xs
xsm
sm
md
lg

รบ.จ่าย 200 ล.ตรึงน้ำมันปาล์ม 47 บ.คงนำเข้า 1.2 แสนตัน-เตรียมเข็นจุกสีชมพู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เทือก” นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดปาล์มแห่งชาติ โยกสต๊อกสำรอง 1.5 หมื่นตัน เร่งผลิตแก้ปัญหาเร่งด่วน เคาะใช้งบ 200 ล้านบาท จ่ายชดเชยผู้ผลิต ตรึงราคาน้ำมันปาล์มไม่เกิน 47 บาทต่อลิตร พร้อมคงมาตรการนำเข้าปาล์มดิบ 1.2 แสนตัน แต่ให้นำเข้าล็อตแรกก่อน 3 หมื่นตัน ภายใน 15 วัน เตรียมเปลี่ยนสีฝาจุกขวดใหม่ “สีชมพู” เปิดขายไม่อั้น



นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดวันนี้ มีมติให้ยืมสต๊อกน้ำมันปาล์มจากโรงสกัดน้ำมันปาล์มภายในประเทศจำนวน 10,000 ตัน เพื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันบรรจุขวด ถุง ปี๊บ ขายให้กับประชาชนในราคา 47 บาทต่อลิตร โดยน้ำมันจำนวนดังกล่าว มาจากการที่กระทรวงพลังงาน ได้ปรับสูตรไบโอดีเซลจาก บี3 เป็น บี2 ทำให้มีผลผลิตส่วนนี้เหลือ 10,000 ตัน

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานจะให้ยืมน้ำมันปาล์มอีกจำนวน 5,000 ตัน เพื่อส่งมอบให้โรงกลั่นผลิตเป็นน้ำมันมันปาล์มขายในราคา 47 บาทต่อลิตร โดยน้ำมันปาล์มดิบรวมจำนวน 15,000 ตัน รัฐบาลจะเข้าไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ผลิตลิตรละ 9.50 บาท โดยรัฐบาลจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ชดเชยแก่ผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม เพื่อช่วยเหลือด้านต้นทุน ซึ่งจะทำให้มีน้ำมันปาล์มขวดออกสู่ท้องตลาดจำหน่าย

“ที่ประชุมได้ดูภาพรวมทั้งระบบ และได้มีมติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี คือต้องดูทุกภาคส่วน เกษตรกรต้องขายผลปาล์มดิบไม่ต่ำกว่า 7 บาทต่อกิโลกรัม และไม่เพิ่มภาระต่อผู้บริโภคนั่นคือ ราคาขายปลีกจะต้องไม่เกิน 47 บาทต่อลิตร ไม่ว่าจะเป็นบรรจุ ขวด ปี๊บ หรือ ถุง โดยยืนยันจะดูแลให้มีการจำหน่ายถึงมือประชาชนเพียงพอ ขอความร่วมมือไม่ต้องซื้อกักตุน”

รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ เป็นต้นไป จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม แน่นอน โดยประชาชนสามารถหาซื้อน้ำมันปาล์มในทุกรูปแบบทั้งแบบขวด ถุง และ ปี๊บ ได้ทุกที่ในราคาไม่เกิน 47 บาทต่อลิตร ซึ่งในช่วงแรกจะใช้จุกสีฟ้าเหมือนเดิมก่อน แต่ภายใน 3 วันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเปลี่ยนจุกเป็นสีชมพู เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดูแลการนำเข้าเพื่อไม่ให้มีผลกระทบผลผลิตและราคาภายในประเทศ โดยล็อตแรกจะเปิดให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจำนวน 30,000 ตัน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่มีมติ โดยจัดสรรให้กับโรงกลั่น 10 แห่ง ที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงกลั่น เพื่อขายราคาในลิตรละ 47 บาทซึ่งส่วนนี้รัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างให้ผู้ผลิตลิตรละ 5 บาท

“วันนี้ประชาชนสามารถซื้อน้ำมันปาล์มโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งผู้ขายห้ามขายน้ำมันเกินราคาลิตรละ 47 บาท หากพบขายเกินราคาถูกดำเนินการทันที โดยกระทรวงพาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำโรงงาน มีน้ำมันปาล์มเท่าไหร่ ผลิตเท่าไหร่ ออกมาเท่าไหร่ ขายที่ไหนบ้าง ขณะนี้มีน้ำมันปาล์มจุกฟ้าอยู่ คาดภายใน 3 วัน ก็จะมีล็อตใหม่ออกมา”

นายสุเทพ กล่าวเสริมว่า บอร์ดปาล์มน้ำมันฯ จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและเรียกประชุมอีกครั้งวันที่ 8 มีนาคม 2554 นี้ หากผลผลิตมีพอก็จะหยุดการนำเข้า ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ผลผลิตปาล์มปีนี้ พบว่า เดือน มี.ค.จะมีผลผลิต 3.8 แสนตันปาล์มทะลาย หรือ 7 หมื่นตันปาล์มดิบ ส่วนเดือนเมษายน 2554 จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในส่วนของน้ำมันปาล์มที่ยืมจากโรงสกัดและนำเข้ารวมประมาณ 4.5 หมื่นตัน จะผลิตเป็นน้ำมันพืชลิตรละ 47 บาท โดยรัฐบาลจะชดเชยราคาให้ประชาชน ส่วนผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม จะให้ซื้อตามราคาตลาดที่ 50-60 บาทต่อลิตร

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการนำน้ำมันปาล์มจุกสีฟ้าที่คงเหลืออยู่อีก 5.8 ล้านขวด ออกกระจายสู่ประชาชนแบบไม่จำกัด ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ควรกักตุนน้ำมันปาล์ม โดยผู้ที่ทำการกักตุนถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดต่อกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

รมว.พาณิชย์ กล่าวยืนยันว่า ประชาชนสามารถซื้อน้ำมันปาล์มได้แน่นอน โดยไม่จำกัด อีก 3 วันข้างหน้า ก็จะมีน้ำมันปาล์มขวดล็อตใหม่ฝาจุกสีชมพูเข้มออกสู่ตลาดได้แน่นอน เพื่อง่ายต่อหาตรวจสอบ โดยน้ำมันปาล์มจาก 2 ส่วน ที่ให้มีการผลิตจะมีปริมาณรวม 4.5 หมื่นตัน คาดว่าจะผลิตเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคได้มากกว่า 30 ล้านขวด

รมว.พาณิชย์ ยังชี้แจงโครงสร้างต้นทุนปาล์ม โดยระบุว่า หากคำนวณจากผลปาล์มดิบปัจจุบันที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มที่จะถึงมือผู้บริโภคจะอยู่ที่ประมาณ 61.50-64.00 บาทต่อลิตร ดังนั้น หากจะตรึงราคาที่ 47 บาทต่อขวด รัฐบาลควรจะเข้ามาช่วยทุกภาคส่วน โดยควรกำหนดราคาประกันผลปาล์มที่ 6.50 บาทต่อกิโลกรัม และเข้าชดเชย 1 บาทต่อกิโลกรัม ต้องใช้เงินชดเชย 7,124 ล้านบาท และหากนำเข้าปาล์ม 120,000 ตัน ตามเป้าหมายเดิมแล้ว แต่จากราคาตลาดโลกสูงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น

ทั้งนี้ หากรัฐจะเห็นชอบขึ้นราคาขายเป็น 56 บาทต่อขวด รัฐก็ไม่ต้องหาเงินเข้ามาชดเชย แต่หากต้องการตรึงราคาที่เดิม 47 บาทต่อขวด รัฐต้องชดเชยนำเข้าประมาณ 8.39 บาท ใช้เงินอีก 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ไม่ได้เห็นด้วยกับมาตรการนี้แต่อย่างใด

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาเรื่องปาล์มน้ำมัน โดยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะได้แนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติโดยรวดเร็วและโปร่งใสที่สุด ส่วนการตรวจสอบทุจริตจะต้องเดินหน้าต่อไปตามที่ได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นต้องใช้เงินเข้าไปอุดหนุนราคาที่ 47 บาทต่อลิตร บางส่วน แต่ไม่ใช่ตัวเลขเป็นหลักพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินตัวเลขว่าจะใช้เท่าไร สำหรับเหตุผลที่ยังจำเป็นต้องสนับสนุนวงเงินเข้าไป คือ ต้นทุนของตัวน้ำมันปาล์มสูงกว่าราคาที่เรากำหนดให้จำหน่าย แต่คาดการณ์ว่าจะเป็นภาวะชั่วคราว เนื่องจากขณะนี้ดูจากแนวโน้มผลผลิตปาล์มมีปัญหาการขาดแคลนโดยธรรมชาติน่าจะจบลงได้ประมาณเดือนเมษายน 254

“มาตรการที่จะทำทั้งหมดเป็นมาตรการชั่วคราว หมดความจำเป็นเมื่อไรก็จะเลิก เป้าหมายแรกของเรา คือ การแก้ปัญหาความขาดแคลนให้จบ เราจะไม่เห็นภาพที่คนไปยืนต่อแถวกันเพื่อซื้อน้ำมันปาล์มอีก”

ต่อข้อถามว่า ในระดับนโยบายมีการทบทวนหรือไม่ว่า ความผิดพลาดเกิดจากจุดไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงมีการอนุมัติการนำเข้ามาโดยลำดับ จำนวน 120,000 ตัน ที่เป็นปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ตรงนี้ก็มีการตรวจสอบ ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาจากการประเมิน หรือความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน แต่ทั้งหมดต้องจบภายในวันนี้

“ผมมองว่า ในการบริหารจัดการ ถ้าเรานำเข้าปาล์มเข้ามาและมีปัญหา เราแก้ไขไปก็จะไม่รุนแรงเท่านี้ ช่องว่างที่เกิดขึ้นต้องเร่งแก้ไข”

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้จัดทำรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดการณ์ว่า จะมีผลปาล์มดิบออกมาตั้งแต่เดือนมีนาคม จนถึงสิ้นปี กว่า 7 ล้านตัน ผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพียงพอต่อความต้องการบริโภคที่ 750,000 ตัน และเพียงต่อการผลิตไบโอดีเซล รวมทั้งมีสตอกในดับปกติ 150,000 ตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น