xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุนเซน”กร้าวปัดอภัยโทษคุกยาว”วีระ-ราตรี”-40สว.จี้ปลดมทภ.2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-“ฮุนเซน” ประกาศกร้าว! ไม่อภัยโทษ “วีระ-ราตรี” ยกคดีจารกรรมข้อมูล ต้องถูกดำเนินตามกฎหมายรับโทษอย่างน้อย 2 ใน 3 ก่อนจะพิจารณานิรโทษ “แม่วีระ”" ถูก “มาร์ค” กล่อมไม่ยื่นขออุทธรณ์ต่อ แต่ขออภัยโทษแทน “นายกฯ-บัวแก้ว” ปฏิเสธกดดันแม่วีระ ขณะเดียวกัน “ฮุนเซน” เมาทุเรียน “ไตรรงค์” มั่ว 4 กลไกหยุดยิงถาวร เสนอไทยลงนามอาเซียนเป็นพยาน มุขเดิม!เล็งขอทหารอาเซียนไปประจำในฝั่งกัมพูชา ถ้าไทยไม่ยอมลงนาม “มาร์ค” ย้อนลงนามหยุดยิงถาวร ทั้งที่ยิงไทยไม่ได้ยิงก่อน ด้านกลุ่ม 40 ส.ว. จี้ปลดมทภ.2

วานนี้(17 ก.พ.) สื่อต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบกัมพูชา ถึงกรณีที่จะมีการขอพระราชทานอภัยโทษจากสมเด็จนโรดมสีหมุนี ให้นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ทั้ง 2 คนต้องโทษคดีจารกรรมข้อมูล ซึ่งจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ต้องได้รับโทษไปสักระยะหนึ่งก่อน อย่างน้อย 2 ใน 3 ส่วน ก่อนที่จะมีการพิจารณานิรโทษต่อไป
ทั้งนี้ นายวีระ และนางสาวราตรี ถูกศาลกัมพูชาตัดสินเมื่อวันที่ 1 ก.พ.54 ในข้อหาลักลอบเข้าเมือง และฐานจารกรรมข้อมูลทางทหาร มีโทษจำคุก 8 ปี และ 6 ปี ตามลำดับ

**แม่วีระออกแถลงการณ์ขออภัยโทษ

นายณฐพร โตประยูร ทนายความกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า ครอบครัวของนายวีระ และนางสาวราตรี ได้ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ผ่านทางครอบครัว เนื้อหา 1. กล่าวถึงการชุมนุมทั้ง2 กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกหมายเรียก 2. การปะทะกันระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา 3. ความยากลำบาก ต่อสู้คดีความ 4. การเข้าพบ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รมว.ต่างประเทศ รวมไปถึง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส. กทม. ปชป. เพื่อขอทราบและแลกเปลี่ยนแนวทางการให้ความช่วยเหลือ 5.การเข้าพบทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือคุณวีระของครอบครัว 6. แจ้งถึงสุขภาพของคุณแม่คุณราตรีที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และสุขภาพของคุณแม่คุณวีระ และ7. ความห่วงใยของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนและญาติ

ขณะที่แนวทางให้ทนายความชาวกัมพูชา ยื่นเรื่องขอไม่อุทธรณ์ โดยทางทนายจะดำเนินการให้เร็วที่สุด และครอบครัวออกหนังสือผ่านทางสถานทูตขอพระราชทานอภัยโทษ และสถานทูตจะได้ทำหนังสือดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้กระบวนการทุกอย่างเป็นเรื่องของมารดานายวีระและตัวของนายวีระ ดำเนินการเอง

**บัวแก้วปฏิเสธกดดันแม่วีระ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของนายวีระ และครอบครัว ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้กดดัน เพียงแต่ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เราได้เคารพการตัดสินใจของนายวีระและครอบครัว ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ จะต้องศึกษาข้อกฎหมายของกัมพูชาที่ระบุว่า ต้องรับโทษ 2 ใน 3 เสียก่อน ในเบื้องต้นทราบว่า สามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้เลย โดยกระทรวงการต่างประเทศพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

**มาร์คปัดบีบวีระ-ราตรีขออภัยโทษ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนี้รัฐบาลได้ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและหารือ ทั้งตัวทนายและญาติของทั้ง 2 คน เพราะขณะนี้ทั้ง 2 คนมีความเดือดร้อน และแนวทางการต่อสู้เป็นอย่างไร เบื้องต้นคือ เป็นเรื่องที่เจ้าตัว หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจะเป็นคนตัดสินใจ รัฐบาลไม่ไปบีบ รัฐบาลไม่ได้ไปทำอะไร แต่รัฐบาลพยายามที่ทำหน้าที่ประสานงานและจะช่วยเหลือให้ดีที่สุด
“ผมไม่เข้าใจว่าคนที่มากล่าวหารัฐบาลเกี่ยวกับ 2 คนไทยที่ถูกตัดสินจำคุกอยู่ที่กัมพูชา มีเจตนาอะไร ทำไมถึงนำเอาความเดือดร้อนของคนมาเล่นการเมือง” นายกฯ กล่าว

**อ้างเฉย!ปากท้องประชาชนก็สำคัญ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซึ่งเราให้ความสนใจและเอาใจ แต่ว่าขณะนี้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องปากท้องก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ และพยายามแก้ไขปัญหา ฉะนั้นตนเรียกร้องว่าถ้าเจตนาคือการปกป้องแผ่นดินก็มาคุยกัน มาสร้างความเป็นภาพและอย่าบั่นทอนการทำงานในการช่วยเหลือคนไทยและการปกป้องอธิปไตยในการเดินหน้าต่อไปในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลยังต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอาเซียน มรดกโลกและสหประชาชาติ

***“ฮุนเซน”ดึงอาเซียนเป็นพยานหยุดยิง

พร้อมกันนี้นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ได้เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบในกรุงพนมเปญ ว่า ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ กัมพูชาจะขอให้ไทย ลงนามข้อตกลงหยุดยิงถาวร โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศหรือประธานอาเซียน เป็นสักขีพยาน

ทั้งนี้ ได้ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ สำหรับการทำความตกลงหยุดยิง ได้แก่ 1. กัมพูชาและไทย เห็นพ้องยุติการสู้รบอย่างถาวร จะไม่มีการขัดกันด้วยอาวุธกันอีกต่อไป 2.ห้ามเคลื่อนย้ายกองกำลัง ให้ทั้งสองฝ่ายคงกองกำลังในจุดเดิม เพื่อรอการแสวงหาข้อยุติเกี่ยวกับการวัดและปักปันเขตแดน 3.กัมพูชาและไทย จะส่งเสริมให้ผู้บัญชาการกองทัพของสองประเทศ เปิดการเจรจาปรับปรุงความร่วมมือ เพื่อทำให้สถานการณ์กลับไปยังสภาพก่อนวันที่ 15 ก.ค.51 และข้อ 4 กัมพูชาจะขอให้ประเทศอาเซียนช่วยควบคุมการหยุดยิง เพื่อรับประกันว่าข้อตกลงหยุดยิงจะถูกปฏิบัติใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้นำกัมพูชา กล่าวว่า เชื่อว่า ไทยจะไม่เห็นด้วยกับข้อ 4 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กัมพูชาก็จะยอมให้กองกำลังจากชาติอาเซียน เข้าไปประจำในดินแดนของกัมพูชา เพื่อสังเกตการณ์และเป็นหลักประกันการหยุดยิง

เขากล่าวด้วยว่า ได้ส่งร่างข้อตกลงหยุดยิงที่ประกอบด้วย 4 ข้อเสนอดังกล่าว ไปให้กับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะของไทย ผ่านทางนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีที่ขณะนี้เดินทางมากัมพูชาเพื่อเปิดงานแสดงสินค้าไทยแล้ว พร้อมย้ำอีกครั้งว่า การเจรจาแบบหลายฝ่ายจะนำมาใช้เฉพาะกรณีพิพาทชายแดนเท่านั้น

โดยการประชุมทั้งหมดแม้แต่คณะกรรมาธิการร่วมปักปันเขตแดน หรือ เจซีบี จะต้องมีประธานอาเซียนหรือผู้แทนอาเซียนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ซึ่งไทยไม่ควรหวาดกลัวกับประเทศที่สาม แต่ในประเด็นอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกรณีพิพาทชายแดนและปราสาทพระวิหาร เช่น การค้า การท่องเที่ยว วัฒนธรรม จะกระทำแบบทวิภาคี

ยังเรียกร้องว่า ไทยกับกัมพูชาไม่ควรผลักดันสถานการณ์ไปสู่จุดเผชิญหน้ากันทุกภาคส่วน ควรจำกัดข้อพิพาทไม่ให้ลุกลามไปยังด้านอื่นๆ แต่ในเรื่องปราสาทเขาพระวิหารนั้น กัมพูชาไม่สามารถก้าวถอยหลังได้ นี่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของเรา ตนเพียงต้องการรักษาและปกป้องไว้ให้ลูกหลาน เราไม่ต้องการดินแดนของใคร กัมพูชายินดีต้อนรับผู้สังเกตการณ์ทุกรูปแบบจากอาเซียน ผู้สังเกตการณ์อาจเป็นพลเรือน เป็นทหาร หรือตำรวจ เป็นหมู่คณะจากอาเซียน หรือให้แต่ละประเทศส่งผู้สังเกตการณ์ไปยังพื้นที่พิพาทก็ย่อมได้

**บอกผ่าน“ไตรรงค์”พร้อมปฏิบัติ

วันเดียวกัน นายฮุนเซนได้หารือระหว่างนายไตรรงค์ และนายอลงกร์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ด้วยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งระหว่างการหารือสมเด็จฮุนเซน ได้กล่าวถึงปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า ไม่ต้องการให้ไทยและกัมพูชาขยายปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นออกไปอีก และต้องการที่จะแสวงหาหลักหมุดแนวชายแดนทั้งสองประเทศ รวมถึงต้องการให้สองฝ่ายปฏิบัติตามหลักคำแนะนำของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่ให้มีการหยุดยิงถาวร และให้เจรจาระดับทวิภาคี ซึ่งสมเด็จฮุนเซน ได้เสนอว่า ในการหารือทวิภาคีแต่ละครั้งอาเซียนควรเข้ามาเป็นสักขีพยานด้วย ซึ่งอาจจะเป็นประธานอาเซียนก็ได้

ขณะที่นายไตรรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ระวังคำพูด ในเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว แต่กลุ่มอื่นไม่สามารถที่จะห้ามได้ ส่วนในเรื่องการค้าการลงทุนทั้งสองฝ่าย ยังคงต้องการพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกันอีก และบอกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ทำให้การค้าการท่องเที่ยวชะลอตัวลง ส่วนใหญ่มาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และยังคงต้องการสานสัมพันธ์การค้าการลงทุนต่อไป

ในระหว่างหารือนายไตรรงค์ ได้นำทุเรียนซึ่งเป็นของโปรดของสมเด็จฮุนเซน มาฝากด้วย

**มาร์คซัดไทยไม่เคยเริ่มยิงก่อน

วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของฮุนเซนว่า “เราไม่ได้เป็นฝ่ายยิงก่อนอยู่แล้ว และขณะนี้ยังไกลเกินไปที่จะพูดถึงการไปเซ็นสัญญาหรือข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีใครไปยกร่างอะไรทั้งนั้น และไทยก็ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายที่ยิงก่อน แต่เราปฏิบัติเหมือนกับทุกประเทศที่เมื่อไหร่เราถูกยิงก่อน หรือถูกรุกรานเข้ามาเราก็ต้องตอบโต้ และสิทธิ์การปกป้องอธิปไตยของเราไม่มีใครมาบังคับเราได้

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องมีการทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลยว่ามันคืออะไร และเราก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเราไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่ม เพียงแต่ตอบโต้ในเวลาที่มีการปะทะกันเท่านั้น ส่วนการพิจารณาของอาเซียนก็ต้องไปรอฟังในวันที่ 22 ก.พ.

“ยืนยันว่ายังเป็นเรื่องของสองฝ่ายที่ต้องพูดคุยกันและไทยก็พร้อมที่จะเจรจา รวมทั้งยินดีรับฟังว่าอาเซียนอยากจะมาสนับสนุนในลักษณะใด เชื่อว่าอาเซียนคงจะไม่เข้ามาแทรกแซงในสิ่งที่สองฝ่ายจะคุยกัน และต้องการให้ประเทศสมาชิกอาเซียนไม่มีความขัดแย้งถึงขึ้นเกิดการปะทะ ใช้อาวุธหรือใช้ความรุนแรงต่อกัน”นายกฯ กล่าวและว่า“ เอาเป็นว่าสิ่งที่นายกฯฮุนเซนพูดในวันนี้ถือว่าเป็นการยอมรับแล้วว่าต้องหวนกลับมาในส่วนของเจบีซี ซึ่งเป็นทวิภาคีอ้างชัดเจน ส่วนจะทำอย่างไรให้สามารถบรรลุข้อตกลงในลักษณะที่ไม่นำไปสู่การปะทะก็ต้องมาคิดกัน

**ผบ.ทบ.ชี้เหตุเขมรไม่เลิกเกเร

เมื่อถามว่าพล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เตรียมเจรจาในระดับพื้นที่คิดว่าจะมีผลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของแนวปฏิบัติในพื้นที่ เมื่อถามว่าทำไมยังเกิดเหตุการปะทะในพื้นที่เป็นระยะๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้วิเคราะห์สถานการณ์ให้ตนทราบ และได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 ไปดำเนินการแล้ว แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เป็นเพียงการวิเคราะห์รายละเอียดและปัญหาในพื้นที่

เมื่อถามว่าทางกัมพูชายังไม่ยอมหยุดการขยายผลจึงยังมีการปะทะกันอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวเลี่ยงว่า ก็ไม่เชิง มันอาจเป็นผลพวงหรือผลกระทบจากก่อนหน้านี้ เพราะการปะทะกันไม่ใช่การใช้อาวุธหนัก

**ขอบเขตผู้แทนยูเนสโกยังไม่ชัด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานผลการชี้แจงต่อคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศ ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ถึงกรณีแนวทางแผนบริหารจัดการบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหารและการปะทะระหว่างบริเวณแนวชายแดนว่า เป็นการรายงานให้ทราบว่าได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารยูเนสโกและมรดกโลกหลายคนได้ชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริงต่างๆ และในภาพรวมขณะนี้ ความตื่นตัว และความเข้าใจในปัญหา โดยเฉพาะมุมมองของฝ่ายไทย ขณะนี้ความเข้าใจดีขึ้น อย่างไรก็ตามจะต้องทำงานต่อ เพราะต้องเดินสายชี้แจงต่อเนื่องไปยังบรรดากรรมการมรดกโลกที่มีอยู่หลายประเทศ

เมื่อถามว่า หลังสุดนายสุวิทย์ไปชี้แจงคิดว่าทางยูเนสโกยังจะส่งผู้แทนพิเศษเข้ามาตรวจสอบพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารอยู่อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ความคิดเรื่องการมีผู้แทนพิเศษ ยังเป็นความคิดที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าขอบเขตของการทำงานคืออะไร แต่หากจะมีกรณีนี้คงจะต้องฟังทั้งฝ่ายเรา และฝ่ายกัมพูชาด้วย

แต่ถ้ามาต้องการรับทราบข้อมูลเฉยๆ เราไม่มีปัญหา แต่เราไม่ต้องการให้ไปดำเนินการอะไรที่จะไปกระทบกับความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นอันตราย และตรงนี้ได้บอกับยูเนสโกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงที่เขาพยายามจะหาทางออกอยู่ว่า การเดินไปของตัวมรดกโลกอยากจะเดินอย่างไร
เมื่อถามว่า การเข้ามาในลักษณะพยานจะถูกมองว่า รับให้ประเทศที่สามเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ จะต้องมีความชัดเจนเหมือนปัญหาเรื่องผู้แทนพิเศษ ขอบเขตต้องชัด ถ้ามีประเทศที่สามจะอยู่ในฐานะอะไร ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงก็พูดถึงการพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาเซียนเองก็บอกว่า ตัวเนื้อหาสาระที่จะพูดกันเป็นเรื่องของสองฝ่าย หากฝ่ายหนึ่งไม่ยอมมาที่โต๊ะ เรียกร้องว่า ต้องมีอีกคน ให้มาที่โต๊ะก็คงไม่เป็นปัญหา แต่คนที่จะช่วยสนับสนุนให้มาคุยกันคงไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระของการเจรจา และในส่วนของไทยรับได้ถ้าประเทศที่สามจะเข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะที่ช่วยให้ 2 ฝ่ายคุยกัน

**ยกเหตุเขมรละเมิดไปถก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้ข้อมูลที่ทั้งไทยและกัมพูชาให้กับชาติอื่นๆ ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คิดว่าน้ำหนักไหนที่จะทำให้อาเซียนฟัง นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าอาเซียนจะไม่ลงลึกเรื่องของเนื้อหาสาระ สิ่งที่เขาต้องการคือทำอย่างไรประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกันไม่มีความขัดแย้งถึงขั้นเกิดการปะทะ หรือการใช้อาวุธความรุนแรงต่อกัน ฉะนั้นคิดว่า ความห่วงใยของอาเซียนมีเพียงเท่านี้ หากเขาจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ 2 ฝ่ายบรรลุเป้าหมาย ตรงนี้เขาก็ทำ ขอบเขตเขาอยู่ตรงนั้น

ถามว่า แม้จะมีการคุยกันมาในเวทียูเอ็นเอสซี แต่ทางกัมพูชาก็ยังละเมิด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่ควรจะมาพูดคุยกัน 2 ฝ่ายให้จบ เพราะจริงๆ ในระดับพื้นที่ก็ต้องมีการประสานงานกัน และในระดับของนโยบายก็จะพูดคุยกันได้ ส่วนกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 2 เตรียมที่จะไปเจรจาในพื้นที่นั้น ถือเป็นเรื่องแนวปฏิบัติในพื้นที่ สำหรับเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนที่ยังเกิดขึ้นอยู่นั้น ทางผู้บัญชาการทหารบกได้วิเคราะห์ให้ทราบแล้วถึงปัญหาในพื้นที่ และทางแม่ทัพไปดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่า ทางกัมพูชายังไม่ยอมหยุดที่จะขยายผลใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เชิง อาจเป็นผลพวง ผลกระทบที่ตามมาจากก่อนหน้านี้ เพราะลักษณะไม่ได้ใช้อาวุธหนักเป็นหลัก เป็นการปะทะ

ถามว่า การคุยกันจะต้องเป็นเฉพาะผู้นำใช่หรือไม่ เพราะท่าทีของสมเด็จฮุนเซน และนายฮอนำฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ต่างกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่สมเด็จฮุนเซนพูดวันนี้เป็นการยอมรับแล้วว่า ต้องหวนกลับมาในส่วนของเจบีซี อันนั้นมันทวิภาคีชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนจะทำอย่างไรให้สามารถบรรลุข้อตกลงในลักษณะที่จะนำไปสู่ไม่มีการปะทะอีก ตรงนั้นเป็นเรื่องที่ต้องมาคิดกัน เมื่อถามว่า ห่วงกันว่า ถ้ามีการลงนามหยุดยิงอาจเป็นการมัดมือไทย นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ไปไกลเกินไป ยังไม่มีใครไปยกร่างว่า จะเซ็นสัญญาอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่หลักการประเทศไทยยืนยันมาแต่ต้นว่า ไม่เป็นฝ่ายยิงก่อน ซึ่งเหมือนกับทุกประเทศ เมื่อใดที่ถูกรุกรานก็ต้องตอบโต้ สิทธิในการปกป้องอธิปไตย ไม่มีใครมาบังคับเราได้

**เทือกได้โอกาสจัดงบสร้างบังเกอร์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า ได้ปรึกษากับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สนับสนุนให้กองทัพบก เร่งให้ความปลอดภัยประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนทั้งหมดตลอดแนว โดยจะสร้างหลุมหลบภัยในหมู่บ้านต่างๆ ให้เพียงพอ และจัดเตรียมระบบในการเฝ้าระวัง และยังกำชับให้กำลังของกองทัพไทยสามารถที่จะเฝ้าระวัง โดยยึดหลักว่าไม่ต้องการขยายการปะทะออกไป แต่ต้องปกป้องอธิปไตย

**ให้เวลา “ฮุนเซน”ไตร่ตรอง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศกัมพูชา อยากให้อาเซียน ส่งกองกำลังเข้ามาอยู่ในพื้นที่เพื่อเป็นแนวป้องกันไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีประโยชน์ กองกำลังที่จะไปอยู่ระหว่างแนวทั้งหลายไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่สร้างความยุ่งยาก ลำบาก ให้กับชาติอื่นในอาเซียนด้วย เรา 2 ชาติ มีปัญหากันก็คุยกันตรงนี้ วันนี้หากยังใจร้อนอยู่ก็รอให้เย็นก่อนค่อยมาคุยกันก็ได้

ถามว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะคุยกับฮุนเซนหรือยัง เพื่อให้หยุดทุกอย่าง นายสุเทพ กล่าวว่า ให้เวลา ฮุนเซน ได้คิดไตร่ตรองหน่อยก็คงเข้าใจ เมื่อได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้วก็จะเห็นว่าคนไทยโดยธรรมชาติแล้วเรารักเพื่อน รักสงบต้องให้เวลาเขาหน่อย

ส่วนการที่เกิดปะทะกันอีก แสดงว่า มติของยูเอ็นที่ให้หยุดยิงถาวร ไม่เป็นผล รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น มติของสหประชาชาติ ก็เป็นผลที่จะต้องรับฟังกันอยู่แล้ว ส่วนการปะทะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องที่มาจากความเครียดของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ ตั้งเผชิญหน้ากันอยู่ ก็ต้องเดินชนกันบ้าง ส่วนที่นายฮอร์ นม ฮง ออกมาประกาศก่อนว่าฝ่ายไทยไม่ฟังมติยูเอ็นเอสซี โดยยิงกัมพูชาก่อนนั้น เป็นความพยายามที่จะรุกทางการทูต พยายามที่จะตีฆ้องร้องป่าวให้ชาวโลกเห็นไปอีกแบบหนึ่ง แต่เราสู้ด้วยข้อเท็จจริงดีที่สุด

“จากสัญญาณที่ผมได้รับ เชื่อว่าในที่สุดทางกัมพูชาก็จะยอมรับที่จะนั่งลงเจรจากับประเทศไทย ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่นั้นยังไม่ทราบ เราอย่าเพิ่งไปใจร้อนมาก ขอให้ให้เวลาเขาได้คิดและไตร่ตรองหน่อย”รองนายกฯ กล่าว

**ยื่นค้านทูตยูเนสโกลงพื้นที่พระวิหาร

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และเครือข่ายภาคประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานยูเนสโกประจำประเทศไทย เพื่อคัดค้านการแต่งตั้งนายโคอิจิโร มัตสึอุระ อดีตผู้อำนวยการยูเนสโก เป็นทูตพิเศษที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ และกรุงพนมเปญ เพื่อหารือมาตรการลดความตึงเครียดและส่งเสริมการเจรจาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ปราสาทเขาพระวิหาร เพราะว่าเคยเป็นผู้ที่อนุมัติให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารฝ่ายเดียว และทวงถามความรับผิดชอบต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากปมปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร

**“ส.ว.ประสาร”จี้ปลด มทภ.2

นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณี ที่ UNSC ปฏิเสธข้อเรียกร้องของกัมพูชาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเข้าทางกัมพูชาที่วางไว้เป็นแผนสองของเขา ที่มีการจัดวางไว้แล้วเพื่อรองรับหากแผนหนึ่งไม่เป็นผล เพราะเขามีฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคมเป็นพี่เลี้ยงใหญ่ เมื่อ UNSC เขี่ยลูกบอลไปที่อาเซียน ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชาอยู่ดี ถ้าเขาดันไปไม่รอด เขามีแผนสามที่จะฟ้องศาลโลกอีกที โดยจะฟ้องว่าไทยรังแกกัมพูชา ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายตีหัวเราก่อน

“ฮุนเซนเป็นมนุษย์เจ้าเล่ห์ที่พลิกลิ้นได้แบบวันต่อวัน สุดแต่อารมณ์วิปริตของเขาเอง จึงไม่ควรหลงคารมฮุนเซ็น ไม่ว่าเขาจะมีท่าทีอ่อนหรือแข็งอย่างไร”นายประสาร กล่าว และว่า ทั้งนี้รัฐบาลควรปลด พล.ท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 ออกจากตำแหน่งได้แล้ว

**มอบถุงพระราชทานทหาร

วันเดียวกันพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.ปรีชา บุญอำพล ผู้ควบคุมการปฏิบัติราชการวังเทเวศร์ เป็นผู้แทนพระองค์ นำถุงพระราชทาน จำนวน 8,000 ถุง มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรนารี และ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์

ผู้แทนพระองค์ได้นำเอาถุงพระราชทานมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ที่ค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษด้วย

**ชาวภูมิซรอลยังผวาจ้องอพยพ

ช่วงเช้าที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ด้านเขาพระวิหาร ประชาชนที่พากันออกจากหมู่บ้านตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อไปพักอาศัยหลับนอนหนีวิถีกระสุนปืนใหญ่ในเขตตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ ได้ทยอยกลับเข้ามาบ้านเรือนของตนเองในหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ทราบได้ว่าจะมีกระสุนปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาถล่มบ้านเรือนของพวกเขาอีกเมื่อใด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

**เขมรเสริมกำลังอาวุธหนักเขาวิหารอีก

แหล่งข่าวทางทหาร เปิดเผยว่า ขณะนี้รอบบริเวณเขาพระวิหารทหารไทย-กัมพูชา ยังคงตรึงกำลังเข้มตลอดแนว ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังทหารและอาวุธหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถถังและเครื่องยิงจรวดเข้ามาเสริมเพิ่มเติมบริเวณเขาพระวิหาร เพื่อเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่หากมีการปะทะกับทหารไทยเกิดขึ้น ขณะที่ทหารไทยยังคงไม่มีการเสริมกำลังทหารเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่มีการสับเปลี่ยนกำลังเป็นบางจุดรอบเขาพระวิหาร เพื่อเป็นการเสริมแนวป้องกันในจุดที่คาดว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการที่ฝ่ายทหารกัมพูชาบุกรุกล้ำอธิปไตยไทยเข้ามา

**ทบ.เยี่ยมทหารบาดเจ็บ

ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะแม่บ้านทหารบก กองทัพภาคที่ 2 เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ส.ท.รัชพล ยศปัญญา ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทร์เดชา ที่ถูกสะเก็ดระเบิดจากการปะทะกับทหารกัมพูชา เมื่อเช้ามืดวันที่ 15 กุมภาพันธ์

ส.ท.รัชพลได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสะเก็ดระเบิดที่ศรีษะ ใบหน้า หน้าอก ซี่โครงซ้าย และขาซ้าย แพทย์ทำการรักษาขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงให้นอนพักรักษาตัวในห้องพักฟื้นไอชียูอีกระยะหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น