ตรัง - นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง ค้านนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 1.2 แสนตัน ในล็อต 2 หวั่นเกรงจะเกิดผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะจะทำให้ราคาที่เคยสดใสลดลงฮวบฮาบ
วันนี้ (3 ก.พ.) นายมานิต วงษ์สุรีรัตน์ นายกสมาคมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง และผู้จัดการ บริษัท ตรังน้ำมันปาล์ม จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ได้มีมติให้ขยายการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มอีก 1.2 แสนตัน ในล็อตที่ 2 ภายในระยะเวลา 2 เดือน หรือภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2554 นั้น ทางสมาคมและผู้ประกอบการเห็นว่า มีปริมาณมากจนเกินไป เพราะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ จะมีผลผลิตปาล์มสดของเกษตรออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาที่ตกต่ำลง
นายมานิต เปิดเผยอีกว่า สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 3 หมื่นตัน ในล็อตแรกนั้น ถือว่าสามารถช่วยเหลือภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันปาล์มได้ในระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากผลผลิตปาล์มสดยังคงลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่ทางรัฐบาลจะต้องนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติม ในล็อตที่ 2 เพียงแต่มีปริมาณที่มากจนเกินไป และอาจจะทำให้เกิดผลกระทบขึ้นมาได้ ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันก็คือ 5 หมื่นตัน และน่าจะเพียงต่อความต้องการใช้บริโภคของประชาชน
ทั้งนี้ การที่ราคาปาล์มสดในปัจจุบันมีราคาขยับตัวสูงขึ้นมาก จากเดิมอยู่ที่กิโลกรัมละ 4-5 บาท มาเป็นกิโลกรัมละ 11-12 บาทนั้น เป็นเพราะขณะนี้มีความต้องการนำไปใช้เพื่อผลิตเป็นพลังงานทดแทน ขณะที่การนำไปใช้เพื่อการบริโภคก็มีไม่เพียงพอ แต่กลับมีปาล์มสดออกมาน้อยจนทำให้มีน้ำมันปาล์มในตลาดลดลงไปประมาณ 3-4 แสนตัน ซึ่งหากมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเข้ามาถึง 1.2 แสนตัน ก็จะทำให้ราคาปาล์มสดลดลงอย่างฮวบฮาบโดยทันที และน่าจะเหลืออยู่ที่กิโลกรัมละ 7-8 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตก็ยังมีโอกาสที่ปาล์มสด จะกลับมาพุ่งสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละกว่า 11-12 บาทได้อีกครั้ง หากรัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมให้นำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน และปาล์มสดเกิดปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง และภัยน้ำท่วม อย่างรุนแรงเหมือนในปี 2553
แต่คาดว่าหลังจากเดือนมีนาคมนี้ผ่านพ้นไปแล้ว ปาล์มสดก็น่าจะมีผลผลิตออกมาเยอะตามปกติ และปริมาณน้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ภายในประเทศก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ โดยไม่เกิดภาวะขาดแคลนที่รุนแรง หรือมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมากอีก