“พาณิชย์” อ้างราคาน้ำมันปาล์มตลาดโลกพุ่งพรวด บวกบาทอ่อน ทำราคานำเข้าล็อตสอง 1.2 แสนตันพุ่งกก.ละ 45 บาทจากเดิมแค่ 39.57 ยังจะมั่นใจบริหารให้ราคาใส่ขวดไม่เกิน 47 บาทต่อไป แต่วงในเผยอาจได้เห็นปาล์มขวดขยับราคาอีก หลังต้นทุนพุ่ง ถ้าไม่ให้ขึ้น ของขาด ของแพง ซ้ำรอยเดิมอีกแน่ ส่วนขายไข่ชั่งกิโลทำรัฐบาลหน้าแหก เปิดขาย 9 วัน คนซื้อแค่ 1-2 รายต่อวัน
นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ และโฆกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตันจากต่างประเทศ เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนและราคาแพงในประเทศว่า ขณะนี้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองราคากับบริษัทผู้ขายจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 44-45 บาท ขณะที่การนำเข้า 30,000 ตันในครั้งก่อนอยู่ที่ก.ก.ละ 39.57 บาทเท่านั้น
“ตอนนำเข้าครั้งก่อน เราโค้ดราคาเงินบาทที่ประมาณ 30 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่วันนี้ เงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่กว่า 31 บาท/เหรียญสหรัฐแล้ว ทำให้ราคานำเข้าอาจสูงกว่าครั้งก่อนมาก และเมื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวด กระทรวงพาณิชย์จะพยายามบริหารจัดการให้ขายได้ที่ขวดละ 47 บาทตามราคาควบคุม แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นมาก” นายฉัตรชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการกลุ่มโรงกลั่น ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์น เทรด) มาหารือ เพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มบริโภคในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ และไม่ขายเกินราคาควบคุมอีกครั้ง
สำหรับน้ำมันปาล์ม 120,000 ตันที่จะนำเข้า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตาม ควบคุม กำกับดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มพืชเพื่อการบริโภค ที่มีนายชาญชัย สิงโตโรจน์ ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาจัดสรรให้ภาคอุตสาหกรรม 20,000 ตัน เช่น ผู้ผลิตนมข้นหวาน สบู่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่แปรรูป กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) 10,000 ตัน ส่วนที่เหลืออีก 90,000 ตัน จัดสรรให้กับภาคครัวเรือน โดยต้องเร่งนำเข้าล็อตแรก ประมาณ 50,000 ตันก่อนวันที่ 20 ก.พ.นี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยนำเข้า เพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศ
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่าผู้ค้าบางราย โดยเฉพาะร้านโชห่วย ขายน้ำมันปาล์มฝาจุกสีฟ้าสูงถึงขวดละ 65-70 บาท ทั้งที่ซื้อมาขวดละ 47 บาทนั้น นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายแล้ว โดยก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว ก็ได้มีการสั่งปรับผู้ค้าที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไปแล้วหลายราย
รายงานข่าว แจ้งว่า หากการนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตที่สอง จำนวน 120,000 ตัน มีราคาสูงถึง 44-45 บาทต่อกก.จริง เท่ากับว่าต้นทุนที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งค่าขนส่ง ค่าระวางเรือ ค่าบรรจุขวด และค่าบริหารจัดการอื่นๆ ก็เกือบจะใกล้กับราคาควบคุมที่ 47 บาทแล้ว ทำให้มีแนวโน้มว่าราคาจำหน่ายอาจจะต้องมีการปรับขึ้น เพราะหากให้ขายราคาเดิม 47 บาทคงไม่มีผู้ผลิตรายใดยอมรับไปทำ
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ผลิตอีกหลายรายได้เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่า อาจต้องมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกอีก หากต้นทุนยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ากระทรวงพาณิชย์ไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา สถานการณ์ขาดแคลนและมีราคาแพง ก็จะยังมีต่อไป
อนึ่ง ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคโซนบางบัวทองว่า ขณะนี้น้ำมันพืชตามท้องตลาดขาดแคลน โดยพ่อค้าแม่ค้าจะระบุว่าของไม่มี มีแต่ที่บรรจุอยู่ในถุงเท่านั้น ขณะที่ราคาจำหน่ายน้ำมันพืชขวดกลางขายอยู่ที่ 40 บาท เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การประเมินผลโครงการจำหน่ายไข่ไก่เป็นกก. หลังจากที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-9 ก.พ.2554 จากจำนวนตลาดสดที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เช่น ตลาดสดสีฟ้า ตลาดสดดีเด่น และตลาดสดในความดูแลของกรุงเทพฯจำนวน 30 ตลาดนั้น พบว่ามีประชาชนให้ความสนใจน้อยมาก และยอดขายของผู้ค้าในแต่ละวันมีไม่มาก
โดยในแต่ละตลาด มีประชาชนมาซื้อ 1-2 ราย/วัน แต่ละรายซื้อ 1-2 ก.ก. วันแรกๆ มีคนสนใจเข้ามาสอบถามวันละ 3-4 ราย/แผง ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็น และทดลองชั่งไข่ แต่ไม่ซื้อ ซึ่งจากการประเมินปัญหาพบว่า ประชาชนไม่ให้ความสนใจ เพราะยุ่งยาก เสียเวลา ขณะที่ผู้ค้า ก็ไม่เห็นด้วย เพราะมีปัญหาทำให้ไข่แตกเสียหาย และคิดราคายาก
" ต้องรอให้ครบ 3 เดือนก่อนสรุปให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ โดยจะแนะนำว่าควรจะยกเลิกการจำหน่ายไข่ไก่เป็นกิโลกรัมหรือไม่ "
นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ และโฆกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตันจากต่างประเทศ เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนและราคาแพงในประเทศว่า ขณะนี้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองราคากับบริษัทผู้ขายจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 44-45 บาท ขณะที่การนำเข้า 30,000 ตันในครั้งก่อนอยู่ที่ก.ก.ละ 39.57 บาทเท่านั้น
“ตอนนำเข้าครั้งก่อน เราโค้ดราคาเงินบาทที่ประมาณ 30 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่วันนี้ เงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ที่กว่า 31 บาท/เหรียญสหรัฐแล้ว ทำให้ราคานำเข้าอาจสูงกว่าครั้งก่อนมาก และเมื่อนำมาผลิตเป็นน้ำมันปาล์มบรรจุขวด กระทรวงพาณิชย์จะพยายามบริหารจัดการให้ขายได้ที่ขวดละ 47 บาทตามราคาควบคุม แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นมาก” นายฉัตรชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการกลุ่มโรงกลั่น ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์น เทรด) มาหารือ เพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มบริโภคในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ และไม่ขายเกินราคาควบคุมอีกครั้ง
สำหรับน้ำมันปาล์ม 120,000 ตันที่จะนำเข้า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตาม ควบคุม กำกับดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มพืชเพื่อการบริโภค ที่มีนายชาญชัย สิงโตโรจน์ ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาจัดสรรให้ภาคอุตสาหกรรม 20,000 ตัน เช่น ผู้ผลิตนมข้นหวาน สบู่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่แปรรูป กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) 10,000 ตัน ส่วนที่เหลืออีก 90,000 ตัน จัดสรรให้กับภาคครัวเรือน โดยต้องเร่งนำเข้าล็อตแรก ประมาณ 50,000 ตันก่อนวันที่ 20 ก.พ.นี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยนำเข้า เพื่อไม่ให้กระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศ
ส่วนกรณีที่มีการร้องเรียนว่าผู้ค้าบางราย โดยเฉพาะร้านโชห่วย ขายน้ำมันปาล์มฝาจุกสีฟ้าสูงถึงขวดละ 65-70 บาท ทั้งที่ซื้อมาขวดละ 47 บาทนั้น นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายแล้ว โดยก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว ก็ได้มีการสั่งปรับผู้ค้าที่มีพฤติกรรมแบบนี้ไปแล้วหลายราย
รายงานข่าว แจ้งว่า หากการนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตที่สอง จำนวน 120,000 ตัน มีราคาสูงถึง 44-45 บาทต่อกก.จริง เท่ากับว่าต้นทุนที่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งค่าขนส่ง ค่าระวางเรือ ค่าบรรจุขวด และค่าบริหารจัดการอื่นๆ ก็เกือบจะใกล้กับราคาควบคุมที่ 47 บาทแล้ว ทำให้มีแนวโน้มว่าราคาจำหน่ายอาจจะต้องมีการปรับขึ้น เพราะหากให้ขายราคาเดิม 47 บาทคงไม่มีผู้ผลิตรายใดยอมรับไปทำ
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ผลิตอีกหลายรายได้เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่า อาจต้องมีการปรับขึ้นราคาขายปลีกอีก หากต้นทุนยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้ากระทรวงพาณิชย์ไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา สถานการณ์ขาดแคลนและมีราคาแพง ก็จะยังมีต่อไป
อนึ่ง ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคโซนบางบัวทองว่า ขณะนี้น้ำมันพืชตามท้องตลาดขาดแคลน โดยพ่อค้าแม่ค้าจะระบุว่าของไม่มี มีแต่ที่บรรจุอยู่ในถุงเท่านั้น ขณะที่ราคาจำหน่ายน้ำมันพืชขวดกลางขายอยู่ที่ 40 บาท เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การประเมินผลโครงการจำหน่ายไข่ไก่เป็นกก. หลังจากที่เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-9 ก.พ.2554 จากจำนวนตลาดสดที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เช่น ตลาดสดสีฟ้า ตลาดสดดีเด่น และตลาดสดในความดูแลของกรุงเทพฯจำนวน 30 ตลาดนั้น พบว่ามีประชาชนให้ความสนใจน้อยมาก และยอดขายของผู้ค้าในแต่ละวันมีไม่มาก
โดยในแต่ละตลาด มีประชาชนมาซื้อ 1-2 ราย/วัน แต่ละรายซื้อ 1-2 ก.ก. วันแรกๆ มีคนสนใจเข้ามาสอบถามวันละ 3-4 ราย/แผง ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็น และทดลองชั่งไข่ แต่ไม่ซื้อ ซึ่งจากการประเมินปัญหาพบว่า ประชาชนไม่ให้ความสนใจ เพราะยุ่งยาก เสียเวลา ขณะที่ผู้ค้า ก็ไม่เห็นด้วย เพราะมีปัญหาทำให้ไข่แตกเสียหาย และคิดราคายาก
" ต้องรอให้ครบ 3 เดือนก่อนสรุปให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ โดยจะแนะนำว่าควรจะยกเลิกการจำหน่ายไข่ไก่เป็นกิโลกรัมหรือไม่ "
