xs
xsm
sm
md
lg

“ณรัชต์” เร่งสนองใบสั่ง “เทือก” จัดทีม 20 คนลงพื้นที่ทันที-ลุยสอบน้ำมันปาล์ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดีเอสไอ” เร่งสนองใบสั่ง “เทือก” ลุยสอบน้ำมันปาล์ม จับมือกรมการค้าภายใน ตั้งทีม 20 คน ลงพื้นที่ลุยตรวจค้นทันที วันนี้ มุ่งประเด็นกักตุน ชี้ หากพบความผิดเชิงลึกพร้อมยกเป็นคดีพิเศษ และจะดำเนินการผู้ทำผิดทันที “มาร์ค” ตั้งธงให้ “ดีเอสไอ” พร้อมชี้เป้าลุยผู้กักตุน “เทพไท” ประกาศท้า “หญิงหน่อย” โชว์หลักฐาน คนใกล้ชิดนายกฯ เอี่ยวน้ำมันปาล์ม




พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนกรณีการกักตุนสินค้าประเภทน้ำมันพืช เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า ดีเอสไอ และกรมการค้าภายใน พร้อมเร่งดำเนินการตรวจสอบการกักตุนน้ำมันปาล์ม โดยจะเริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ภายในวันนี้ (19 ก.พ.) เพื่อตรวจเช็กว่า มีโรงงานใดดำเนินการเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่

โดยที่ประชุม วันนี้ ประกอบด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์, พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม สำหรับในนส่วนของกรมการค้าภายในมี นายอดุลย์ ยุววิทยาพานิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทางการค้า และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติที่เข้าร่วมประชุม

“วันนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในการตรวจสอบกรณีน้ำมันปาล์มขาดตลาด และมีราคาสูงขึ้น ตามคำสั่งจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูล และร่วมกันกำหนดแนวทางการสอบสวน และตรวจสอบคดีดังกล่าว”

ทั้งนี้ แนวทางการทำงานจะให้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน และทีมจากดีเอสไอ จำนวน 20 คน ทำงานโดยการเข้าไปตรวจสอบข้อมูล ทั้งที่มีอยู่ และข้อมูลในเชิงลึก จากโรงงานผู้ผลิตน้ำมันปาล์มที่ลงทะเบียนไว้กับกรม รวมถึงผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่

ส่วนโรงงาน 4 แห่งที่ได้รับจัดสรรโควตาน้ำมันปาล์มที่นำเข้ามาล็อตแรก 3 หมื่นตัน แต่ยังไม่มีการนำจำหน่ายออกสู่ตลาดนั้น จากรายงานข้อมูลเบื้องต้น ไม่พบเบาะแสการกักตุนสินค้า และทุกรายพร้อมให้ความร่วมมือ โดยชี้แจงว่า การไม่นำสินค้าออกสู่ตลาดเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกัน อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่อาจต้องเข้าไปตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเพิ่มขึ้น

“เราจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะต้องการให้ปัญหาได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน ซึ่งกลุ่มบุคคลใดที่มีพฤติกรรมกักตุนสินค้าอยู่ ก็ขอให้เลิก ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ เพราะจะทำงานแบบตรงไปตรงมา ถ้าพบผู้กระทำผิดไม่ว่าใคร หรือเป็นผู้มีอิทธิพล ก็จะดำเนินการทันที ซึ่งความคืบหน้าจะรายงานให้รองสุเทพฯ รับทราบ และได้แจ้งทางวาจาให้ รมว.พาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย) รับทราบด้วย”

ส่วนประเด็นที่ผู้ค้าน้ำมันปาล์ม (เทรดเดอร์) เข้าไปกว้านซื้อน้ำมันปาล์มในต่างประเทศ เพื่อปั่นราคาให้สูงขึ้นก่อนส่งขายให้รัฐบาลไทยปริมาณ 1.2 แสนตัน หากพบเป็นการกระทำของคนไทย หรือเป็นการนำเข้ามาในประเทศ ตามขอบข่ายอำนาจของดีเอสไอสามารถดำเนินการสืบสวนและเอาผิดได้

ทั้งนี้ การเข้ามาตรวจสอบกรณีน้ำมันปาล์มนี้หากพบข้อมูลในเชิงลึกเข้าข่ายความผิดพร้อมจะกำหนดให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อที่กฎหมายให้อำนาจตรวจสอบได้เพิ่มเติมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นต่อไป สำหรับกรอบการเป็นคดีพิเศษ เช่น กรณีที่เป็นผลกระทบต่อการค้าของประเทศ เป็นต้น

สำหรับเครื่องมือที่จะนำมาใช้ดำเนินการ จะใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เป็นเครื่องมือในการดำเนินการรวมถึงอำนาจหน้าที่ที่ดีเอสไอมีอยู่แล้วตามกฎหมาย โดยมาตราที่จะใช้ในการดำเนินการได้แก่ มาตรา 29 ว่าด้วยห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการขายสินค้าเกินราคา และมาตรา 30 ห้ามการตักตุน ประวิงหรือปฏิเสธการค้า โทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาปาล์มว่า ดีเอสไอต้องดูปัญหาการกักตุน ซึ่งจะเป็นคนละส่วนกับการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) นโยบายปาล์มแห่งชาติ ซึ่งวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธานบอร์ดน้ำมันปาล์ม และ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จะคุยกับกระทรวงพาณิชย์ว่าทำไมต้องรอการนำเข้าปาล์มหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้นำเข้าแล้ว 1.2 แสนตัน

“กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีเหตุผลที่อ้างว่า ยังไม่นำเข้าเพราะจะประเมินตลาดก่อน ถือว่าทำงานล่าช้า เพราะประชาชนเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุมัติมากขนาดนี้ ถือว่านโยบายจบแล้ว”

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาระบุว่า คนใกล้ชิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม ตนเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนใกล้ชิด ขอยืนยันว่า คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีทุกคน ไม่มีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมันปาล์ม และไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากมีหลักฐานอยากให้นำมาเปิดเผย หรือส่งให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายเทพไท ยังยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย และให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง แก้ไขปัญหาในลักษณะถึงลูกถึงคน โดยเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่ต้องได้รับการแก้ไข เพราะอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลในจุดใดจุดหนึ่ง นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและไม่สบายใจ ที่ประชาชนเข้าแถวซื้อน้ำมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น