ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกฯ บี้ดีเอสไอสอบไอ้โม่งกักตุน ปัดนำเข้าปาล์มเพิ่ม 2 หมื่นตัน พร้อมนัดถกวงบอร์ดปาล์มแห่งชาติ 8 มี.ค. ด้านกรมการค้าภายในตรวจสตอกถั่วเหลืองก่อนชี้ขาดให้ปรับราคาขึ้นหรือไม่
ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท .11 ) เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงกรณี่กระทรวงพาณิชย์จะขออนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 2 หมื่นตัน ว่า คงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะจากที่ได้ไปดูมาวันที่ 26 ก.พ.และจากการพูดคุยช่วงแรกที่เอามาบรรจุแล้วมีฝาสีชมพูแล้วเป็นในประเทศ ส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศอีก 3 หมื่นตันนั้นจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 3 มี.ค.และแนวโน้มราคาเป็นขาลงนำมันจึงออกสู่ตลาดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่คิดและดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จะมีไปถึงกลางเดือนมี.ค.ในการประชุมวันที่ 8 มี.ค.จะมีการพิจารณากันอีกครั้งหนึ่งว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เราจะตัดสินใจอีกว่าจำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อัตราการชดเชยให้กับเอกชนได้ลดลงจากที่ได้มีการประชุมกันในวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านาเนื่องจากราคาปาล์มลดลง ภาระงบประมาณก็จะน้อยกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติสามารถที่จะตัดสินใจนำเข้าปาล์มดิบได้โดยไม่ต้องขอนุมัติคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับมติครม.ที่ผ่านมาครม.มอบอำนาจ แต่จะมีการรายงานเพื่อทราบ ในวันที่ 8 มี.ค.จะดูอีกทีว่าราคา และปริมาณช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไร
ต่อคำถาม เดิมได้มีการกำหนดนำเข้าไว้ 1.2 แสนตันยังจำเป็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้เรื่องปริมาณขณะนี้ยังเร่งผลิตออกมาตามปกติเพียงแต่อัตราชดเชยให้เอกชนลดลง ส่วนสถานการณ์พอถึงกลางเดือนมี.ค.ต้องมาดูและตัดสินใจในวันที่ 8 มี.ค. เมื่อถามย้ำว่า คณะกรรม การนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติบอกว่า 1.2 แสนตันที่จะนำเข้าแนวโน้มต้องชะลอไว้ก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปบอกว่าชะลอ เพราะจะเกิดความสับสน อย่าไปทำให้เกิดความสับสน เพราะเราเร่งนำเข้ามาเพื่อให้มีความเพียงพอในตลาด แต่ถ้ามีเพียงพอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าเต็มจำนวน และอย่าเพิ่งไปพูดว่าเบรกหรือชะลอไว้เพราะคนจะสับสน ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าผลิตให้พอสำหรับการใช้ของประชาชน ราคาที่ผู้บริโภคใช้ยังเท่าเดิมการชดเชยก็ชดเชยกันไป
เมื่อถามว่า นโยบายเรื่องน้ำมันปาล์มถึงไม่มีความไม่แน่นอน นาอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุที่ไม่แน่นอนเพราะภาวะตลาดไม่แน่นอน โดยเราจะต้องดูราคาต้นทุนต่างๆและปริมาณเป็นอย่างไร การผลิตที่คิดว่าจะเต็มจำนวนตามปกติในขณะนี้ที่จะนำไปขายในกรุงเทพฯที่จะเริ่มในวันนี้พรุ่งนี้ ต่างจังหวัดจะตามมาอีก 2 - 3 วัน และสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการซื้อในแต่ละคน โดยเฉพาะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็อยากซื้อไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งซื้อเก็บเผื่อไว้เพราะไม่มีความมั่นใจ
ต่อข้อถามว่า มองเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ไปตรวจสอบโรงงานแล้วว่าไม่พบความผิดปกติแต่พบว่ามีความขาดแคลนเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ แต่เมื่อรัฐมีมาตรการออกมากลับมีน้ำมันออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าแม้ว่าได้มีการดำเนินกรไปแล้ว และจากที่ตนไปตรวจสอบตามห้างและตลาดพบว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะปริมาณที่ออกไปสู่จุดต่างๆเมื่อไปถึงประชาชนก็ซื้อหมดทันที สภาพจริงๆต้องยอมตามหลักเศรษฐศาสตร์ง่ายว่า ก่อนหน้านี้มี 2 ปัญหาคือต้นทุนสูงกว่าราคาที่ขาย ดังนั้นก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะผลิตออกมา และอีกอย่างเราคุมเฉพาะในส่วนของขวดไม่ได้คุมส่วนอื่นที่เป็นระบบที่ทำกันมานานทำให้เกิดการยักย้ายถ่ายเท เพราะคนจะไปซื้อของที่ถูกกว่าและไปใช้ในสิ่งปกติที่ซื้อแพง ขณะนี้เราพยายามแก้ปัญหาตรงนี้ให้กลับมาสู่ความสมดุลตามปกติ การตรวจสอบของดีเอสไอต้องทำต่อ
ส่วนนายกฯยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีใครได้ผลประโยชน์จากปัญหาน้ำมันปาล์ม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีเอสไอจะต้องไปสอบ แต่ที่รายงานเบื้องต้นมาให้ตนทราบนั้น การที่ไปพบน้ำมันในโรงกลั่นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการยืม หรือนำไปใช้ด้านพลังงานยังไม่พบสิ่งผิดปกติ อีกทั้งก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใครได้ประโยชน์หรือไม่ต้องสอบกันต่อ ส่วนที่มีการไปกว้านซื้อเพื่อไปผลิตไบโอดีเซลนั้ก็ต้องสอบด้วย ขณะนี้สิ่งที่เราทำไปแล้ว 2 อย่างคือ ไบโอดีเซลบี 3 ลดมาเป็นบี 2 ที่จะต้องทำไปถึงสิ้นเดือนมี.ค.และเรื่องการนำน้ำมันในสต็อกของกระทรวงพลังงานยินดีที่จะให้มาใช้ผลิตน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคตรงนี้ก่อน.
***พาณิชย์เบรกน้ำมันถั่วเหลือง
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่าได้รับเรื่องการขอปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองแล้ว โดยเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อกทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาในเรื่องของปริมาณและราคาอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรณีของน้ำมันปาล์ม
ทั้งนี้ สมาคมน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจะขอให้กรมการค้าภายในพิจารณาปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลือง จากราคาควบคุมบรรจุขวด ขนาด 1 ลิตร ลิตร ละ 46 บาท เนื่องจากราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับขึ้นมาต่อเนื่องจากตันละ 900 ดอลลาร์สหรัฐฯในไตรมาส 3 ของปี 2553 เป็น 1,500 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ผู้ผลิต 4 ราย จากทั้งหมด 10 ราย ไม่สามารถผลิตน้ำมันถั่วเหลืองออกสู่ตลาดได้.
ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท .11 ) เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงกรณี่กระทรวงพาณิชย์จะขออนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 2 หมื่นตัน ว่า คงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะจากที่ได้ไปดูมาวันที่ 26 ก.พ.และจากการพูดคุยช่วงแรกที่เอามาบรรจุแล้วมีฝาสีชมพูแล้วเป็นในประเทศ ส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศอีก 3 หมื่นตันนั้นจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 3 มี.ค.และแนวโน้มราคาเป็นขาลงนำมันจึงออกสู่ตลาดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่คิดและดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จะมีไปถึงกลางเดือนมี.ค.ในการประชุมวันที่ 8 มี.ค.จะมีการพิจารณากันอีกครั้งหนึ่งว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เราจะตัดสินใจอีกว่าจำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อัตราการชดเชยให้กับเอกชนได้ลดลงจากที่ได้มีการประชุมกันในวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านาเนื่องจากราคาปาล์มลดลง ภาระงบประมาณก็จะน้อยกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติสามารถที่จะตัดสินใจนำเข้าปาล์มดิบได้โดยไม่ต้องขอนุมัติคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับมติครม.ที่ผ่านมาครม.มอบอำนาจ แต่จะมีการรายงานเพื่อทราบ ในวันที่ 8 มี.ค.จะดูอีกทีว่าราคา และปริมาณช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไร
ต่อคำถาม เดิมได้มีการกำหนดนำเข้าไว้ 1.2 แสนตันยังจำเป็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้เรื่องปริมาณขณะนี้ยังเร่งผลิตออกมาตามปกติเพียงแต่อัตราชดเชยให้เอกชนลดลง ส่วนสถานการณ์พอถึงกลางเดือนมี.ค.ต้องมาดูและตัดสินใจในวันที่ 8 มี.ค. เมื่อถามย้ำว่า คณะกรรม การนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติบอกว่า 1.2 แสนตันที่จะนำเข้าแนวโน้มต้องชะลอไว้ก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่าไปบอกว่าชะลอ เพราะจะเกิดความสับสน อย่าไปทำให้เกิดความสับสน เพราะเราเร่งนำเข้ามาเพื่อให้มีความเพียงพอในตลาด แต่ถ้ามีเพียงพอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องนำเข้าเต็มจำนวน และอย่าเพิ่งไปพูดว่าเบรกหรือชะลอไว้เพราะคนจะสับสน ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าผลิตให้พอสำหรับการใช้ของประชาชน ราคาที่ผู้บริโภคใช้ยังเท่าเดิมการชดเชยก็ชดเชยกันไป
เมื่อถามว่า นโยบายเรื่องน้ำมันปาล์มถึงไม่มีความไม่แน่นอน นาอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุที่ไม่แน่นอนเพราะภาวะตลาดไม่แน่นอน โดยเราจะต้องดูราคาต้นทุนต่างๆและปริมาณเป็นอย่างไร การผลิตที่คิดว่าจะเต็มจำนวนตามปกติในขณะนี้ที่จะนำไปขายในกรุงเทพฯที่จะเริ่มในวันนี้พรุ่งนี้ ต่างจังหวัดจะตามมาอีก 2 - 3 วัน และสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการซื้อในแต่ละคน โดยเฉพาะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็อยากซื้อไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งซื้อเก็บเผื่อไว้เพราะไม่มีความมั่นใจ
ต่อข้อถามว่า มองเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ไปตรวจสอบโรงงานแล้วว่าไม่พบความผิดปกติแต่พบว่ามีความขาดแคลนเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ แต่เมื่อรัฐมีมาตรการออกมากลับมีน้ำมันออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าแม้ว่าได้มีการดำเนินกรไปแล้ว และจากที่ตนไปตรวจสอบตามห้างและตลาดพบว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะปริมาณที่ออกไปสู่จุดต่างๆเมื่อไปถึงประชาชนก็ซื้อหมดทันที สภาพจริงๆต้องยอมตามหลักเศรษฐศาสตร์ง่ายว่า ก่อนหน้านี้มี 2 ปัญหาคือต้นทุนสูงกว่าราคาที่ขาย ดังนั้นก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะผลิตออกมา และอีกอย่างเราคุมเฉพาะในส่วนของขวดไม่ได้คุมส่วนอื่นที่เป็นระบบที่ทำกันมานานทำให้เกิดการยักย้ายถ่ายเท เพราะคนจะไปซื้อของที่ถูกกว่าและไปใช้ในสิ่งปกติที่ซื้อแพง ขณะนี้เราพยายามแก้ปัญหาตรงนี้ให้กลับมาสู่ความสมดุลตามปกติ การตรวจสอบของดีเอสไอต้องทำต่อ
ส่วนนายกฯยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีใครได้ผลประโยชน์จากปัญหาน้ำมันปาล์ม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีเอสไอจะต้องไปสอบ แต่ที่รายงานเบื้องต้นมาให้ตนทราบนั้น การที่ไปพบน้ำมันในโรงกลั่นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการยืม หรือนำไปใช้ด้านพลังงานยังไม่พบสิ่งผิดปกติ อีกทั้งก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใครได้ประโยชน์หรือไม่ต้องสอบกันต่อ ส่วนที่มีการไปกว้านซื้อเพื่อไปผลิตไบโอดีเซลนั้ก็ต้องสอบด้วย ขณะนี้สิ่งที่เราทำไปแล้ว 2 อย่างคือ ไบโอดีเซลบี 3 ลดมาเป็นบี 2 ที่จะต้องทำไปถึงสิ้นเดือนมี.ค.และเรื่องการนำน้ำมันในสต็อกของกระทรวงพลังงานยินดีที่จะให้มาใช้ผลิตน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคตรงนี้ก่อน.
***พาณิชย์เบรกน้ำมันถั่วเหลือง
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่าได้รับเรื่องการขอปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองแล้ว โดยเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อกทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาในเรื่องของปริมาณและราคาอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับกรณีของน้ำมันปาล์ม
ทั้งนี้ สมาคมน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจะขอให้กรมการค้าภายในพิจารณาปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลือง จากราคาควบคุมบรรจุขวด ขนาด 1 ลิตร ลิตร ละ 46 บาท เนื่องจากราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับขึ้นมาต่อเนื่องจากตันละ 900 ดอลลาร์สหรัฐฯในไตรมาส 3 ของปี 2553 เป็น 1,500 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทำให้ผู้ผลิต 4 ราย จากทั้งหมด 10 ราย ไม่สามารถผลิตน้ำมันถั่วเหลืองออกสู่ตลาดได้.