xs
xsm
sm
md
lg

โรงทานพธม.ช่วยผู้อพยพ ตั้งกก.ทวงคืนพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯเปิดหลักฐานใหม่ ทวงคืนพระวิหาร พร้อมตั้งกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขณะเดียวกันตั้งโรงทานที่ อ.กันทรลักษ์ ช่วยพี่น้องชาวไทยที่เดือนร้อน "จำลอง" ลั่นยอมติดคุกไม่ยอมเสียดินแดน "ปานเทพ"ประณาม เขมรตั้งใจยิงราษฎรไทย หวังเสี้ยมคนไทยทะเลาะกัน

วานนี้ (7 ก.พ.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงภารกิจปกป้องแผ่นดินและทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร ว่า จากคำพิพากษาศาลโลก ต่อกรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 นั้น ประเทศไทยได้สงวนสิทธิต่อองค์การสหประชาชาติว่า หากเราพบหลักฐานใหม่ เราจะขอทวงคืนปราสาทพระวิหาร ตรงนี้ต้องขอย้ำ สิ่งที่ทำให้เราแพ้ในศาลโลก เนื่องจากไม่ปฏิเสธเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝรั่งเศสจัดทำฝ่ายเดียว ที่รุกล้ำดินแดนไทย
เมื่อไทยไม่ปฏิเสธ จึงเสมือนยอมรับตามกฎหมายปิดปาก แต่ในที่สุดพันธมิตรฯได้พบหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ณ เวลานั้น ประเทศไทยมีแผนที่ของเราเอง ที่สามารถโต้แย้งแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของฝรั่งเศสได้ โดยแผนที่ฉบับนี้ ยังไม่แสดงในศาลโลก เมื่อปี 2505 ทั้งที่มีความพยายามหาหลักฐานชิ้นนี้จากหระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งสุดท้ายพันธมิตรฯ ก็ค้นพบจากระทรวงการต่างประเทศเอง
หลังจากนั้นนายปานเทพ ได้แสดงแผนที่ฉบับหนึ่งที่ระบุชื่อระวางขุขันธ์ พร้อมระบุว่าเป็นต้นฉบับที่แท้จริง และกล่าวว่า แผนที่นี้ มีมาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนเช่นกัน โดยจัดพิมพ์ครั้งแรก เมื่อปี 2491 ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ได้แสดงว่า ปราสาทพระวิหาร อยู่ในดินแดนไทย

จากนั้นนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ อธิบายถึงแผนที่ฉบับดังกล่าวว่า แผนที่นี้แสดงแนวเส้นสันปันน้ำ ที่ได้มาตรฐานตลอดแนวต่างจากแผนที่ระวางดงรัก ตามาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน หรือ ANNEX 1 ของฝ่ายกัมพูชา ที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากมีการทดสอบโดยใช้เครื่องบินสำรวจ แต่แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝรั่งเศสจัดทำนั้น ใช้การเดินเท้าในการสำรวจตอนที่ขึ้นศาลโลก พยายามหาหลักฐานชิ้นนี้ แต่เชื่อว่ามีข้าราชการบางคนพยายามปกปิด จนปัจจุบันเราไปพบอยู่ในกรมกฎหมาย และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

“เมื่อมีหลักฐานใหม่ ผมจึงเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะใช้สิทธิที่สงวนไว้ เนื่องจากเราไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก และไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน โดยเริ่มกระบวนการในการผลักดันกัมพูชาออกจากปราสาทเขาพระวิหาร และทำจดหมายถึงสหประชาชาติ โดยแปลเป็น 5 ภาษา ในการทวงสิทธิ์ ที่สงวนไว้ พร้อมแนบแผนที่ฉบับนี้” นายเทพมนตรี กล่าว

** ตั้ง กก.รวมพลังปกป้องแผ่นดิน

นายปานเทพ กล่าวถึง การแต่งตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า พันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2554 โดย มีใจความสรุปว่า เพื่อให้การชุมนุมครั้งนี้มีประสิทธิภาพ พันธมิตรฯ จึงจัดให้มีการตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ซึ่งประกอบด้วยบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถจำนวน 16 คน เพื่อเข้ามากำหนดนโยบาย และแนวทางการชุมนุม ตลอดจนแนะนำแนวทางต่อผู้ชุมนุม เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

โดยมีรายนามกรรมการ ดังนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจรักษ์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผศ.จำรูญ ณ ระนอง นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นายเทอดภูมิ ใจดี นายปราโมทย์ หอยมุกข์ นายวีระพันธุ์ มาไลยพันธุ์ นายอัมรินทร์ คอมันตร์ นายศรันยู วงศ์กระจ่าง และ นายประพันธ์ คูณมี เป็นกรรมการ และโฆษกคณะกรรมการ โดยจะเริ่มภารกิจตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

**รัฐบาลป้ายสีพันธมิตรฯต้นเหตุปะทะ

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงเช้าวานนี้ ว่า วันนี้ครบรอบ 1 ปี 3 เดือน จากวันที่ 6 พ.ย. 52 ที่ภาคประชาชนโดยพันธมิตรฯ ได้ประชุมกันเพื่อเสนอข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อนายกฯอภิสิทธิ์ และรัฐบาล ให้ดำเนินการทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ในการยกเลิกสัญญาพันธะต่างๆ ที่ทำไว้ต่อกัมพูชา เพราะไทยเสียเปรียบ รวมทั้งให้ผลักดันชุมชนและทหารกัมพูชาออกไป แต่นายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ตอบรับ ทำให้เกิดการปะทะในวันนี้ และทำให้ไทยเสียดินแดน

***พธม.ตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้อพยพ

จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน กลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนกลางได้ประสานงานส่งเงินให้พันธมิตรฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อจัดเตรียมอาหารให้แก่ทหารและราษฎรที่เดือดร้อน โดยมีการจัดอาหารให้แก่ทหารตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงทานที่ที่ทำการ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อดูแลพี่น้องชาวไทยจาก 4 ตำบลชายแดนที่ได้ผลกระทบ โดยใช้เงินที่พี่น้องประชาชนบริจาคผ่านมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน

**จำลองลั่นยอมติดคุกดีกว่าเสียดินแดน

ส่วนเรื่อง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เตรียมเสนอครม.ให้มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อขอคืนพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล และป้องกันบริเวณรอบรัฐสภา นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า รัฐบาลไทยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการขจัดการชุมนุมของพันธมิตรฯ มากกว่าการแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเราได้ให้เวลารัฐบาลมานานในการทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน รวมทั้งพันธมิตรฯ ได้ประกาศนัดหมายชุมนุมก่อนที่จะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจะยอมให้จับ ยอมติดคุก แต่จะไม่ยอมปล่อยให้เสียดินแดนเด็ดขาด

"ขอเตือนไปยังผบ.ตร.ว่า รัฐบาลนี้กำลังจะไปอยู่แล้ว ยังมัวแต่ประจบรัฐบาลอยู่อีกหรือ ระวังให้ดี หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน" พล.ต.จำลอง กล่าว

**ให้รัฐบาลเลือกลาออก-สลายการชุมนุม

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมี 2 ทางเลือกคือ ลาออกทั้งคณะ หรือสลายการชุมนุม เพราะเห็นแล้วว่าภาคประชาชนเป็นก้างขวางคอที่ไม่เพียงเปิดโปงเรื่องการเสียดินแดน ยังมีเรื่องทุจริต คอร์รัปชันอีกด้วย รัฐบาลจึงทนไม่ได้ ต้องหาทางสลายพวกเรา

พล.ต.จำลองยังกล่าวถึงการเคลื่อนขบวนในวันที่ 11 ก.พ.ว่า แม้จะมีการเคลื่อนขบวนก็จะมีการวางแผนตรึงพื้นที่ตรงนี้ไว้ด้วย แต่ไม่ว่าคนน้อยหรือมาก หากเจ้าหน้าที่ต้องการสลายก็สามารถทำได้ทั้งนั้น แต่สลายแล้วไม่สำเร็จ เพราะเราจะกลับเข้ามาอีก

**ประณามเขมรใช้อาวุธสงครามยิงประชาชน

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่าจากกรณีที่กัมพูชาได้ยิงอาวุธสงครามใส่ทหาร และราษฎรไทย โดยมีฐานทัพอยู่ในแผ่นดินไทย ตั้งแต่วันที่ 4-6 ก.พ. และจนถึงขณะนี้ พันธมิตรฯ ขอประณามรัฐบาลและทหารกัมพูชาใน 3 ประเด็น คือ

1. ใช้อาวุธสงครามเจตนาอย่างชัดเจนที่จะยิงใส่ราษฎรไทยผู้บริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่มีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า กัมพูชามีเจตนาทำร้ายประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์ เพื่อหวังผลทางการเมือง ต้องการทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยด้วยกัน ทำให้ราษฎรไทยเดือดร้อน แล้วมากล่าวโทษพันธมิตรฯ ว่าเป็นสาเหตุ เพื่อมิให้สามารถไปหยุดยั้งการคุกคามและละเมิดอธิปไตยไทย โดยทหารกัมพูชา

2. การที่กัมพูชาใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานทัพ ที่ซ่องสุมอาวุธ และเป็นเกราะกำบังในการทำร้ายประชาชนชาวไทย และทหารไทย เพื่อประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า บัดนี้ปราสาทพระวิหาร เป็นฐานทัพของกัมพูชาแล้ว

3. การทำร้ายราษฎรไทยผู้บริสุทธิ์ โดยตั้งฐานทัพที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผ่นดิน และอธิปไตยไทยทั้งสิ้น

**มาร์คเพิกเฉยต่อแถลงการณ์ของกัมพูชา

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า จนถึงบัดนี้ วันที่ 7 ก.พ. ถือว่าครบ 7 วัน ที่ฝ่ายไทยไม่ได้โต้แย้งการออกแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ก.พ.54 ทั้งที่เป็นแถลงการณ์ที่กล่าวถึง MOU 2543 ที่กำหนดให้ใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน บนโต๊ะเจรจา กัมพูชาจึงสบโอกาสอ้างขยายผลคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 กรณีปราสาทเขาพระวิหาร มาเปิดประเด็นเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเป็นครั้งแรก

นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า “ขณะนี้กัมพูชา พยายามร้องขอให้องค์การสหประชาชาติ (UN) ให้เข้ามาแทรกแซง หรือเป็นตัวกลางในการเจรจา สะท้อนให้เห็นว่าที่ นายกฯอภิสิทธิ์ อ้างว่า MOU 2543 ไม่ทำให้เกิดสงคราม หรือป้องกันไม่ให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น เพราะกัมพูชาสามารถอาศัยสภาพในขณะนี้ ร้องขอต่อ UN ว่า ไทยรุกรานกัมพูชา”

** MOU 43 ไม่ได้ช่วยให้เขมรหยุดยิง

ในส่วนกรณีที่รัฐบาลยังยืนยันว่า MOU 2543 สามารถทำให้เกิดการเจรจายุติการปะทะได้นั้น นายปานเทพ กล่าวว่า เราได้เตือนมาตลอดว่า การยึดถือ MOU 2543 โดยที่การรุกล้ำดินแดนและอธิปไตยไทย และใช้เป็นฐานทัพของทหารกัมพูชายังคงอยู่ จะเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อราษฎรไทย ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงๆ หลังจากเจรจาหยุดยิง ปรากฏว่ากัมพูชายิงใส่ราษฎรไทย โดยไม่สนใจข้อยุติดังกล่าว เพราฉะนั้นแล้วรัฐบาลต้องมีมาตราการที่ชัดเจน เพื่อหยุดยั้งการรุกราน และใช้อาวุธสงครามต่อราษฎรไทย ในทุกวิถีทาง โดยเฉพาะฐานทัพที่อยู่ในประเทศไทยและใช้เป็นจุดที่ยิงทหาร และราษฎรไทยอย่างต่อเนื่อง

** จี้รัฐบาลใช้แสนยานุภาพทางทหาร

" เรื่องนี้ไม่ใช่การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ นายกฯอภิสิทธิ์เป็นนักการเมือง จึงสนใจแต่เรื่องการเมือง นายกฯอภิสิทธิ์ ต่างหากที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ โดยหยุดการรุกราน ละเมิดอธิปไตยไทยและทำให้ทหารกัมพูชาไม่มีความสามารถในการทำร้ายราษฎรไทยได้อีก เหตุใดป่านนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลไทยใช้กำลังทางทหารเลย ทั้งที่มีแสนยานุภาพสูงกว่ากัมพูชาชนิดแทบไม่ได้ กลับปล่อยให้ปัญหาคาราคาซัง อยู่อย่างนี้" นายปานเทพ กล่าว

"สนธิ" หนุนใช้ทอ.-ทร.สู้เขมร

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาต่อยอดผลประโยชน์ โดยเข้าไปเจรจากับนาย ฮุนเซน สำหรับเหตุการณ์ปะทะนั้นเราต้องเจรจาบนพื้นฐานแห่งความได้เปรียบ ครั้งนี้มีแนวโน้มจะรุนแรงเพราะ นายฮุนเซน มีบุตรชาย ซึ่งไปเรียนโรงเรียนนายร้อยที่เวสพอยท์ แล้วนายฮุนเซน ก็กำลังต้องการส่งเสริมให้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหาร และเป็นบุตรชายคนนี้นี่เองที่ถูกส่งมาชายแดน ซึ่งเขาก็ต้องการทำสงคราม

ทั้งนี้นายสนธิ สนับสนุนให้ทหารใช้กองทัพอากาศในการรบกับกัมพูชา เพื่อข่มขวัญ และถือโอกาสทดสอบนักบินและอาวุธไปในตัว นอกจากนี้ยังให้ใช้กำลังทหารเรือในการไปปิดเกาะกง เพื่อสร้างกำลังในการเจรจาต่อรอง
กำลังโหลดความคิดเห็น