ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่รู้ว่าไปเข้าทางใครหรือไม่ ภายหลัง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง หรือที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งให้ เป็น “รองฝ่ายความง่อนแง่น” ออกมาเปิดเผยในฐานประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ว่า
“ให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์เพิ่มเติม อีก 1.2 แสนตัน”
มติที่ประชุม ระบุว่าเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยกำหนดให้กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้บริหารการนำเข้าทั้งหมด และกำหนดระยะเวลานำเข้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.นี้
“รองนายกฯฝ่ายความง่อนแง่น” มั่นใจว่า กระทรวงพาณิชย์ โดย “พรทิวา นาคาศัย” จะสามารถบริหารจัดการให้ปริมาณนำเข้าน้ำมันปาล์มทั้งหมดให้กับผู้บริโภค ผู้ประกอบการทุกฝ่าย อย่างเป็นธรรม
ขณะที่ “รองนายกฯฝ่ายความง่อนแง่น” จะติดตามสถานการณ์ทุกๆ 15 วัน ไม่ให้เกิดปัญหาต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ “จะทันกับผลผลิตใหม่ที่จะออกมาในปลายเดือน มี.ค.นี้อย่างแน่นอน”
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.54 “รองสุเทพ” ก็ไฟเขียว นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งสำเร็จรูปจำนวน 30,000 ตัน เพื่อมาเป็น “น้ำมันปาล์มบรรจุขวด” โดยให้นำเข้าให้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา
นำเข้าไปแล้ว 3 หมื่นตัน แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้น กลายเป็นว่ายังมีปัญหาไปตกกับผู้บริโภคน้ำมันปาล์มขวดโดยตรง
ถามว่าการเปิดไฟเขียวนำเข้าเพิ่มอีก 1.2 แสนตัน จะเป็นการขอครั้งสุดท้ายหรือไม่ ตอบให้เลยว่า ไม่ เพราะในมติที่ประชุม ออกมาว่า “ถ้าไม่พอก็ให้ กรมการค้าภายใน เสนอนำเข้ามาอีก
ถามว่า การขออนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์ม เป็นแค่ปลายทางหรือไม่
เขาสงสัยกันว่า ที่ “ วัชรี วิมุกตายนนท์” อธิบดีกรมการค้าภายใน ออกมาประกาศปาว ๆ ว่า “เนื่องจากสต็อกน้ำมันปาล์มลดต่ำลงผิดปกติมาก ปัจจุบันเหลือสต็อกน้ำมันปาล์มเพียงแค่ 50,000 ตันต่อเดือน จากระดับปกติที่ควรจะมี ถึง 1.2-1.5 แสนตัน ”
เอาละนำเข้าก็ถือว่า เป็นการมาช่วยเหลือกัน แทนที่จะไม่ทำอะไรเลย แต่ท่านไม่สงสัยหรือว่า “สต็อกน้ำมันปาล์มขวด” นั้นหายไปได้ยังไง หายไปไหน
แม้ท่านอธิบดี จะระบุว่า น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ที่นำเข้ามาบรรจุขวดนั้น สามารถขายได้ในขวดละ 47 บาท ตามเพดานที่ควบคุม แต่น้ำมันปาล์มบรรจุขวด ที่ตั้งอยู่บนชั้นวางสินค้าตามห้างใหญ่ ๆ หรือตามดิสเคาน์สโตร์ กลับหายไป ไม่ใช่แค่ 1-2 วันหรือ 1-2 สัปดาห์ แต่นี้หายไปแล้วกว่า 1 -2 เดือน
ราคาที่รัฐบาลอนุมัติให้ปรับขายปลีกขวดละ 9 บาท เป็น 47 บาท “ กลับว่างเปล่า” ชาวบ้านเขาฝากถาม “กรมการค้าภายใน” ว่า ทำอะไรกันอยู่
ตาม “ตลาดสด” มีการจำหน่ายถึงขวดละ 50-58 บาท ทะลุถึงขวดละ 60 บาท บางแห่ง ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ จำกัดปริมาณซื้อไม่เกินครอบครัวละ 1-3 ขวด บางห้างขายน้ำมันให้ลูกค้าคนละ 1 ขวด เป็นขวดครึ่งลิตร สำหรับน้ำมันปาล์ม มีน้ำมันเมล็ดทานตะวัน ขวดละเกือบร้อย ขายให้ครอบครัวละขวด “น้ำมันข้าวโพด ขวดละร้อยกว่าบาท” “น้ำมันดอกทานตะวันสุดไฮโซ ขวดละสองร้อย” โอ้พระเจ้า !
ปัญหานี้หลายครอบครัว แก้ปัญหากรณีถ้าไม่พอ “ก็ต้องไปซื้อทุกวัน หรือไม่ก็วนซื้อ จ่ายขวดละบิล ใครขยันๆ ก็วนซื้อหลายรอบหน่อย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้บางครอบครัวไม่ได้น้ำมันไป “เพราะหมดซะแล้ว”
บางห้างติดป้ายว่า “รัฐบาลควบคุมราคาน้ำมันพืช ไม่ให้ขายเกินราคาที่กำหนด”
ปัญหาบางคน บอกว่า ผู้ผลิตไม่สามารถจำหน่ายราคานั้นได้ เนื่องจากต่ำกว่าต้นทุนถึง 15 บาท จึงไม่ผลิตขนาดขวดลิตรออกสู่ท้องตลาด กลายเป็นว่า มีเงินก็ซื้อไม่ได้
“ร้านค้าย่อย” หลายแห่งไม่มีสินค้าจำหน่าย ส่วนที่ขายแพง ก็อ้างว่า ต้นทุนที่รับจากร้านขายส่ง ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สูงมากถึงขวดละ 48-50 บาท ขณะที่ กล่อง 18 ลิตร คล้ายๆ ปี๊บ แต่เป็นถุงๆ ละ 18 ลิตร อยู่ในกล่องอีกที เบ็ดเสร็จ ก็ราคา 1,070 บาท ต่อปี๊บ
แม้ “กรมการค้าภายใน” ได้ออกแบบ แผนปฏิบัติการกับน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ 30,000 ตันแรก ด้วยการสั่งให้มีการผลิต “ฝาขวดน้ำมันเป็นสีฟ้า” หวังแก้ปัญหาเพื่อแยกออกจากน้ำมันปาล์มขวดปกติ ให้สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นน้ำมันปาล์มที่นำเข้ามาขาย โดยกระจายไปยังห้างค้าปลีก 60 % ตลาดสด และสำนักงานค้าภายในจังหวัด 40 % ส่วนแบบถุง จะจำหน่ายที่ห้างแม็คโคร แห่งเดียวเท่านั้น
จะเอาเหตุผลที่อ้างว่า “ซัพพลายผลปาล์มสด ออกสู่ตลาดน้อยลง” ทำให้สต็อกน้ำมันปาล์มที่ขาดหายไปราว 50,000 ตัน ก็คงไม่ใช่แล้ว น้ำมั้นปาล์มดิบ กับน้ำมันปาล์มบรรจุขวด มันคนละอย่าง เขาสงสัยกันว่า สต็อกน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หายไปไหน
กลายเป็นว่า มีปัญหา “กักตุน” เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ บอกได้แต่ว่า คนที่เขากักตุน เขาก็ไม่คิดที่จะนำ “น้ำมันปาล์มขวด” ไปวางขายในห้างในราคา ตั้งแต่ประกาศคุมราคาที่ 37 บาท แม้จะขึ้นอีก 9 บาท บอกได้เลย่วา “ไม่มีทางได้เห็น”
แต่อีกด้าน “ตลาดนัด” กลับมีขายเป็นลัง เป็นถัง ตั้งแต่ขวดละ 60 บาทขึ้นไป
เป้าหมายของ “น้ำมันปาล์มขวด” จึงกลายไปตกที่ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านโชว์ห่วย
ถามว่า “กรมการค้าภายใน” เคยไปตรวจนับ ตรวจดูราคา “ตลาดสด ตลาดนัด ร้านโชว์ห่วย” หรือไม่ แต่ถ้าเอา “น้ำมันฝาขวดสีฟ้า” มาเป็นตัวตั้งใหม่ ก็ดูว่าจะไม่สายจนเกินไป
หวังว่า ต่อไปนี้ ภาพรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรืออธิบดี ไปเดินห้างขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี คาร์ฟูร์ โลตัส ฟู้ดแลนด์ ท๊อปส์ ฯลฯ ก็คงจะน้อยลง ด้วยการรีบเข้าไปตรวจสอบน้ำมันบรรจุขวดที่ “ตลาดสด ตลาดนัด ร้านโชว์ห่วย” แทน และให้ “พี่มาร์ค” ไปเดินซื้อน้ำมันปาล์ม ด้วยก็น่าจะดี
อย่าทำให้คนเขาสงสัยว่า หลายปีที่ผ่านมา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว ราคาจะแพงกว่านำมันปาล์ม มาปีนี้ ทำไมน้ำมันปาล์มถึงแพงกว่า ทำให้น้ำมันพืชอย่างอื่นขายดีกว่า เพราะราคาถูกกว่า จนขาดตลาด หรือพ่อค้ากักตุน
เดี๋ยว! จะกลายเป็นว่า “รองฝ่ายความง่อนแง่น” ท่านเอาอกเอาใจ โรงงานน้ำมันปาล์มมากเป็นพิเศษ ด้วยการสั่งนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 1.2 แสนตัว เพราะแหล่งปลูกปาล์มน้ำมันส่วนใหญ่ อยู่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เกือบทั้งหมด พาลทำให้ไปคิดว่าเขา ช่วยฐานเสียงเขารึเปล่านะ
ต่อไปเดี๋ยวเขาจะประชด “สั่งผัดกระเพราได้ครอบครัวละ 1 จาน” เนื่องจากน้ำมันพืชหมด !!