ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.ว.ขอนแก่น ปูด 8 เดือนก่อน พ่อค้าหัวคะแนนนักการเมืองใหญ่ภาคใต้ ส่งออกน้ำมันปาล์มตุนที่ไซโลสิงคโปร์ ทำให้น้ำมันปาล์มในประเทศขาดแคลน รอเก็งกำไรสมประโยชน์เด็กนักการเมือง ลุ้นครม.วันนี้ เลือกตรึงน้ำมันปาล์ม 47 บาท หรือปล่อยผีขึ้นราคาอีกขวดละ 9 บาท เอกชนจับตาพาณิชย์แก้ปัญหาปาล์มน้ำเข้า 30,000 ตันล่าช้ามีการเล่นเกมส์ต่อรอง “เทพเทือก”โต้ไม่มีเรือลอยลำรอขาย
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน พิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำมันปาล์มใน 2 แนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนและมีราคาแพง โดยทางที่ 1 ให้มีการนำเข้าได้เสรี และห้ามส่งออกเป็นการชั่วคราว 3 เดือน เพื่อปรับปริมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์การขาดแคลนในประเทศ และทางที่ 2 ให้ปรับการนำเข้า 1.2 แสนตัน จากน้ำมันปาล์มดิบแยกไข เป็นน้ำมันปาล์มสำเร็จรูป และให้มีคณะกรรมการบริหารจัดการนำเข้าระดับชาติที่มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
สำหรับการกำหนดราคาขายปลีก ยืนยันที่จะให้มีการจำหน่ายในราคาขวดละ 47 บาทต่อไป แต่หากต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นกว่าเดิม รัฐจะต้องหางบประมาณมาชดเชยส่วนต่าง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค หรืออีกทางเลือกหนึ่ง รัฐไม่ต้องชดเชย แต่จะต้องอนุมัติให้มีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาต้นทุน ที่บวกต้นทุนการนำเข้า ส่วนราคาจะเป็นเท่าใดก็ให้พิจารณามา
***แลกประโยชน์!รัฐไม่อุ้มต้องขึ้นราคา9บาท
สำหรับแนวทางในการชดเชยการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน ที่ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 42 บาท มีการวิเคราะห์ออกมาว่า หากต้องการให้ราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 47 บาท จะต้องชดเชยกก.ละ 8.39 บาท หรือใช้เงินประมาณ 1,006 ล้านบาท แต่หากไม่ต้องการชดเชย ก็ต้องอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกเป็นขวดละ 56 บาท หรือปรับขึ้น 9 บาทซึ่งก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมในวันนี้
***นำข้าปาล์ม 30,000 ตันล่าช้ามีการเล่นเกมส์ต่อรอง
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม กล่าวถึงปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนขณะนี้ว่า มีความเกี่ยวโยงของนักการเมืองบางกลุ่ม โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด อคส.ถึงไม่นำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน ได้อนุมัติตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อเดือนมกราคม ที่บอร์ดได้อนุมัตินำเข้าปาล์ม 30,000 ตัน สามารถนำเข้ามาได้ทัน หรือเป็นเพราะกำลังต่อรองราคาอะไรกันอยู่ นอกจากนี้ การของบชดเชยราคาน้ำมันถึง 1 พันล้านบาทตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอนั้นยังขาดรายละเอียด ทำไมต้องใช้ถึงพันล้าน มีบางตัวเลขว่าแค่ 300 ล้านบาทก็ทำได้แล้ว
****น้ำมันปาล์มจุกฟ้าสินค้าควบคุม
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การนำน้ำมันปาล์มจุกฟ้าไปขายเองตามศาลากลาง เพื่อประโยชน์อะไร เพราะเป็นคนละกรณีกับการทำธงฟ้าราคาถูก เช่น กรณีสินค้าที่ไม่ได้ควบคุมราคา แต่มีราคาแพง ธงฟ้าจะนำสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ราคาถูกกว่า แต่น้ำมันปาล์มขวด เป็นสินค้าควบคุม ขายที่ไหนก็ต้องไม่เกินขวดละ 47 บาท ศาลากลางทั่วประเทศมีกี่แห่ง ร้านค้าเอกชน หรือโมเดิร์นเทรด รวมกันทุกสาขา ทุกบริษัท มีกว่า 5 พันแห่งทั่วประเทศ น้ำมันปาล์มขวดที่ผลิตออกมามีจำนวนแน่นอน ถ้าธงฟ้าเอาไปขายเองแล้ว เอาไปจากส่วนไหน ส่วนที่ควรวางอยู่ในชั้นวางในห้างใช่ไหม สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ทำให้เกิดความวิตก ทำให้มีการซื้อเพื่อกักตุน เป็นการสร้างความต้องการเทียมให้เกิดขึ้นในตลาด เพราะรู้สึกว่าไปหาซื้อในตลาดปกติไม่ได้
ทั้งนี้ปัญหาของน้ำมันปาล์มขวด คือ เรื่องส่วนต่างของราคาที่มากกว่า 30 บาทต่อขวด ระหว่างราคาควบคุมกับราคาในตลาดมืด แทนที่กรมการค้าภายในจะแก้ปัญหาที่ส่วนต่าง แต่กลับไปแก้ปัญหาเรื่องช่องทางจำหน่าย ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาตรงนั้น นอกจากนี้ การจัดคาราวานไปจำหน่าย ไม่มีมาตรการควบคุมการจัดจำหน่ายที่รัดกุมพอ ทำให้เกิดกองทัพมดมาเวียนเทียนซื้อไปขายในตลาดมืด ทั้งที่หากส่งเข้าโมเดิร์นเทรดหรือร้านสะดวกซื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะทำให้ขายได้ตามราคา และมีมาตรการควบคุมการซื้อที่รัดกุมกว่า รวมทั้งส่งผลต่อจิตวิทยาว่าสามารถหาซื้อได้ตามปกติแล้ว จะไม่สร้างดีมานด์เทียมด้วยการซื้อกักตุนเอาไว้
***แฉเด็กนักการเมืองภาคใต้ส่งออกปาล์มรอฟันกำไร
นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธุ์ ส.ว.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อ 8 เดือนก่อน มีพ่อค้าที่เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองใหญ่ทางใต้ ส่งออกน้ำมันปาล์มในราคาที่ถูกไปเก็บไซโลที่สิงคโปร์เป็นจำนวนมาก เพราะรู้ว่าภาวะฝนแล้งต่อเนื่อง จะทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลน เมื่อกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้น้ำมันปาล์มขึ้นราคา ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนที่น้ำมันปาล์มจะพอใช้ กลับมีการกักตุนเพื่อเก็งกำไรในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สมประโยชน์ของพ่อค้าหัวใสคนดังกล่าว ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จะพิจารณานำเข้าอีก 120,000 ตัน จึงอยากถามว่าสั่งซื้อจากใคร เกี่ยวข้องกับพ่อค้าคนดังกล่าวหรือไม่ แต่ในระยะเวลาดังกล่าวผลปาล์มของชาวไร่จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือน มี.ค.-พ.ค.ก็จะทำให้เกษตรกรที่ปลูกปาล์มเดือดร้อน เพราะขายไม่ได้ราคา และรัฐบาลต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร รัฐต้องทำลายอำนาจผูกขาดของพ่อค้าคนกลางที่ผูกพันกับนักการเมือง และต้องประกันพืชผลกรณีฝนแล้ง รวมถึงต้องส่งเสริมผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น นายกฯต้องเอาจริง ใครทำผิดต้องลงโทษ อย่าทำแบบลูบหน้าปะจมูก ใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเครื่องซักฟอก
***“เทือก”ตรึงราคาที่47บาท
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่นางพรทิวา เสนอให้มีการแทรกแซงราคาน้ำมันปาล์มไม่ให้เกินขวดละ 47 บาทนั้น ส่วนตัวถือว่าราคาน้ำมันปาล์มขวดละ 47 บาท ควรจะต้องเป็นราคาที่ยืนเอาไว้ เพราะพี่น้องประชาชนเพิ่งต้องรับภาระจากการปรับราคาขึ้นมาตั้งแต่ 38 บาทมาแล้ว ถ้าไปขึ้นราคาอีกก็เป็นการซ้ำเติมประชาชน
***ขู่ยกเลิกแต่สุดท้ายก็ยังนำเข้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางพรทิวายังระบุด้วยว่ามีเรือไปลอยลำอยู่ในน่านน้ำอ่าวไทย 5 ลำอยู่ก่อน เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการนำเข้า นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้ยืนยันมาว่ามีเรืออะไรลอยลำอยู่ที่ไหน และที่แน่นอนถ้าลอยลำอยู่จริงก็เตรียมขาดทุนได้ เพราะผมกำลังจะยกเลิกไม่ให้นำเข้า โดยผมคิดว่าต้องทบทวนกันใหม่ เพราะปลายเดือนนี้ผลผลิตปาล์มดิบก็เริ่มจะออกสู่ตลาดแล้ว ขืนไปยืนยันตัวเลขนำเข้า 1.2 แสนตันก็จะกระทบกับราคาปาล์มภายในประเทศ ดังนั้น ต้องทบทวนกัน
“ผมคิดว่าเนื่องมาจากปล่อยเวลาไปตั้ง 20 กว่าวัน ไม่ได้นำเข้า และผลผลิตของเราก็จะออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นที่เคยอนุมัติให้นำเข้า 1.2 แสนตันก็ต้องมาทบทวน อาจจะต้องเข้ามาทีละ 2 หมื่น หรือ 3 หมื่นตัน แล้วดูว่าผลผลิตปาล์มดิบออกมาทันหรือไม่ และคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันฯ กันถี่ขึ้นทุก 10 หรือ 15 วัน เพื่อมาประเมินกันคนที่กล่าวโม้ว่ามีเรือกี่ลำมารออยู่ก็ช่วยแจ้งเจ้าของเรือเหล่านั้นด้วยก็แล้วกัน และยืนยันว่าการให้ดีเอสไอมาตรวจสอบจะไม่เป็นการลูบหน้าปะจมูก ไม่ว่าจะแตะไปโดนพวกใครไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย โดนใครก็เอาเรื่องทั้งนั้น”
***แถน้ำขุ่นๆงาบปาล์ม พ. เด็จพี่ จ. จตุพร
ต่อข้อถามว่า ฝ่ายค้านอกมาเปิดเผยชื่อย่อนักการเมืองที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์การกักตุนน้ำมันปาล์ม ทั้ง “ส.-พ.” และ “อ.” นายสุเทพกล่าวว่า น่าเบื่อแล้ว พวกที่ออกมาพูดชื่อย่อ ไม่จริงสักคน
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯตั้งข้อสังเกตว่า การไปตรวจสอบบริษัทที่ได้รับโควตาน้ำมันปาล์มอย่างถูกต้องจะไม่ใช่การซุกซ่อนที่แท้จริง แต่อาจไปหลบซ่อนอยู่ที่คลังน้ำมันปาล์มแถว จ.สุราษฎรร์ธานี สมุทรสงคราม หรือสมุทรสาคร นายสุเทพกล่าวว่า ดี ขอให้บอกเบาะแสมาจะได้ให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อไปอีก
*** สิง!“ชวน”แนะหันกินอาหารนึ่งแทนทอด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤตน้ำมันปาล์ม ว่า อยากแนะนำให้หน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ให้คำแนะนำกับประชาชนต่อกรณีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค อาทิ จากเดิมที่รับประทานอาหารทอดเปลี่ยนมาเป็นอาหารต้มหรือนึ่ง ซึ่งตนมองว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย เพราะอาหารต้มหรืออาหารนึ่ง ไม่มีคอเรสเตอรอลสูง
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าปัญหาวิกฤตน้ำมันปาล์มมีนักการเมืองอักษร “ส.” มีส่วนทุจริตเรื่องสต๊อกน้ำมัน นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องประณาม และต้องเอาผิดทางกฎหมายนักการเมือง ที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์บความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อักษรย่อใดๆ ก็ตาม
ส่วนกรณีที่มีชื่อของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์ด้วย นายชวน กล่าวสั้นๆ ว่า “ให้ท่านไปจัดการเอง”
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน พิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำมันปาล์มใน 2 แนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนและมีราคาแพง โดยทางที่ 1 ให้มีการนำเข้าได้เสรี และห้ามส่งออกเป็นการชั่วคราว 3 เดือน เพื่อปรับปริมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์การขาดแคลนในประเทศ และทางที่ 2 ให้ปรับการนำเข้า 1.2 แสนตัน จากน้ำมันปาล์มดิบแยกไข เป็นน้ำมันปาล์มสำเร็จรูป และให้มีคณะกรรมการบริหารจัดการนำเข้าระดับชาติที่มีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
สำหรับการกำหนดราคาขายปลีก ยืนยันที่จะให้มีการจำหน่ายในราคาขวดละ 47 บาทต่อไป แต่หากต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นกว่าเดิม รัฐจะต้องหางบประมาณมาชดเชยส่วนต่าง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค หรืออีกทางเลือกหนึ่ง รัฐไม่ต้องชดเชย แต่จะต้องอนุมัติให้มีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาต้นทุน ที่บวกต้นทุนการนำเข้า ส่วนราคาจะเป็นเท่าใดก็ให้พิจารณามา
***แลกประโยชน์!รัฐไม่อุ้มต้องขึ้นราคา9บาท
สำหรับแนวทางในการชดเชยการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน ที่ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 42 บาท มีการวิเคราะห์ออกมาว่า หากต้องการให้ราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 47 บาท จะต้องชดเชยกก.ละ 8.39 บาท หรือใช้เงินประมาณ 1,006 ล้านบาท แต่หากไม่ต้องการชดเชย ก็ต้องอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกเป็นขวดละ 56 บาท หรือปรับขึ้น 9 บาทซึ่งก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมในวันนี้
***นำข้าปาล์ม 30,000 ตันล่าช้ามีการเล่นเกมส์ต่อรอง
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม กล่าวถึงปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนขณะนี้ว่า มีความเกี่ยวโยงของนักการเมืองบางกลุ่ม โดยตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด อคส.ถึงไม่นำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน ได้อนุมัติตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อเดือนมกราคม ที่บอร์ดได้อนุมัตินำเข้าปาล์ม 30,000 ตัน สามารถนำเข้ามาได้ทัน หรือเป็นเพราะกำลังต่อรองราคาอะไรกันอยู่ นอกจากนี้ การของบชดเชยราคาน้ำมันถึง 1 พันล้านบาทตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอนั้นยังขาดรายละเอียด ทำไมต้องใช้ถึงพันล้าน มีบางตัวเลขว่าแค่ 300 ล้านบาทก็ทำได้แล้ว
****น้ำมันปาล์มจุกฟ้าสินค้าควบคุม
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า การนำน้ำมันปาล์มจุกฟ้าไปขายเองตามศาลากลาง เพื่อประโยชน์อะไร เพราะเป็นคนละกรณีกับการทำธงฟ้าราคาถูก เช่น กรณีสินค้าที่ไม่ได้ควบคุมราคา แต่มีราคาแพง ธงฟ้าจะนำสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ราคาถูกกว่า แต่น้ำมันปาล์มขวด เป็นสินค้าควบคุม ขายที่ไหนก็ต้องไม่เกินขวดละ 47 บาท ศาลากลางทั่วประเทศมีกี่แห่ง ร้านค้าเอกชน หรือโมเดิร์นเทรด รวมกันทุกสาขา ทุกบริษัท มีกว่า 5 พันแห่งทั่วประเทศ น้ำมันปาล์มขวดที่ผลิตออกมามีจำนวนแน่นอน ถ้าธงฟ้าเอาไปขายเองแล้ว เอาไปจากส่วนไหน ส่วนที่ควรวางอยู่ในชั้นวางในห้างใช่ไหม สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ทำให้เกิดความวิตก ทำให้มีการซื้อเพื่อกักตุน เป็นการสร้างความต้องการเทียมให้เกิดขึ้นในตลาด เพราะรู้สึกว่าไปหาซื้อในตลาดปกติไม่ได้
ทั้งนี้ปัญหาของน้ำมันปาล์มขวด คือ เรื่องส่วนต่างของราคาที่มากกว่า 30 บาทต่อขวด ระหว่างราคาควบคุมกับราคาในตลาดมืด แทนที่กรมการค้าภายในจะแก้ปัญหาที่ส่วนต่าง แต่กลับไปแก้ปัญหาเรื่องช่องทางจำหน่าย ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาตรงนั้น นอกจากนี้ การจัดคาราวานไปจำหน่าย ไม่มีมาตรการควบคุมการจัดจำหน่ายที่รัดกุมพอ ทำให้เกิดกองทัพมดมาเวียนเทียนซื้อไปขายในตลาดมืด ทั้งที่หากส่งเข้าโมเดิร์นเทรดหรือร้านสะดวกซื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะทำให้ขายได้ตามราคา และมีมาตรการควบคุมการซื้อที่รัดกุมกว่า รวมทั้งส่งผลต่อจิตวิทยาว่าสามารถหาซื้อได้ตามปกติแล้ว จะไม่สร้างดีมานด์เทียมด้วยการซื้อกักตุนเอาไว้
***แฉเด็กนักการเมืองภาคใต้ส่งออกปาล์มรอฟันกำไร
นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธุ์ ส.ว.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อ 8 เดือนก่อน มีพ่อค้าที่เป็นหัวคะแนนของนักการเมืองใหญ่ทางใต้ ส่งออกน้ำมันปาล์มในราคาที่ถูกไปเก็บไซโลที่สิงคโปร์เป็นจำนวนมาก เพราะรู้ว่าภาวะฝนแล้งต่อเนื่อง จะทำให้น้ำมันปาล์มขาดแคลน เมื่อกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้น้ำมันปาล์มขึ้นราคา ทันทีที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนที่น้ำมันปาล์มจะพอใช้ กลับมีการกักตุนเพื่อเก็งกำไรในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้สมประโยชน์ของพ่อค้าหัวใสคนดังกล่าว ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จะพิจารณานำเข้าอีก 120,000 ตัน จึงอยากถามว่าสั่งซื้อจากใคร เกี่ยวข้องกับพ่อค้าคนดังกล่าวหรือไม่ แต่ในระยะเวลาดังกล่าวผลปาล์มของชาวไร่จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือน มี.ค.-พ.ค.ก็จะทำให้เกษตรกรที่ปลูกปาล์มเดือดร้อน เพราะขายไม่ได้ราคา และรัฐบาลต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร รัฐต้องทำลายอำนาจผูกขาดของพ่อค้าคนกลางที่ผูกพันกับนักการเมือง และต้องประกันพืชผลกรณีฝนแล้ง รวมถึงต้องส่งเสริมผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น นายกฯต้องเอาจริง ใครทำผิดต้องลงโทษ อย่าทำแบบลูบหน้าปะจมูก ใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเครื่องซักฟอก
***“เทือก”ตรึงราคาที่47บาท
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่นางพรทิวา เสนอให้มีการแทรกแซงราคาน้ำมันปาล์มไม่ให้เกินขวดละ 47 บาทนั้น ส่วนตัวถือว่าราคาน้ำมันปาล์มขวดละ 47 บาท ควรจะต้องเป็นราคาที่ยืนเอาไว้ เพราะพี่น้องประชาชนเพิ่งต้องรับภาระจากการปรับราคาขึ้นมาตั้งแต่ 38 บาทมาแล้ว ถ้าไปขึ้นราคาอีกก็เป็นการซ้ำเติมประชาชน
***ขู่ยกเลิกแต่สุดท้ายก็ยังนำเข้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางพรทิวายังระบุด้วยว่ามีเรือไปลอยลำอยู่ในน่านน้ำอ่าวไทย 5 ลำอยู่ก่อน เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการนำเข้า นายสุเทพกล่าวว่า ขอให้ยืนยันมาว่ามีเรืออะไรลอยลำอยู่ที่ไหน และที่แน่นอนถ้าลอยลำอยู่จริงก็เตรียมขาดทุนได้ เพราะผมกำลังจะยกเลิกไม่ให้นำเข้า โดยผมคิดว่าต้องทบทวนกันใหม่ เพราะปลายเดือนนี้ผลผลิตปาล์มดิบก็เริ่มจะออกสู่ตลาดแล้ว ขืนไปยืนยันตัวเลขนำเข้า 1.2 แสนตันก็จะกระทบกับราคาปาล์มภายในประเทศ ดังนั้น ต้องทบทวนกัน
“ผมคิดว่าเนื่องมาจากปล่อยเวลาไปตั้ง 20 กว่าวัน ไม่ได้นำเข้า และผลผลิตของเราก็จะออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นที่เคยอนุมัติให้นำเข้า 1.2 แสนตันก็ต้องมาทบทวน อาจจะต้องเข้ามาทีละ 2 หมื่น หรือ 3 หมื่นตัน แล้วดูว่าผลผลิตปาล์มดิบออกมาทันหรือไม่ และคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันฯ กันถี่ขึ้นทุก 10 หรือ 15 วัน เพื่อมาประเมินกันคนที่กล่าวโม้ว่ามีเรือกี่ลำมารออยู่ก็ช่วยแจ้งเจ้าของเรือเหล่านั้นด้วยก็แล้วกัน และยืนยันว่าการให้ดีเอสไอมาตรวจสอบจะไม่เป็นการลูบหน้าปะจมูก ไม่ว่าจะแตะไปโดนพวกใครไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย โดนใครก็เอาเรื่องทั้งนั้น”
***แถน้ำขุ่นๆงาบปาล์ม พ. เด็จพี่ จ. จตุพร
ต่อข้อถามว่า ฝ่ายค้านอกมาเปิดเผยชื่อย่อนักการเมืองที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์การกักตุนน้ำมันปาล์ม ทั้ง “ส.-พ.” และ “อ.” นายสุเทพกล่าวว่า น่าเบื่อแล้ว พวกที่ออกมาพูดชื่อย่อ ไม่จริงสักคน
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯตั้งข้อสังเกตว่า การไปตรวจสอบบริษัทที่ได้รับโควตาน้ำมันปาล์มอย่างถูกต้องจะไม่ใช่การซุกซ่อนที่แท้จริง แต่อาจไปหลบซ่อนอยู่ที่คลังน้ำมันปาล์มแถว จ.สุราษฎรร์ธานี สมุทรสงคราม หรือสมุทรสาคร นายสุเทพกล่าวว่า ดี ขอให้บอกเบาะแสมาจะได้ให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อไปอีก
*** สิง!“ชวน”แนะหันกินอาหารนึ่งแทนทอด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤตน้ำมันปาล์ม ว่า อยากแนะนำให้หน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ให้คำแนะนำกับประชาชนต่อกรณีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค อาทิ จากเดิมที่รับประทานอาหารทอดเปลี่ยนมาเป็นอาหารต้มหรือนึ่ง ซึ่งตนมองว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพด้วย เพราะอาหารต้มหรืออาหารนึ่ง ไม่มีคอเรสเตอรอลสูง
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าปัญหาวิกฤตน้ำมันปาล์มมีนักการเมืองอักษร “ส.” มีส่วนทุจริตเรื่องสต๊อกน้ำมัน นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องประณาม และต้องเอาผิดทางกฎหมายนักการเมือง ที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์บความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง อักษรย่อใดๆ ก็ตาม
ส่วนกรณีที่มีชื่อของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการหาผลประโยชน์ด้วย นายชวน กล่าวสั้นๆ ว่า “ให้ท่านไปจัดการเอง”