xs
xsm
sm
md
lg

เชือด “มรกต” สังเวยพิษน้ำมันปาล์ม “มาร์ค” โยน “ดีเอสไอ” สยบข่าวฉาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
“ดีเอสไอ” เร่งสนองใบสั่ง “เทือก” สยบข่าวขาใหญ่การเมืองเอี่ยวน้ำมันปาล์ม ประเดิมเชือด “มรกต” อายัด 1.4 พันตัน สังเวยปัญหากักตุน เพราะบริษัทแจงเป็นสต๊อกคืน เล็งฟันกักตุนผิดโควตา “เจ๊วา” เต้นผาง! พท. โยงตัวย่อ “ส.” และ “พ.” มีเอี่ยว ยันไม่ติดใจหาก “เทือก” เคาะให้เอกชนนำเข้าแทน แต่ต้องขายขวดละ 47 บาท เตรียมชง ครม.นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป “มาร์ค” โยนติ้ว “ดีเอสไอ” ลุยสอบข่าว นักการเมืองฉาวเอี่ยวผลประโยชน์ ยันไม่มีมวยล้ม มั่นใจทุกอย่างจบ อังคารนี้



พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบปัญหาน้ำมันปาล์ม ตามคำสั่งของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ โดยระบุว่า วานนี้ ดีเอสไอได้เข้าตรวจสอบเอกสารการผลิตน้ำมันปาล์มดิบแยกไขของบริษัท มรกตอินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นไปตามจำนวนโควตาที่ได้รับการจัดสรรจากองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากโรงงานดังกล่าว ได้รับการจัดสรรน้ำมันพืชนำเข้าจากมาเลเซียมากที่สุด จำนวน 5,000 ตัน จากทั้งหมด 30,000 ตัน

“ผลการตรวจสอบพบว่า ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 โรงงานแห่งนี้ได้รับการจัดสรรโควตาน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 5,000 ตัน เพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันชนิดบรรจุขวดได้ 3,800,000 ขวด ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบน้ำมันปาล์มดิบแยกไขถูกเก็บอยู่ในถังจำนวน 1,400 ตัน สามารถนำไปผลิตเป็นน้ำมันบรรจุขวดได้ 960,000 ขวด”

สำหรับน้ำมันปาล์มส่วนที่เหลือทางโรงงานชี้แจงว่า ในช่วงที่วัตถุดิบขาดแคลนกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้โรงงานนำน้ำมันในสต็อกออกมาผลิตและจัดจำหน่ายไปก่อน เมื่อได้โควต้าจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศมาเลเซีย ทางโรงงานจึงทดคืนน้ำมันปาล์มส่วนที่ผลิตไปให้ล่วงหน้า

โดยเบื้องต้น ดีเอสไอจะมีหนังสือขอให้กรมการค้าภายในอายัดน้ำมันจำนวน 1,400 ตัน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องว่า สามารถคืนน้ำมันให้โรงงานได้หรือไม่ เนื่องจากสัญญาการนำเข้าน้ำมัน 30,000 ตัน ระบุว่า โรงงานที่ได้รับการจัดสรรต้องนำไปผลิตน้ำมันจุกฟ้า เพื่อกระจายการจำหน่ายให้ทั่วถึง

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับบริษัท และยังไม่สรุปว่ามีความผิดเรื่องกักตุนสินค้าควบคุมจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องเอกสารหลักฐานและระเบียบกฎหมายจากกรมการค้าภายใน ซึ่งคาดว่า จะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้

“ดีเอสไอ ตั้งเอาไว้ 2 ประเด็น โดยจะต้องนำไปตรวจสอบในข้อกฎหมายก่อนว่า น้ำมันปาล์มที่ได้รับการจัดสรรตามโควตาของรัฐบาล นั้น จะสามารถนำไปทำดังเช่นที่ทางบริษัททำได้หรือไม่ และอีกประเด็นหนึ่ง คือ หากทางบริษัทนำน้ำมันปาล์มตามโควตาของรัฐบาลไปใช้ผลิตในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากที่ข้อตกลงที่มีกับรัฐบาล จะเป็นการถูกต้องหรือไม่”

โดยระหว่างนี้ ดีเอสไอจะตรวจสอบให้ครบทั้ง 10 โรงงาน ที่ได้รับการจัดสรรโควตา ซึ่งเดิมวางแผนที่จะเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 10 แห่ง แต่ติดขัดตรงที่ดีเอสไอไม่มีอำนาจตรวจค้น ต้องใช้อำนาจของเจ้าพนักงานพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.สินค้าและบริการ พ.ศ.2542 แต่เจ้าพนักงานของกระทรวงพาณิชย์ติดภารกิจอื่น ทำให้ส่งเจ้าพนักงานมาทำงานร่วมกับดีเอสไอได้เพียง 2 คน และยอมรับว่าการทำงานในช่วงนี้อาจยากลำบากเพราะต้องประสานให้โรงงานทราบล่วงหน้าว่าจะมีการเข้าตรวจสอบ

สำหรับโรงงานที่ได้รับการจัดสรรโควตาน้ำมัน 10 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท พืชปทุม จำนวน 6,000 ตัน บริษัท มรกต จำนวน 5,000 ตัน บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรม จำนวน 4,650 ตัน บริษัทล่ำสูง จำนวน 3,900 ตัน บริษัทโอลีน จำนวน 3,600 ตัน บริษัท ปาล์มออย จำนวน 1,950 ตัน บริษัท ปาล์มธรรมชาติ จำนวน 1,200 ตัน บริษัทสมบูรณ์น้ำมันพืช จำนวน 1,200 ตัน บริษัท เหล่าธงสิงห์ จำนวน 1,200 ตัน บริษัท ทีเอส จำนวน 1,200 ตัน

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอปรับเปลี่ยนมติของคณะกรรมการที่อนุญาตให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์มาผลิตเพื่อจำหน่าย โดยจะเสนอให้เปลี่ยนเป็นการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป หรืออาจเป็นการนำเข้าน้ำมันบรรจุขวดสำเร็จจากต่างประเทศเลย แต่ราคาจำหน่ายจะต้องไม่เกินขวดละ 47 บาท

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการฮั้วราคา กักตุน ตามที่มีข่าวอีก ซึ่งยืนยันว่า การพิจารณานำเข้าในขณะนี้ ก็เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคของประชาชนในประเทศ และไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นอกจากนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า ตนเองจะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาปาล์มทั้งระบบโดยจะมีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในระยะสั้นนั้น จะเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการชดเชยราคาส่วนต่างน้ำมันปาล์ม เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อน้ำมันปาล์มขวดในราคาที่ควบคุมขวดลิตรละ 47 บาท แม้ต้นทุนที่แท้จริงในการผลิตจะสูงกว่า โดยจะจูงใจให้ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตน้ำมันปาล์มมาจำหน่ายในราคาที่รัฐบาลควบคุม

ทั้งนี้ รัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาต้นทุนการผลิตที่แท้จริง กับราคาที่รัฐบาลกำหนด ในรูปแบบของการคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการแทน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาแบบเร่งด่วนในช่วงที่ปาล์มยังขาดแคลน จนถึงเดือนมีนาคม 2554 นี้

นางพรทิวา ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุว่า นักการเมืองอักษรย่อ ส. และ พ.ได้ประโยชน์จากการกักตุนน้ำมันปาล์ม โดยต้องการให้พรรค พท.ออกมาระบุให้ชัดเจนว่าเป็นใคร เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมันปาล์ม และไม่ชอบเล่นเกมการเมือง โดยกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ในการดูแลประชาชน และการที่ชะลอการนำเข้าปาล์มน้ำมันไว้ก่อนจนกว่าการนำเข้ารอบแรกจะกระจายหมด

รมว.พาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกยังมีราคาสูง ไม่ได้ต้องการดึงเวลาเพื่อหาประโยชน์ ซึ่งตนมีข้อมูลว่า ขณะนี้ได้มีเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มลอยลำอยู่ในทะเล จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและแก้ปัญหา ส่วนในเรื่องของปาล์มน้ำมัน จะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 นี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอ เข้าตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม แต่มีการประกาศให้โรงงานทราบก่อน ซึ่งจะส่งผลให้มีการขนย้ายก่อนหรือไม่นั้น เห็นว่าดีเอสไอต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มที่ โดยการทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนมีน้ำมันปาล์มใช้โดยเร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า มีนักการเมืองชื่อย่อ ส. กับ พ.เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เห็นว่าดีเอสไอก็ต้องตรวจสอบได้ทั้งหมดตามข้อเท็จจริงด้วย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และคาดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อยุติในวันอังคารนี้ พร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีมวยล้ม แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น