กระบี่ -ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จี้ภาครัฐทบทวนการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธ์จากต่างประเทศ 120,000 ตัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาผลปาล์มออกมาก และราคาปาล์มสดเริ่มร่วม จากกิโลกรัมละ12 ลดลงลงมา อยู่ที่ 6.50 บาท เกษตรกรรายย่อยเดือดร้อน ขณะที่ผลปาล์มเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 70% คาดเดือนมีนาคมนี้ผลผลิตจะออกมามากขึ้น
นายวิศาล จันทร์ทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ มีมตินำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ อีกจำนวน 120,000 ตัน ว่า มีผลทางจิตวิทยาต่อผู้ประกอบการทันที เพราะขณะนี้ราคาผลปาล์มสดร่วงลงมาจาก กิโลกรัมละ 12 บาท เหลือ 6.50 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงมาเกือบครึ่ง บางโรงงานก็เหลือ 6 บาท ต่อกก. ภายหลังมีข่าวออกมาว่าจะมีการนำเข้าอีก1.2 แสนตัน ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่ผลปาล์มดิบในฤดูกาลใหม่เริ่มออกมา ซึ่งตอนนี้โรงงานของชุมนุมสหกรณ์ฯมีผลปาล์มเข้าโรงงานเพิ่มขึ้นจากวันละ 300 ตัน เป็น 1,000 ตันต่อวัน เท่ากับมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมา 70%
นายวิศาล กล่าวอีกว่า นอกจากการจะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มในปริมาณมากแล้ว การที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายควบคุมราคาน้ำมันบริโภคอยู่ที่ 47 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบต้องลดราคาซื้อลงมาด้วย ซึ่งเป็นการมองเพียงด้านการบริโภคเพียงด้านเดียวไม่มองถึงผู้ผลิต ซึ่งในประเทศมีอยู่ประมาณ 80% เป็นเกษตรกรรายย่อยปลูกปาล์มน้ำมัน รวม 3-4 ล้านไร่
“ภาครัฐควรทบทวนการนำเข้าน้ำมันปาล์มจำนวน 1.2 แสนตัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่ เพราะรัฐบาลก็รู้ดีว่าเรามีน้ำมันปาล์มในปีหนึ่งจำนวนกี่ตัน ควรที่จะวางแผนว่าจะแบ่งไปใช้บริโภคจำนวนเท่าไหร่ และแบ่งไปใช้ผลิตพลังงานทดแทนจำนวนเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ และนำเข้าช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการนำเข้าอีก1.2 แสนตันในช่วงเวลานี้ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรที่จะทบทวนใหม่เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตออกมามาก โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมนี้”
นายไพศาล โรจน์สราญรมย์ เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ปาล์มออกลูกมาน้อยในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาปุ๋ยแพง เกษตรกรจึงลดการใส่ปุ๋ย และนอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องภาวะของอากาศที่ฝนหยุดตกทิ้งช่วงนาน ทำให้ปาล์มออกลูกช้า แต่ขณะนี้ปาล์มเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาที่เคยสูงถึงกิโลกรัมละ 12 บาท ลดลงมาเหลือ 6 บาท ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด
นายวิศาล จันทร์ทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ มีมตินำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ อีกจำนวน 120,000 ตัน ว่า มีผลทางจิตวิทยาต่อผู้ประกอบการทันที เพราะขณะนี้ราคาผลปาล์มสดร่วงลงมาจาก กิโลกรัมละ 12 บาท เหลือ 6.50 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงมาเกือบครึ่ง บางโรงงานก็เหลือ 6 บาท ต่อกก. ภายหลังมีข่าวออกมาว่าจะมีการนำเข้าอีก1.2 แสนตัน ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่ผลปาล์มดิบในฤดูกาลใหม่เริ่มออกมา ซึ่งตอนนี้โรงงานของชุมนุมสหกรณ์ฯมีผลปาล์มเข้าโรงงานเพิ่มขึ้นจากวันละ 300 ตัน เป็น 1,000 ตันต่อวัน เท่ากับมีผลผลิตเพิ่มขึ้นมา 70%
นายวิศาล กล่าวอีกว่า นอกจากการจะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มในปริมาณมากแล้ว การที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายควบคุมราคาน้ำมันบริโภคอยู่ที่ 47 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบต้องลดราคาซื้อลงมาด้วย ซึ่งเป็นการมองเพียงด้านการบริโภคเพียงด้านเดียวไม่มองถึงผู้ผลิต ซึ่งในประเทศมีอยู่ประมาณ 80% เป็นเกษตรกรรายย่อยปลูกปาล์มน้ำมัน รวม 3-4 ล้านไร่
“ภาครัฐควรทบทวนการนำเข้าน้ำมันปาล์มจำนวน 1.2 แสนตัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่ เพราะรัฐบาลก็รู้ดีว่าเรามีน้ำมันปาล์มในปีหนึ่งจำนวนกี่ตัน ควรที่จะวางแผนว่าจะแบ่งไปใช้บริโภคจำนวนเท่าไหร่ และแบ่งไปใช้ผลิตพลังงานทดแทนจำนวนเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ และนำเข้าช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการนำเข้าอีก1.2 แสนตันในช่วงเวลานี้ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรที่จะทบทวนใหม่เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตออกมามาก โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมนี้”
นายไพศาล โรจน์สราญรมย์ เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ปาล์มออกลูกมาน้อยในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากราคาปุ๋ยแพง เกษตรกรจึงลดการใส่ปุ๋ย และนอกจากนี้ยังมีปัจจัยในเรื่องภาวะของอากาศที่ฝนหยุดตกทิ้งช่วงนาน ทำให้ปาล์มออกลูกช้า แต่ขณะนี้ปาล์มเริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาที่เคยสูงถึงกิโลกรัมละ 12 บาท ลดลงมาเหลือ 6 บาท ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด
