมากับอาเซียน หรือมีแผนการอย่างไร เพราะการเข้าสังเกตการณ์ของทหารอินโดนีเซีย มีความหมายเท่ากับประเทศไทย สละการผลักดันกองกำลังกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไทยอยู่ รวมทั้งสละการใช้แสนยานุภาพทางการทหาร เป็นอำนาจต่อรองในการเจรจา เท่ากับว่าไทยได้สูญเสียอธิปไตยอย่างไม่มีกำหนดเวลา จนกว่าการเจรจาจะเป็นที่พอใจของฝ่ายกัมพูชา
ดังนั้น TOR ที่อาเซียนเสนอมา เข้าข่ายมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และต้องทำประชาพิจารณ์อย่างรอบด้าน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190
"หากรัฐบาลไม่เปิดเผย TOR ดังกล่าว เท่ากับกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ โดยประชาชนไม่รู้ว่ารัฐบาลไปตกลงอะไรกับทางอาเซียนอีก" นายปานเทพ กล่าว
** ชายแดนไทย-กัมพูชาแหล่งแร่ทองคำ
ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้มอบหมายให้ทีมวิชาการ เพื่อนำเอกสาร แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน อีก 6 ระวาง ที่มีกองกำลังทหารดูแลอยู่ 3 หน่วย คือ กองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองกำลังจันทบุรี-ตราด ซึ่งมีรายงานมาถึงกระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีการรุกล้ำของชาวบ้าน และทหารกัมพูชาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อเปิดเผยว่า ตำบลและหมู่บ้านใดตลอดแนวชายแดน จะสุ่มเสี่ยงในการสูญเสียแก่ทางกัมพูชา หากมีการอ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน พร้อม MOU 2543 ซึ่งขณะนี้เราได้แผนที่ทั้ง 6 ระวางมาแล้ว รวมทั้งยังมีข้อมูลระบุชัดว่า ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีแหล่งแร่ทองคำ และพันธ์พืชหายากเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากนายกฯ ยังยืนยันที่จะใช้ MOU 2543 อยู่ ก็จะทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดน และทรัพยากรอีกมหาศาล
ดังนั้นจึงอยากฝากถามนายกฯว่า จะนำดินแดนเหล่านี้กลับคืนมาอย่างไร เพราะตอนที่นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็บอกเองว่าพื้นที่ต่างๆเหล่านี้เป็นของไทย
** ช่วย"วีระ"ได้หรือไม่ตอบยาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวีระ สมความคิด ได้เซ็นต์ยินยอมขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษํตริย์กัมพูชาแล้วว่า ตอนนี้ได้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสานงาน ซึ่งเราพยายามหาทางช่วยเหลือทุกทาง ส่วนจะเร็วหรือไม่ ตอบยากว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ตอนนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น อาจยังไม่ถึงกับปกติ แต่เราจะพยายามพูดคุย และพยายามชี้ให้เห็นว่า กรณีอย่างนี้ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง และอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนไทย
** "เทือก"อ้อนฮุนเซนสงสาร"วีระ"เถอะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด ที่ขณะนี้ป่วยหนักอยู่ในคุกกัมพูชาว่า รัฐบาลก็พยายามที่จะพูดจากัน ตนยังเชื่อว่า ฮุนเซน ผู้นำของกัมพูชา สมควรที่จะมีความเข้าอกเข้าใจ เห็นอกเห็นใจคนไทยที่กำลังเดือดร้อนอยู่
เมื่อถามว่าในเบื้องต้นจะขอให้มีการรักษาเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทางสถานทูตทำอยู่แล้ว แต่ถ้าจะขอตัวออกมารักษานอกเรือนจำได้หรือไม่นั้น ตนจะลองหารือดูว่ากฎเกณฑ์ของกัมพูชา เขาอนุญาตได้ขนาดไหน อย่างไร
เมื่อถามว่า การยื่นขออภัยโทษต่อทางกัมพูชานั้น จะยื่นหรือไม่อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ให้ทางฝ่ายเขาพูดเอง เพราะว่าเดี๋ยวบางกลุ่มบางฝ่าย ก็เอามาเป็นประเด็นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าถ้านายวีระ เป็นอะไรไป รัฐบาลต้องรับผิดชอบ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปทะเลาะกับพันธมิตรฯมากไปกว่านี้แล้ว เท่านี้ก็เต็มทีแล้ว
**ส.ว.วอนรัฐบาลช่วย "วีระ-ราตรี"
ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง ได้หารือ กรณีที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ปล่อยให้ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกจับไปดำเนินคดีในศาลกัมพูชา ทั้งที่บริเวณที่ถูกจับ ยังมีข้อโต้เถียงว่าเป็นดินแดนของไทย หรือกัมพูชากันแน่ และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนแต่ได้มีข้อตกลงว่า หากเกิดการจับกุม ให้ใช้การเจรจาแทน แต่ฝ่ายไทยได้ปล่อยให้จับตัว 7 คนไทย และถูกศาลกัมพูชาลงโทษ โดยนายวีระ และน.ส. ราตรี ยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำจนถึงขณะนี้ กระบวนการดังกล่าวถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงให้ราชอาณาจักรไทยสูญเสียอาณาเขต ตกไปเป็นของกัมพูชา รวมถึงอาจะทำเอกราชทางศาลของไทย เสื่อมเสียไป เพื่อเป็นการบรรเทาผลร้ายนี้ รัฐบาลไทยควรประท้วงรัฐบาลกัมพูชาอย่างจริงจัง และให้ความช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี อย่างจริงจัง เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้เล่นการเมือง แต่ทำไปด้วยความรักชาติ รักอธิปไตยของไทย
นายสาย กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหาร พื้นที่ดังกล่าวได้มีพระรากฤษฏีกาในสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยยังไม่มีการยกเลิกโดยนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย แต่ช่วงที่ผ่านมากัมพูชาได้ส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะบริเวณภูมะเขือ และวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ นายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กลับไม่ดำเนินการอะไร ทำให้เกิดความเสี่ยงให้เอกราชาอาณาเขตไทยตกเป็นของกัมพูชา รัฐบาลจึงควรดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้ได้ดินแดนของไทยกลับมาโดยเร็ว ที่สุด
**ชายแดนตะวันออกตึงเครียด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.พายับ ทองชื่น ส.ว.สระแก้ว ยังหารือในเรื่องดังกล่าวว่า ปัจจุบันความหวาดระแวงของประชาชนบริเวณชายแดนตะวันออก ยังคงมีอยู่ แม้ชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ จะมีการหยุดยิงไปแล้ว แต่ ชายแดนตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ยังมีความกังวล เนื่องจากกำลังทหารทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้กำชับและมีนโยบายเร่งด่วน อย่าให้ทั้งสองฝ่ายใช้กำลังต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดนถาวร ที่เป็นเขตการค้าชายแดน ซึ่งมีความสำคัญทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว
**รัฐบาลยังท่องแต่คำว่า"ทวิภาคี"
ต่อมา ในช่วงการพิจารณากระทู้ถาม นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่อง การบริหารราชการแผ่นดินของรมว.ต่างประเทศ อันเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ โดยถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ท่าทีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ไปพูดในที่ต่างๆ คนทั่วไปมองว่า กระด้าง ไม่ดีต่อการทูตเท่าที่ควร หลายเวทีสร้างศัตรูเพิ่มด้วย เช่น ไปกล่าวถึง รัสเซีย อินเดีย จีน ทั้งที่ไม่ควรกล่าว
ดังนั้นปัญหาจะจบอย่างไร ถ้ายังมีการใช้วาทะ อารมณ์ แก้ปัญหาเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะกรณีกัมพูชาที่เป็นประเทศติดกัน
นอกจากนี้ ตอนนี้กัมพูชาก็ประกาศยอมรับการสังเกตการณ์ และให้คำมั่นกับอาเซียนแล้ว กรณีพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา แต่ไทยยังช้าอยู่ กระทรวงกลาโหม บอกยังไม่ได้รับเรื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ นายกฯ ก็บอกว่า ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ซึ่งเมื่อการประชุมล่าช้า ก็เกิดความเสียหาย
ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาชี้แจงแทน กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายกฯ และนายกษิต ก่อนมาตอบกระทู้ ยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยเคารพกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ มีวุฒิภาวะและเป็นกลาง ไม่โอเอียงไปตามกระแสเรียกร้องต่างๆ และทำแบบนี้มาโดยตลอด กรณีกัมพูชาก็ดำเนินการทวิภาคี ไม่เห็นด้วยกับให้เรื่องขึ้นเวทีนานาชาติ ซึ่งในการประชุมอาเซียน ก็มีความเห็นเช่นนี้ โดยอาเซียนจะเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น เวลาที่ตน นายกฯและนายกษิต ไปต่างประเทศ ก็พยายามชี้แจงจุดยืนแบบนี้ ก็เรียบร้อยดี
ส่วนที่นายกษิตไปพูดเรื่องรัสเซีย อินเดีย จีน ตนถามนายกษิตแล้ว ตอนนั้นเป็นคราวประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีนักข่าว แต่เมื่อกรรมาธิการถาม นายกษิต ก็วิเคราะห์ให้ฟัง นายกษิตไม่ได้นักการเมือง เป็นนักวิชาการ ถามมาก็ตอบซื่อๆ แต่ความลับก็ออกไปหมด ในประเทศไทยต้องตั้งการ์ด แต่เมื่อเดินทางไปพบประเทศดังกล่าวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะแจ้งต่อนายกฯและนายกษิต ให้ทราบ
**เขมรสร้างกระเช้าขึ้นปราสาทปี 52
ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า กระเช้ารางเลื่อนขึ้นปราสาทควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตามที่นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้นำคลิปวีดิโอภาพการก่อสร้างกระเช้าขึ้นปราสาทตาควาย ของกัมพูชามาแถลงนั้น ทางฝ่ายกัมพูชามีการก่อสร้างขึ้นจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทราบข้อมูลการก่อสร้างดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 52
"บริเวณหน้าผาที่มีการสร้างกระเช้า อยู่ห่างจากตัวปราสาทตาควายไปประมาณ 400-500 เมตร ซึ่งไม่ได้สร้างอยู่ใกล้ และเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควายแต่อย่างใด แต่ไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัดว่า กัมพูชาสร้างกระเช้าดังกล่าวขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ใด"
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว รวมถึงสื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากเหตุการณ์ความตึงเครียดเพิ่งคลี่คลาย จากกรณีเหตุปะทะ ด้าน จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดือนก.พ. และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ซึ่งต้องใช้เวลารอให้สถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆระหว่างประเทศสงบลงมากไปกว่านี้เสียก่อนจึงจะอนุญาต และนำเข้าชมได้ ซึ่งจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อน หากต้องการเข้าไปเที่ยวชม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในหุบเขา และป่าลึกและยังไม่ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างชัดเจน เนื่องจากยังคงมีทหารกัมพูชาและทหารไทย ลาดตระเวนเข้ามาในพื้นที่ปราสาทอยู่
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับนายปรีชา สมความคิด น้องชายนายวีระ สมความคิด ที่ร่วมกับญาติเข้าเยี่ยมนายวีระที่เรือนเปรยซอร์ในประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ทราบว่านายวีระมีอาการป่วยค่อนข้างหนัก เนื่องจากติดเชื้อในช่องปาก จากอาหารที่ไม่สะอาดที่รับประทานเข้าไป ขณะที่ผิวหนังก็เกิดอาการคัน และที่สำคัญคืออาการเครียดที่เกิดขึ้นในระยะหลังที่ค่อนข้างหนัก
นายพนิชกล่าวว่า ญาติของนายวีระได้พูดคุยกับตนว่า นายวีระ และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้ลงนามในหนังสือคัดค้านการอุทธรณ์คดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อไปญาติของนายวีระ และ น.ส.ราตรีจะเดินหน้าเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเพียงอย่างเดียว ส่วนการยื่นอุทธรณ์เป็นเรื่องของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับญาติๆ ของคนทั้งสอง
“ความหวังของครอบครัวสมความคิด จากนี้คงต้องพึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่จะช่วยผลักดันการขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ในอีกทางหนึ่ง”
***พธม.จี้นายกฯ ทวงคืนแผ่นดิน
เมื่อเวลา 10.45 น. วานนี้ ( 7 มี.ค.) ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายเทพมนตรี ลิมปพยอม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อ
1. ให้รัฐบาลทวงคืนแผ่นดินไทยตรงบริเวณเขาพระวิหาร ภูมะเขือ และ บริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหาร ที่เป็นพื้นที่ซับซ้อน เนื่องจากขณะนี้ กัมพูชามีความพยายามจะให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เพื่อนำไปสู่การยึดครองดินแดนทั้งหมด
2. ขอให้ยกเลิกการประประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพฯ รวม 7 เขต เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งภายในวันที่ 8 มี.ค. ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะเริ่มดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง และอาญากับรัฐบาล กรณีที่ปล่อยให้กัมพูชาจับกุม 7 คนไทย และยึดครองดินแดน ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 8 มี.ค. เวลา 10.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสื่อต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. ) ให้ดำเนินการถอดถอนฝ่ายการเมือง ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
**วีระเป็นอะไรไปรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด ในส่วนของรัฐบาลว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ แถลงจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะขอพระราชทานอภัยโทษ หรือจะยื่นอุทธรณ์ต่อ เนื่องจากขณะนี้ นายวีระ สุขภาพร่างกายแย่มาก มีอาการป่วยหนัก ยังไม่ทราบว่าจะอยู่ในภาวะที่ปลอดภัยได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยโรคไทรอยด์ และโรคเก๊า ที่กำเริบ อาการเนื้อตัว และแขนขาสั่น โดยทางกัมพูชาไม่ได้ให้การรักษาอย่างถูกต้อง จากสถานพยานบาล ภายนอก ที่มีมาตรฐานเพียงพอในการที่จะช่วยเหลือได้ แต่กลับให้การรักษาภายใน ซึ่งเป็นการเยียวยารักษา เฉพาะหน้าเท่านั้น จนกระทั่งนายวีระ เกิดความวิตก จึงโทรศัพท์ ติดต่อไปยัง มารดา เพื่อขอให้เข้าเยี่ยมในสัปดาห์หน้า เนื่องจากไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับนายวีระรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ทางมารดาของ นายวีระได้ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายวีระ อย่างเร่งด่วน และขณะนี้ทราบข่าวเพียงว่า ญาติของนายวีระ ได้ลงนามขอพระราชทางอภัยโทษแล้ว แต่ยังไม่เห็นเอกสาร ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ทราบความชัดเจนของท่าทีกระทรวงการต่างประเทศ และทางสถานทูตกัมพูชาเอง ก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือนายวีระ แต่อย่างใด
** จี้รัฐบาลเปิดข้อตกลงอาเซียน
นายปานเทพ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ระบุถึงการส่งทหารอินโดนีเซียมาสังเกตการณ์ และเป็นสักขีพยานว่า จะไม่มีการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา และบอกด้วยว่า ทางฝ่ายไทยได้รับแผนแม่บทและข้อกำหนด หรือ TOR ไปแล้วว่า ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ เปิดหนังสือ TOR ให้ประชาชนได้รับรู้ว่ารัฐบาลไปตกลงอะไรมากับอาเซียน หรือมีแผนการอย่างไร เพราะการเข้าสังเกตการณ์ของทหารอินโดนีเซีย มีความหมายเท่ากับประเทศไทย สละการผลักดันกองกำลังกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไทยอยู่ รวมทั้งสละการใช้แสนยานุภาพทางการทหาร เป็นอำนาจต่อรองในการเจรจา เท่ากับว่าไทยได้สูญเสียอธิปไตยอย่างไม่มีกำหนดเวลา จนกว่าการเจรจาจะเป็นที่พอใจของฝ่ายกัมพูชา
ดังนั้น TOR ที่อาเซียนเสนอมา เข้าข่ายมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และต้องทำประชาพิจารณ์อย่างรอบด้าน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190
"หากรัฐบาลไม่เปิดเผย TOR ดังกล่าว เท่ากับกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ โดยประชาชนไม่รู้ว่ารัฐบาลไปตกลงอะไรกับทางอาเซียนอีก" นายปานเทพ กล่าว
** ชายแดนไทย-กัมพูชาแหล่งแร่ทองคำ
ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้มอบหมายให้ทีมวิชาการ เพื่อนำเอกสาร แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน อีก 6 ระวาง ที่มีกองกำลังทหารดูแลอยู่ 3 หน่วย คือ กองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองกำลังจันทบุรี-ตราด ซึ่งมีรายงานมาถึงกระทรวงการต่างประเทศ ว่ามีการรุกล้ำของชาวบ้าน และทหารกัมพูชาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อเปิดเผยว่า ตำบลและหมู่บ้านใดตลอดแนวชายแดน จะสุ่มเสี่ยงในการสูญเสียแก่ทางกัมพูชา หากมีการอ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน พร้อม MOU 2543 ซึ่งขณะนี้เราได้แผนที่ทั้ง 6 ระวางมาแล้ว รวมทั้งยังมีข้อมูลระบุชัดว่า ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีแหล่งแร่ทองคำ และพันธ์พืชหายากเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากนายกฯ ยังยืนยันที่จะใช้ MOU 2543 อยู่ ก็จะทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดน และทรัพยากรอีกมหาศาล
ดังนั้นจึงอยากฝากถามนายกฯว่า จะนำดินแดนเหล่านี้กลับคืนมาอย่างไร เพราะตอนที่นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็บอกเองว่าพื้นที่ต่างๆเหล่านี้เป็นของไทย
** ช่วย"วีระ"ได้หรือไม่ตอบยาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวีระ สมความคิด ได้เซ็นต์ยินยอมขอพระราชทานอภัยโทษต่อกษํตริย์กัมพูชาแล้วว่า ตอนนี้ได้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องประสานงาน ซึ่งเราพยายามหาทางช่วยเหลือทุกทาง ส่วนจะเร็วหรือไม่ ตอบยากว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ตอนนี้ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น อาจยังไม่ถึงกับปกติ แต่เราจะพยายามพูดคุย และพยายามชี้ให้เห็นว่า กรณีอย่างนี้ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้ง และอยากให้เข้าใจความรู้สึกของคนไทย
** "เทือก"อ้อนฮุนเซนสงสาร"วีระ"เถอะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด ที่ขณะนี้ป่วยหนักอยู่ในคุกกัมพูชาว่า รัฐบาลก็พยายามที่จะพูดจากัน ตนยังเชื่อว่า ฮุนเซน ผู้นำของกัมพูชา สมควรที่จะมีความเข้าอกเข้าใจ เห็นอกเห็นใจคนไทยที่กำลังเดือดร้อนอยู่
เมื่อถามว่าในเบื้องต้นจะขอให้มีการรักษาเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทางสถานทูตทำอยู่แล้ว แต่ถ้าจะขอตัวออกมารักษานอกเรือนจำได้หรือไม่นั้น ตนจะลองหารือดูว่ากฎเกณฑ์ของกัมพูชา เขาอนุญาตได้ขนาดไหน อย่างไร
เมื่อถามว่า การยื่นขออภัยโทษต่อทางกัมพูชานั้น จะยื่นหรือไม่อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ให้ทางฝ่ายเขาพูดเอง เพราะว่าเดี๋ยวบางกลุ่มบางฝ่าย ก็เอามาเป็นประเด็นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ บอกว่าถ้านายวีระ เป็นอะไรไป รัฐบาลต้องรับผิดชอบ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปทะเลาะกับพันธมิตรฯมากไปกว่านี้แล้ว เท่านี้ก็เต็มทีแล้ว
**ส.ว.วอนรัฐบาลช่วย "วีระ-ราตรี"
ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายสาย กังกะเวคิน ส.ว.ระยอง ได้หารือ กรณีที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ปล่อยให้ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกจับไปดำเนินคดีในศาลกัมพูชา ทั้งที่บริเวณที่ถูกจับ ยังมีข้อโต้เถียงว่าเป็นดินแดนของไทย หรือกัมพูชากันแน่ และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนแต่ได้มีข้อตกลงว่า หากเกิดการจับกุม ให้ใช้การเจรจาแทน แต่ฝ่ายไทยได้ปล่อยให้จับตัว 7 คนไทย และถูกศาลกัมพูชาลงโทษ โดยนายวีระ และน.ส. ราตรี ยังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำจนถึงขณะนี้ กระบวนการดังกล่าวถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงให้ราชอาณาจักรไทยสูญเสียอาณาเขต ตกไปเป็นของกัมพูชา รวมถึงอาจะทำเอกราชทางศาลของไทย เสื่อมเสียไป เพื่อเป็นการบรรเทาผลร้ายนี้ รัฐบาลไทยควรประท้วงรัฐบาลกัมพูชาอย่างจริงจัง และให้ความช่วยเหลือนายวีระ และน.ส.ราตรี อย่างจริงจัง เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้เล่นการเมือง แต่ทำไปด้วยความรักชาติ รักอธิปไตยของไทย
นายสาย กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหาร พื้นที่ดังกล่าวได้มีพระรากฤษฏีกาในสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยยังไม่มีการยกเลิกโดยนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย แต่ช่วงที่ผ่านมากัมพูชาได้ส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะบริเวณภูมะเขือ และวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ นายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กลับไม่ดำเนินการอะไร ทำให้เกิดความเสี่ยงให้เอกราชาอาณาเขตไทยตกเป็นของกัมพูชา รัฐบาลจึงควรดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้ได้ดินแดนของไทยกลับมาโดยเร็ว ที่สุด
**ชายแดนตะวันออกตึงเครียด
นอกจากนี้ พ.ต.อ.พายับ ทองชื่น ส.ว.สระแก้ว ยังหารือในเรื่องดังกล่าวว่า ปัจจุบันความหวาดระแวงของประชาชนบริเวณชายแดนตะวันออก ยังคงมีอยู่ แม้ชายแดนบริเวณปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ จะมีการหยุดยิงไปแล้ว แต่ ชายแดนตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ยังมีความกังวล เนื่องจากกำลังทหารทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้กำชับและมีนโยบายเร่งด่วน อย่าให้ทั้งสองฝ่ายใช้กำลังต่อกัน โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดนถาวร ที่เป็นเขตการค้าชายแดน ซึ่งมีความสำคัญทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยว
**รัฐบาลยังท่องแต่คำว่า"ทวิภาคี"
ต่อมา ในช่วงการพิจารณากระทู้ถาม นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่อง การบริหารราชการแผ่นดินของรมว.ต่างประเทศ อันเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ โดยถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ท่าทีของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ไปพูดในที่ต่างๆ คนทั่วไปมองว่า กระด้าง ไม่ดีต่อการทูตเท่าที่ควร หลายเวทีสร้างศัตรูเพิ่มด้วย เช่น ไปกล่าวถึง รัสเซีย อินเดีย จีน ทั้งที่ไม่ควรกล่าว
ดังนั้นปัญหาจะจบอย่างไร ถ้ายังมีการใช้วาทะ อารมณ์ แก้ปัญหาเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะกรณีกัมพูชาที่เป็นประเทศติดกัน
นอกจากนี้ ตอนนี้กัมพูชาก็ประกาศยอมรับการสังเกตการณ์ และให้คำมั่นกับอาเซียนแล้ว กรณีพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชา แต่ไทยยังช้าอยู่ กระทรวงกลาโหม บอกยังไม่ได้รับเรื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ นายกฯ ก็บอกว่า ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ซึ่งเมื่อการประชุมล่าช้า ก็เกิดความเสียหาย
ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้มาชี้แจงแทน กล่าวว่า ตนได้คุยกับนายกฯ และนายกษิต ก่อนมาตอบกระทู้ ยืนยันว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศ โดยเคารพกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ มีวุฒิภาวะและเป็นกลาง ไม่โอเอียงไปตามกระแสเรียกร้องต่างๆ และทำแบบนี้มาโดยตลอด กรณีกัมพูชาก็ดำเนินการทวิภาคี ไม่เห็นด้วยกับให้เรื่องขึ้นเวทีนานาชาติ ซึ่งในการประชุมอาเซียน ก็มีความเห็นเช่นนี้ โดยอาเซียนจะเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น เวลาที่ตน นายกฯและนายกษิต ไปต่างประเทศ ก็พยายามชี้แจงจุดยืนแบบนี้ ก็เรียบร้อยดี
ส่วนที่นายกษิตไปพูดเรื่องรัสเซีย อินเดีย จีน ตนถามนายกษิตแล้ว ตอนนั้นเป็นคราวประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีนักข่าว แต่เมื่อกรรมาธิการถาม นายกษิต ก็วิเคราะห์ให้ฟัง นายกษิตไม่ได้นักการเมือง เป็นนักวิชาการ ถามมาก็ตอบซื่อๆ แต่ความลับก็ออกไปหมด ในประเทศไทยต้องตั้งการ์ด แต่เมื่อเดินทางไปพบประเทศดังกล่าวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะแจ้งต่อนายกฯและนายกษิต ให้ทราบ
**เขมรสร้างกระเช้าขึ้นปราสาทปี 52
ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า กระเช้ารางเลื่อนขึ้นปราสาทควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตามที่นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้นำคลิปวีดิโอภาพการก่อสร้างกระเช้าขึ้นปราสาทตาควาย ของกัมพูชามาแถลงนั้น ทางฝ่ายกัมพูชามีการก่อสร้างขึ้นจริง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทราบข้อมูลการก่อสร้างดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 52
"บริเวณหน้าผาที่มีการสร้างกระเช้า อยู่ห่างจากตัวปราสาทตาควายไปประมาณ 400-500 เมตร ซึ่งไม่ได้สร้างอยู่ใกล้ และเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควายแต่อย่างใด แต่ไม่ทราบจุดประสงค์ที่แน่ชัดว่า กัมพูชาสร้างกระเช้าดังกล่าวขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ใด"
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยว รวมถึงสื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากเหตุการณ์ความตึงเครียดเพิ่งคลี่คลาย จากกรณีเหตุปะทะ ด้าน จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดือนก.พ. และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ซึ่งต้องใช้เวลารอให้สถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆระหว่างประเทศสงบลงมากไปกว่านี้เสียก่อนจึงจะอนุญาต และนำเข้าชมได้ ซึ่งจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อน หากต้องการเข้าไปเที่ยวชม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในหุบเขา และป่าลึกและยังไม่ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างชัดเจน เนื่องจากยังคงมีทหารกัมพูชาและทหารไทย ลาดตระเวนเข้ามาในพื้นที่ปราสาทอยู่