ASTVผู้จัดการรายวัน - พรหม มีสวัสดิ์ คว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์รายการ ดิ โอเพ่นได้สำเร็จ หลังทำสกอร์รวมในการแข่งขันรอบคัดเลือกสุดท้ายโซนเอเชีย “อินเตอร์เนชันแนล ไฟนัล ควอลิฟายอิง-เอเชีย” ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี อยู่ที่ 12 อันเดอร์พาร์ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเมเจอร์เป็นครั้งแรกในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพ
การแข่งขันกอล์ฟรอบคัดเลือกสุดท้ายโซนเอเชีย “อินเตอร์เนชันแนล ไฟนัล ควอลิฟายอิง-เอเชีย” ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟเพียง 4 คนที่ทำสกอร์ดีที่สุดไปลุยศึกเมเจอร์ที่สามของปี "ดิ โอเพน" ครั้งที่ 140 ที่ สนามรอยัล เซนต์จอร์จ กอล์ฟ คลับ ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2554 ทำการแข่งขันวันสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน
โดยในวันแรก พรหม มีสวัสดิ์ โปรมือดีของไทยตามผู้นำอยู่สองสโตรก และในวันสุดท้าย "โลมามหาภัย" จากหัวหิน รักษามาตราฐานเกมการเล่นของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บเพิ่มได้อีก 8 เบอร์ดี และเสียไปเพียง 1 โบกี ทำสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 12 อันซึ่ง ผลงานของพรหม ในครั้งนี้ทำให้เขาเป็นโปรไทยอีกหนึ่งรายต่อจาก ถาวร วิรัตน์จันทร์ (2006) ธรรมนูญ ศรีโรจน์ (2005) ธงชัย ใจดี (2009 ) และ ประหยัด มากแสง (1999, 2008, 2009) ที่เคยเข้าร่วมทำการแข่งขันกอล์ฟรายการเเมเจอร์บนแผ่นดินยุโรป สำหรับโปรไทยวัย 26 ปีจากหัวหินรายนี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับเมเจอร์
ทั้งนี้พรหม ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกดีใจมากที่รักษามาตรฐานการเล่นของตนเองจนประสบความสำเร็จ และได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับเมเเจอร์เป็นครั้งแรกในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพ ช่วงสองวันที่ผ่านมาเป็นการเล่นที่ผมไม่มีความกดดันใดๆ และทุกชอตเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งหมดนี้คือผลที่ได้ฝึกซ้อมอย่างหนักกับโค้ช และคำแนะนำจาก นักจิตวิทยาประจำตัว ซึ่งผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้"
สำหรับผลงานที่ได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันดิ โอเพ่น ในครั้งนี้ของ พรหม มีสวัสดิ์นับเป็นการกลับมาอย่างยอดเยี่ยมสำหรับอดีตนักกอล์ฟสมัครเล่นดาวรุ่งที่ครั้งหนึ่งเคยคว้าแชมป์เวิลด์ อเมเจอร์ จูเนียร์ และ เคยติดอันดับท้อป 10 บนตารางทำเงินของเอเชียนทัวร์ ในปี 2006-2007 เมื่อก้าวมาประสบความสำเร็จอีกขั้นด้วยผลงานคัดเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มทำให้พรหม มุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานที่ดีที่สุดบนสนาม เซนต์ จอร์จให้ได้
"ช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา ผมทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพจิตใจ และ การปรับเปลี่ยนวงสวิง แต่ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกท้อถอยมากที่สุดผมได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างดีและการได้สิทธิลงสนาม ดิ โอเพ่นในครั้งนี้นับเป็นการกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งหนึ่ง และทำให้ผมมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะลงสนามเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุดเพราะนี่คือประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งกับการลงสนามแข่งขันรายการเมเจอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก"
ทั้งนี้นอกจาก พรหม มีสวัสดิ์ ในฐานะอันดับหนึ่งของการแข่งขันที่ได้สิทธิ์เข้าร่วม ดิ โอเพ่นประจำปี 2011 แล้วยังมีนักกอล์ฟอีกสามรายที่ได้สิทธิ์จากการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย อันได้แก่ เท็ตซึจิ ฮิรัตซึกะ ก้านเหล็กจากแดนอาทิตย์อุทัย, ลาม ชิห์ บิง สวิงชาวสิงคโปร์ และ เจสัน นัตซัน โปรชาวสหรัฐฯ ที่คว้าอันดับ 2-4 ตามลำดับ.
การแข่งขันกอล์ฟรอบคัดเลือกสุดท้ายโซนเอเชีย “อินเตอร์เนชันแนล ไฟนัล ควอลิฟายอิง-เอเชีย” ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี เพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟเพียง 4 คนที่ทำสกอร์ดีที่สุดไปลุยศึกเมเจอร์ที่สามของปี "ดิ โอเพน" ครั้งที่ 140 ที่ สนามรอยัล เซนต์จอร์จ กอล์ฟ คลับ ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2554 ทำการแข่งขันวันสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน
โดยในวันแรก พรหม มีสวัสดิ์ โปรมือดีของไทยตามผู้นำอยู่สองสโตรก และในวันสุดท้าย "โลมามหาภัย" จากหัวหิน รักษามาตราฐานเกมการเล่นของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บเพิ่มได้อีก 8 เบอร์ดี และเสียไปเพียง 1 โบกี ทำสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 12 อันซึ่ง ผลงานของพรหม ในครั้งนี้ทำให้เขาเป็นโปรไทยอีกหนึ่งรายต่อจาก ถาวร วิรัตน์จันทร์ (2006) ธรรมนูญ ศรีโรจน์ (2005) ธงชัย ใจดี (2009 ) และ ประหยัด มากแสง (1999, 2008, 2009) ที่เคยเข้าร่วมทำการแข่งขันกอล์ฟรายการเเมเจอร์บนแผ่นดินยุโรป สำหรับโปรไทยวัย 26 ปีจากหัวหินรายนี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับเมเจอร์
ทั้งนี้พรหม ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันว่า "ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกดีใจมากที่รักษามาตรฐานการเล่นของตนเองจนประสบความสำเร็จ และได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับเมเเจอร์เป็นครั้งแรกในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพ ช่วงสองวันที่ผ่านมาเป็นการเล่นที่ผมไม่มีความกดดันใดๆ และทุกชอตเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทั้งหมดนี้คือผลที่ได้ฝึกซ้อมอย่างหนักกับโค้ช และคำแนะนำจาก นักจิตวิทยาประจำตัว ซึ่งผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้"
สำหรับผลงานที่ได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันดิ โอเพ่น ในครั้งนี้ของ พรหม มีสวัสดิ์นับเป็นการกลับมาอย่างยอดเยี่ยมสำหรับอดีตนักกอล์ฟสมัครเล่นดาวรุ่งที่ครั้งหนึ่งเคยคว้าแชมป์เวิลด์ อเมเจอร์ จูเนียร์ และ เคยติดอันดับท้อป 10 บนตารางทำเงินของเอเชียนทัวร์ ในปี 2006-2007 เมื่อก้าวมาประสบความสำเร็จอีกขั้นด้วยผลงานคัดเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มทำให้พรหม มุ่งมั่นที่จะสร้างผลงานที่ดีที่สุดบนสนาม เซนต์ จอร์จให้ได้
"ช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา ผมทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพจิตใจ และ การปรับเปลี่ยนวงสวิง แต่ในช่วงเวลาที่เรารู้สึกท้อถอยมากที่สุดผมได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างดีและการได้สิทธิลงสนาม ดิ โอเพ่นในครั้งนี้นับเป็นการกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งหนึ่ง และทำให้ผมมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะลงสนามเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุดเพราะนี่คือประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งกับการลงสนามแข่งขันรายการเมเจอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก"
ทั้งนี้นอกจาก พรหม มีสวัสดิ์ ในฐานะอันดับหนึ่งของการแข่งขันที่ได้สิทธิ์เข้าร่วม ดิ โอเพ่นประจำปี 2011 แล้วยังมีนักกอล์ฟอีกสามรายที่ได้สิทธิ์จากการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย อันได้แก่ เท็ตซึจิ ฮิรัตซึกะ ก้านเหล็กจากแดนอาทิตย์อุทัย, ลาม ชิห์ บิง สวิงชาวสิงคโปร์ และ เจสัน นัตซัน โปรชาวสหรัฐฯ ที่คว้าอันดับ 2-4 ตามลำดับ.