ASTVผู้จัดการรายวัน-“จำลอง”ถามรัฐผลประโยชน์ชายแดนอุดปากหรือ ไม่กล้าตัดเสบียงน้ำมันเขมร ยุใช้เครื่องบินสั่งสอน ติดประกาศ ศอ.รส. 2 ฉบับวันนี้ ย้ำออกพรบ.มั่นคงไม่จ้องสลาย สั่งตำรวจ 2,000 นาย ซ้อมรับมือพันธมิตรฯ ด้านพธม.ซัดมาร์คลุแก่อำนาจ ใช้ กม.เกินหว่าเหตุ ย้อนความจำสั้นเคยด่า “สมัคร” สลายพธม. วันนี้ริทำเอง
วานนี้(9 ก.พ.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยว่า ศอ.รส.ออกประกาศ 2 ฉบับ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 18 เรื่อง การห้ามบุคคลเข้า หรือ ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ โดยประกาศ ฉบับแรก จะห้ามบุคคลเข้าออก หรือใช้ถนนโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ประกอบด้วย ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการพระนคร ด้านถนนพระราม 5 ถึงแยกสวนมิสกวัน, ถนนนครปฐม ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถึง สะพานอรทัย, ถนนพระราม 5 ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถึงสะพานอรทัย, ถนนลูกหลวง ตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงสะพานเทวกรรม, ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกมัฆวาน ถึงสะพานเทวกรรม และ ถนนราชดำเนินนอก ช่องทางคู่ขนานด้านทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน ถึงแยกมัฆวาน
ส่วนประกาศฉบับที่ 2 ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ ในถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงสามแยกถนนราชวิถี ตัดถนนพิชัย, ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี และถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงแยกพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5
ซึ่งประกาศทั้ง 2 ฉบับจะมีการนำไปติดประกาศให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทราบ โดยเน้นการเจรจาเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตาม โดยยังไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะประเมินตามสถานการณ์ และปฏิกิริยาของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนี้ยังไม่เข้าเงื่อนไขการใช้กำลังสลายการชุมนุม เนื่องจาก ยังไม่มีการบุกรุก หรือปิดล้อมสถานที่ราชการ แต่หากการเจรจาไม่เป็นผล ทาง ศอ.รส. จะมีมาตรการกดดันตามขั้นตอนหลักปฏิบัติสากลจากเบาไปหาหนัก
**ตร.2,000 ซ้อมรับมือพธม.
วันเดียวกันเวลา 14.00 น. บริเวณหน้ารัฐสภา ได้มีการปิดการจราจรเพื่อฝึกซ้อมปราบปรามจลาจล และซักซ้อมแผนรับมือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้แผนกรกฎ 52 โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อม ร่วมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย และ 1 กองร้อยจู่โจม กว่า 2,000 นาย
**จำลองปล่อยคาราวานวันนี้
ช่วงเช้าวันเดียวกันบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงว่าในวันที่11 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น. จะมีการนำสิ่งของไปมอบให้แก่ทหารและชาวที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุปะทะในพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องส่งกำลังใจไปร่วมบริจาคสิ่งของและเงินเพื่อนำไปจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพิ่มเติม โดยเริ่มรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ผ่านมาเพียง 2 วัน ยอดเงินที่ได้รับบริจาคมีมากกว่า 1.1 ล้านบาท มีทั้งผู้บริจาครายใหญ่และรายย่อยที่ให้เป็นเหรียญบาทจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าคนไทยแม้มีน้อยก็เต็มใจที่จะช่วยกัน ซึ่งคาดว่าจะมีรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันและรถกระบะ 2 คัน ส่วนเงินที่ได้จะนำไปจัดหาสิ่งของเพิ่มเติมทั้งหมด
**ยุงดส่งน้ำมัน-ใช้เครื่องบิน เพื่อสั่งสอน
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า อำนาจในการต่อรองทั้งทางทหารหรือเศรษฐกิจ โดยที่ได้เสนอในการตัดการส่งน้ำมันไปที่กัมพูชา รถถังยุทโธปกรณ์ของนายฮุนเซนก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ ไม่ทราบว่าติดผลประโยชน์ของผู้ใดอยู่ รวมทั้งการยกกำลังไปมากมายนั้น น่าคิดว่าเหตุใดจึงไม่มีการผสานความร่วมมือระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ ที่จะเป็นกำลังที่ทรงอานุภาพและทำให้เกิดการสูญเสียน้อย สิ่งที่มีแล้วไม่ใช้ก็เหมือนไม่มี
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจาของพื้นที่คืนบางส่วนนั้น ตนก็ต้องตอบปฏิเสธกลับไปเหมือนเดิม การออกมาของพันธมิตรฯทำประโยชน์ให้ประเทศมากมาย โดยเฉพาะวันนี้ที่คณะกรรมการมรดกโลกจะไม่พิจารณาปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเกิดเหตุปะทะที่กัมพูชาโจมตีไทยก่อน พื้นที่นี้เป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆมากมาย อย่างไรก็ตามหากมีการสลายการชุมนุมจริง ตนและมวลชนอีกจำนวนมากก็พร้อมที่จะกลับมาใหม่
** ประพันธ์เผยไม่อยากไล่ “มาร์ค”
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมฯ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เราเล็งผลสำเร็จอยู่ที่เป้าหมาย 3 ข้อที่ให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตย ไม่ได้ต้องการที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ ขับไล่รัฐบาลแต่อย่างใด แต่เหตุที่ต้องยกระดับเนื่องจากรัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ ดังนั้นตามที่สื่อบางสำนักพยายามออกข่าวว่ากระแสของพันธมิตรฯแผ่ว จนเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวไม่ไปป่วนตรงนั้นตรงนี้ เป็นการเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามเราเคารพความเห็นของพี่น้องสื่อมงลชน แต่อยากให้เข้าใจว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯไม่ได้ต้องไปก่อความวุ่นวายหรือป่วนบ้านป่วนเมืองแต่อย่างใด และเชื่อว่าหากต้องการระดมมวลชนให้มากก็เชื่อว่ามีพี่น้องที่พร้อมเข้าร่มเป็นจำนวนมากที่ได้เห็นตลอดช่วงสุดสัปดาห์
**ระวังเข้าทางลากมหาอำนาจแทรก
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่ารัฐบาลฮุนเซนพยายามที่ก่อเหตุให้เป็นสงครามเต็มรูปแบบ ที่ต้องการเช่นนั้นเนื่องจากต้องการดึงให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเคยทำสำเร็จแล้วเมื่อครั้งการตัดสินของศาลโลกต่อกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อปี 2505 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์ในกัมพูชา ทั้งสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นการคานดุลอำนาจของประเทศจีนที่แผ่ขยายอยู่ในอาเซียน โดยใช้กัมพูชาและเวียดนามเป็นฐาน เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศที่รัฐบาลควรเข้าใจ รัฐบาลไทยต้องยึดมั่นในการเจรจาระดับทวิภาคีกับกัมพูชาเท่านั้น โดยอ้างเหตุการปะทะที่กัมพูชารุกล้ำยึดครองดินแดนไทยและเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพื่อยกเลิกสนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบหรือใช้กำลังผลักดันให้กัมพูชาออกจากอาณาเขตไทย เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่รัฐบาลสามารถทำได้ รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่นายฮุนเซนกลัวมาก เพราะยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาต้องใช้น้ำมันของไทยเป็นหลัก
**อัดมาร์คไม่ฟังประชาชนเสียเอง
เวลา 17.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตร กล่าวว่า พันธมิตรฯยังไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมายที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด การที่มีการข่มขู่โดยการใช้กฎหมายเกินกว่าเหตุ เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ไม่เคารพสิทธิของประชาชนในการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมมีเหตุมาจากที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ทหารกัมพูชามาตั้งฐานทัพทำร้ายราษฎรไทยได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต่องแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยขอพื้นที่คืนจากทางกัมพูชา
ที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีบางคนในพันธมิตรฯต้องการความรุนแรง ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรุนแรงหรือไม่ แต่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าจะทำอย่างไรกับกองกำลังติดอาวุธของกัมพูชาที่ทำร้ายคนไทย หากไม่ใช่แนวทางการทหารหรือการทูต ก็ต้องชี้แจงออกมาให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายใดๆขึ้นอีก อยากถามนายอภิสิทธิ์ว่าเมื่อครั้งการชุมนุมของพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 ในพื้นที่เดียวกันนี้ แต่นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่ต่อต้านแนวทางการสลายการชุมนุมของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ว่าต้องฟังประชาชน แต่วันนี้กลับมาทำเสียเอง
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า อยากตั้งคำถามว่าเหตุใดป่านนี้แล้วถึงยังไม่มีการตัดการส่งออกพลังงานให้แก่กัมพูชา โดยเฉพาะน้ำมันที่เป็นปัจจัยสำคัญทางยุทโธปกรณ์ รัฐบาลก็ยังไม่ทำปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ รวมทั้งถนนที่เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์มาทำร้ายคนไทย โดยนายกฯอภิสิทธิ์ก็ภาคภูมิใจว่าได้ประท้วงไปแล้ว แต่กลับไม่มีความพยายามในการทำลาย ทั้งที่เป็นความชอบธรรมในการปกป้องราษฎรไทย เพียงแต่ห่วงสถานการณ์ว่าความสัมพันธ์จะไม่ดี 30 ปีที่แล้วกัมพูชาต้องอพยพหนีภัยสงครามมาในประเทศไทย เวลาผ่านมาคนไทยต้องตั้งค่ายอพยพในแผ่นดินตัวเอง แสดงว่าการบริหารประเทศต่างกันมาก เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
**จำลองย้ำไม่มีดาวกระจาย
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จะมีการทำพิธีราวชั่วโมงกว่าๆ แต่ไม่กังวลว่าจะถือโอกาสสลายผู้ชุมนุม และยืนยันด้วยว่าจะไม่เคลื่อนไปที่หน้ารัฐสภา
นายประพันธ์ ได้นำภาพของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยไปยังปราสาทพระวิหารมาแสดง พร้อมกล่าวว่า ก่อนที่จะมี MOU 2543 บนปราสาทเขาพระวิหารไม่มีทหารแม้แต่คนเดียว และคนไทยสามารถขึ้นไปได้อย่างสะดวกสบาย โดยกัมพูชาเคยส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมา แต่ทหารไทยก็ยิงตก และยังมีซากอยู่ในบริเวณปราสาท ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ทำให้ทหารกัมพูชาสามารถยึดครองพื้นที่ได้ทั้ง 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร
** แขวะรัฐทวงดินแดนพธม.ไม่ได้
ที่ รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองอยากย้ำว่า มีการไปปลุกระดมว่า เป็นความพยายามที่จะปราบปรามหรืออะไร ตรงนี้อยากทำความเข้าใจว่า การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯไม่ได้เจาะจงการชุมนุมของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง วันที่เราประกาศมีการชุมนุมถึง 4 กลุ่ม และมีการประกาศในการปิดถนนบ้าง ยกระดับการชุมนุมบ้าง ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย
“ผมเพียงอยากจะถามว่า ทำไมทำเท่านี้เพื่อส่วนรวมทำไม่ได้ และถ้าหากรัฐบาลบอกว่า กลุ่มนี้สามารถที่จะปิดถนน 24 ชั่วโมงทั้งหมด และกลุ่มอื่นๆ เขาจะทำบ้าง บ้านเมืองก็จะมีปัญหามากยิ่งขึ้น จะไปเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวายหรืออย่างไร รัฐบาลเองก็อดทน อดกลั้นในการที่จะให้มีการชุมนุม แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์หยาบคายอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร และขณะนี้ที่เรียกร้องก็ไม่ได้ให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์หยาบคาย แต่ให้เปิดถนนให้คนอื่นเขาใช้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผลประโยชน์ของรัฐบาลเลย ถ้าทำให้ส่วนร่วมเพียงเท่านี้ไม่ได้ ก็ต้องตั้งคำถาม แล้วว่ามันเป็นเพราะอะไร” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯอ้างว่า ถูกจับดีกว่าเสียดินแดน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเปิดถนน 2 เลนคงไม่เสียดินแดนหรอก มีแต่ดินแดนพันธมิตรเท่านั้นที่ปิดถนนราชดำเนินตรงนั้นอยู่ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องดินแดนเลย
**กัดพธม.ไม่เอาMOUเหมือนฮุนเซน
“และขณะนี้สิ่งที่พล.ต.จำลองเข้าใจเหตุการณ์พิสูจน์มาตลอดแล้วว่า ไม่เป็นอย่างที่พูดที่ไปบอกว่ารัฐบาลไปถอนทหารมา ถ้าถอนมาจะเกิดเหตุได้อย่างนี้หรือครับ และตอนนี้บอกว่า การยึดเอ็มโอยูเป็นประโยชน์ฝ่ายไทยฝ่ายเดียว ขอให้ดูตอนนี้ที่จะไม่ให้ใช้เอ็มโอยู มีเพียงพันธมิตรฯกับสมเด็จฮุนเซนเท่านั้น คนอื่นไม่สนับสนุนอย่างนั้น ก็มีตอนนี้ที่ฮุนเซนสนับสนุนพันธมิตรฯว่าไม่เอาเอ็มโอยู จะได้ไปฟ้องสหประชาชาติและดึงชาติอื่นเข้ามา
ทั้งนี้ตนย้ำอีกครั้งว่า ให้ส่วนรวมเพียงแค่ 2 ช่องจราจร ทำไมให้ไม่ได้ มีเหตุผลอะไร นอกจากอยากจะให้บ้านเมืองวุ่นวาย หรืออย่างไร ถ้ามีความจริงใจอยากจะแก้ปัญหาให้กับประเทศ ในยามซึ่งขณะนี้บริเวณชายแดนมีความตึงเครียด อย่าให้เจ้าหน้าที่ต้องมีความกังวลกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองหลวงได้หรือไม่ ในขณะนี้ 2 ช่องจราจรเท่านั้นเองไม่ได้เดือดร้อนอะไรใครเลย
“เพราะมีพันธมิตรบางส่วนอยากให้เกิดความรุนแรงขึ้น เพื่อจะใช้เป็นเงื่อนไข เราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง (ตอนนี้มีผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งถามขึ้นว่า “เป้าหมายของเขาคือ รัฐบาลแห่งชาติ”) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บางคนประกาศอย่างนั้น ตอนหลังก็ไม่ทราบ เพราะแต่ละคนพูดไม่ตรงกันทีเดียว”นายกฯกล่าว.
วานนี้(9 ก.พ.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยว่า ศอ.รส.ออกประกาศ 2 ฉบับ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 18 เรื่อง การห้ามบุคคลเข้า หรือ ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ โดยประกาศ ฉบับแรก จะห้ามบุคคลเข้าออก หรือใช้ถนนโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ประกอบด้วย ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการพระนคร ด้านถนนพระราม 5 ถึงแยกสวนมิสกวัน, ถนนนครปฐม ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถึง สะพานอรทัย, ถนนพระราม 5 ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถึงสะพานอรทัย, ถนนลูกหลวง ตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงสะพานเทวกรรม, ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกมัฆวาน ถึงสะพานเทวกรรม และ ถนนราชดำเนินนอก ช่องทางคู่ขนานด้านทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน ถึงแยกมัฆวาน
ส่วนประกาศฉบับที่ 2 ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือยานพาหนะ ในถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงสามแยกถนนราชวิถี ตัดถนนพิชัย, ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี และถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงแยกพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5
ซึ่งประกาศทั้ง 2 ฉบับจะมีการนำไปติดประกาศให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทราบ โดยเน้นการเจรจาเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตาม โดยยังไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลา แต่จะประเมินตามสถานการณ์ และปฏิกิริยาของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนี้ยังไม่เข้าเงื่อนไขการใช้กำลังสลายการชุมนุม เนื่องจาก ยังไม่มีการบุกรุก หรือปิดล้อมสถานที่ราชการ แต่หากการเจรจาไม่เป็นผล ทาง ศอ.รส. จะมีมาตรการกดดันตามขั้นตอนหลักปฏิบัติสากลจากเบาไปหาหนัก
**ตร.2,000 ซ้อมรับมือพธม.
วันเดียวกันเวลา 14.00 น. บริเวณหน้ารัฐสภา ได้มีการปิดการจราจรเพื่อฝึกซ้อมปราบปรามจลาจล และซักซ้อมแผนรับมือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายใต้แผนกรกฎ 52 โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อม ร่วมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 12 กองร้อย และ 1 กองร้อยจู่โจม กว่า 2,000 นาย
**จำลองปล่อยคาราวานวันนี้
ช่วงเช้าวันเดียวกันบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงว่าในวันที่11 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น. จะมีการนำสิ่งของไปมอบให้แก่ทหารและชาวที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุปะทะในพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องส่งกำลังใจไปร่วมบริจาคสิ่งของและเงินเพื่อนำไปจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพิ่มเติม โดยเริ่มรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ผ่านมาเพียง 2 วัน ยอดเงินที่ได้รับบริจาคมีมากกว่า 1.1 ล้านบาท มีทั้งผู้บริจาครายใหญ่และรายย่อยที่ให้เป็นเหรียญบาทจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าคนไทยแม้มีน้อยก็เต็มใจที่จะช่วยกัน ซึ่งคาดว่าจะมีรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คันและรถกระบะ 2 คัน ส่วนเงินที่ได้จะนำไปจัดหาสิ่งของเพิ่มเติมทั้งหมด
**ยุงดส่งน้ำมัน-ใช้เครื่องบิน เพื่อสั่งสอน
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า อำนาจในการต่อรองทั้งทางทหารหรือเศรษฐกิจ โดยที่ได้เสนอในการตัดการส่งน้ำมันไปที่กัมพูชา รถถังยุทโธปกรณ์ของนายฮุนเซนก็จะกลายเป็นเศษเหล็ก แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ ไม่ทราบว่าติดผลประโยชน์ของผู้ใดอยู่ รวมทั้งการยกกำลังไปมากมายนั้น น่าคิดว่าเหตุใดจึงไม่มีการผสานความร่วมมือระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ ที่จะเป็นกำลังที่ทรงอานุภาพและทำให้เกิดการสูญเสียน้อย สิ่งที่มีแล้วไม่ใช้ก็เหมือนไม่มี
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเจรจาของพื้นที่คืนบางส่วนนั้น ตนก็ต้องตอบปฏิเสธกลับไปเหมือนเดิม การออกมาของพันธมิตรฯทำประโยชน์ให้ประเทศมากมาย โดยเฉพาะวันนี้ที่คณะกรรมการมรดกโลกจะไม่พิจารณาปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะเกิดเหตุปะทะที่กัมพูชาโจมตีไทยก่อน พื้นที่นี้เป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนใดๆมากมาย อย่างไรก็ตามหากมีการสลายการชุมนุมจริง ตนและมวลชนอีกจำนวนมากก็พร้อมที่จะกลับมาใหม่
** ประพันธ์เผยไม่อยากไล่ “มาร์ค”
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมฯ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เราเล็งผลสำเร็จอยู่ที่เป้าหมาย 3 ข้อที่ให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตย ไม่ได้ต้องการที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจรัฐ ขับไล่รัฐบาลแต่อย่างใด แต่เหตุที่ต้องยกระดับเนื่องจากรัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ ดังนั้นตามที่สื่อบางสำนักพยายามออกข่าวว่ากระแสของพันธมิตรฯแผ่ว จนเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวไม่ไปป่วนตรงนั้นตรงนี้ เป็นการเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามเราเคารพความเห็นของพี่น้องสื่อมงลชน แต่อยากให้เข้าใจว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯไม่ได้ต้องไปก่อความวุ่นวายหรือป่วนบ้านป่วนเมืองแต่อย่างใด และเชื่อว่าหากต้องการระดมมวลชนให้มากก็เชื่อว่ามีพี่น้องที่พร้อมเข้าร่มเป็นจำนวนมากที่ได้เห็นตลอดช่วงสุดสัปดาห์
**ระวังเข้าทางลากมหาอำนาจแทรก
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่ารัฐบาลฮุนเซนพยายามที่ก่อเหตุให้เป็นสงครามเต็มรูปแบบ ที่ต้องการเช่นนั้นเนื่องจากต้องการดึงให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเคยทำสำเร็จแล้วเมื่อครั้งการตัดสินของศาลโลกต่อกรณีปราสาทเขาพระวิหาร เมื่อปี 2505 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์ในกัมพูชา ทั้งสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส อีกทั้งยังเป็นการคานดุลอำนาจของประเทศจีนที่แผ่ขยายอยู่ในอาเซียน โดยใช้กัมพูชาและเวียดนามเป็นฐาน เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศที่รัฐบาลควรเข้าใจ รัฐบาลไทยต้องยึดมั่นในการเจรจาระดับทวิภาคีกับกัมพูชาเท่านั้น โดยอ้างเหตุการปะทะที่กัมพูชารุกล้ำยึดครองดินแดนไทยและเป็นฝ่ายโจมตีก่อน เพื่อยกเลิกสนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบหรือใช้กำลังผลักดันให้กัมพูชาออกจากอาณาเขตไทย เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่รัฐบาลสามารถทำได้ รวมทั้งมาตรการทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่นายฮุนเซนกลัวมาก เพราะยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาต้องใช้น้ำมันของไทยเป็นหลัก
**อัดมาร์คไม่ฟังประชาชนเสียเอง
เวลา 17.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตร กล่าวว่า พันธมิตรฯยังไม่ได้ทำสิ่งใดผิดกฎหมายที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด การที่มีการข่มขู่โดยการใช้กฎหมายเกินกว่าเหตุ เป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ไม่เคารพสิทธิของประชาชนในการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมมีเหตุมาจากที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้ทหารกัมพูชามาตั้งฐานทัพทำร้ายราษฎรไทยได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต่องแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยขอพื้นที่คืนจากทางกัมพูชา
ที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีบางคนในพันธมิตรฯต้องการความรุนแรง ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องความรุนแรงหรือไม่ แต่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าจะทำอย่างไรกับกองกำลังติดอาวุธของกัมพูชาที่ทำร้ายคนไทย หากไม่ใช่แนวทางการทหารหรือการทูต ก็ต้องชี้แจงออกมาให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายใดๆขึ้นอีก อยากถามนายอภิสิทธิ์ว่าเมื่อครั้งการชุมนุมของพันธมิตรฯเมื่อปี 2551 ในพื้นที่เดียวกันนี้ แต่นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่ต่อต้านแนวทางการสลายการชุมนุมของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ว่าต้องฟังประชาชน แต่วันนี้กลับมาทำเสียเอง
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า อยากตั้งคำถามว่าเหตุใดป่านนี้แล้วถึงยังไม่มีการตัดการส่งออกพลังงานให้แก่กัมพูชา โดยเฉพาะน้ำมันที่เป็นปัจจัยสำคัญทางยุทโธปกรณ์ รัฐบาลก็ยังไม่ทำปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อ รวมทั้งถนนที่เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์มาทำร้ายคนไทย โดยนายกฯอภิสิทธิ์ก็ภาคภูมิใจว่าได้ประท้วงไปแล้ว แต่กลับไม่มีความพยายามในการทำลาย ทั้งที่เป็นความชอบธรรมในการปกป้องราษฎรไทย เพียงแต่ห่วงสถานการณ์ว่าความสัมพันธ์จะไม่ดี 30 ปีที่แล้วกัมพูชาต้องอพยพหนีภัยสงครามมาในประเทศไทย เวลาผ่านมาคนไทยต้องตั้งค่ายอพยพในแผ่นดินตัวเอง แสดงว่าการบริหารประเทศต่างกันมาก เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
**จำลองย้ำไม่มีดาวกระจาย
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จะมีการทำพิธีราวชั่วโมงกว่าๆ แต่ไม่กังวลว่าจะถือโอกาสสลายผู้ชุมนุม และยืนยันด้วยว่าจะไม่เคลื่อนไปที่หน้ารัฐสภา
นายประพันธ์ ได้นำภาพของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เคยไปยังปราสาทพระวิหารมาแสดง พร้อมกล่าวว่า ก่อนที่จะมี MOU 2543 บนปราสาทเขาพระวิหารไม่มีทหารแม้แต่คนเดียว และคนไทยสามารถขึ้นไปได้อย่างสะดวกสบาย โดยกัมพูชาเคยส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมา แต่ทหารไทยก็ยิงตก และยังมีซากอยู่ในบริเวณปราสาท ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ทำให้ทหารกัมพูชาสามารถยึดครองพื้นที่ได้ทั้ง 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร
** แขวะรัฐทวงดินแดนพธม.ไม่ได้
ที่ รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองอยากย้ำว่า มีการไปปลุกระดมว่า เป็นความพยายามที่จะปราบปรามหรืออะไร ตรงนี้อยากทำความเข้าใจว่า การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯไม่ได้เจาะจงการชุมนุมของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง วันที่เราประกาศมีการชุมนุมถึง 4 กลุ่ม และมีการประกาศในการปิดถนนบ้าง ยกระดับการชุมนุมบ้าง ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อย
“ผมเพียงอยากจะถามว่า ทำไมทำเท่านี้เพื่อส่วนรวมทำไม่ได้ และถ้าหากรัฐบาลบอกว่า กลุ่มนี้สามารถที่จะปิดถนน 24 ชั่วโมงทั้งหมด และกลุ่มอื่นๆ เขาจะทำบ้าง บ้านเมืองก็จะมีปัญหามากยิ่งขึ้น จะไปเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวายหรืออย่างไร รัฐบาลเองก็อดทน อดกลั้นในการที่จะให้มีการชุมนุม แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์หยาบคายอย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร และขณะนี้ที่เรียกร้องก็ไม่ได้ให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์หยาบคาย แต่ให้เปิดถนนให้คนอื่นเขาใช้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผลประโยชน์ของรัฐบาลเลย ถ้าทำให้ส่วนร่วมเพียงเท่านี้ไม่ได้ ก็ต้องตั้งคำถาม แล้วว่ามันเป็นเพราะอะไร” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯอ้างว่า ถูกจับดีกว่าเสียดินแดน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเปิดถนน 2 เลนคงไม่เสียดินแดนหรอก มีแต่ดินแดนพันธมิตรเท่านั้นที่ปิดถนนราชดำเนินตรงนั้นอยู่ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องดินแดนเลย
**กัดพธม.ไม่เอาMOUเหมือนฮุนเซน
“และขณะนี้สิ่งที่พล.ต.จำลองเข้าใจเหตุการณ์พิสูจน์มาตลอดแล้วว่า ไม่เป็นอย่างที่พูดที่ไปบอกว่ารัฐบาลไปถอนทหารมา ถ้าถอนมาจะเกิดเหตุได้อย่างนี้หรือครับ และตอนนี้บอกว่า การยึดเอ็มโอยูเป็นประโยชน์ฝ่ายไทยฝ่ายเดียว ขอให้ดูตอนนี้ที่จะไม่ให้ใช้เอ็มโอยู มีเพียงพันธมิตรฯกับสมเด็จฮุนเซนเท่านั้น คนอื่นไม่สนับสนุนอย่างนั้น ก็มีตอนนี้ที่ฮุนเซนสนับสนุนพันธมิตรฯว่าไม่เอาเอ็มโอยู จะได้ไปฟ้องสหประชาชาติและดึงชาติอื่นเข้ามา
ทั้งนี้ตนย้ำอีกครั้งว่า ให้ส่วนรวมเพียงแค่ 2 ช่องจราจร ทำไมให้ไม่ได้ มีเหตุผลอะไร นอกจากอยากจะให้บ้านเมืองวุ่นวาย หรืออย่างไร ถ้ามีความจริงใจอยากจะแก้ปัญหาให้กับประเทศ ในยามซึ่งขณะนี้บริเวณชายแดนมีความตึงเครียด อย่าให้เจ้าหน้าที่ต้องมีความกังวลกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองหลวงได้หรือไม่ ในขณะนี้ 2 ช่องจราจรเท่านั้นเองไม่ได้เดือดร้อนอะไรใครเลย
“เพราะมีพันธมิตรบางส่วนอยากให้เกิดความรุนแรงขึ้น เพื่อจะใช้เป็นเงื่อนไข เราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง (ตอนนี้มีผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งถามขึ้นว่า “เป้าหมายของเขาคือ รัฐบาลแห่งชาติ”) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บางคนประกาศอย่างนั้น ตอนหลังก็ไม่ทราบ เพราะแต่ละคนพูดไม่ตรงกันทีเดียว”นายกฯกล่าว.