รองนายกฯ วางฟอร์มขึงขัง สั่ง พณ.ดำเนินคดีผู้กักตุนน้ำมันปาล์ม พร้อมขู่หากยังปล่อยให้มีการกักตุน ต้องโทษฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ยอมรับ หนักใจปัญหาราคาสินค้าพุ่ง ยันเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้านนายก ส.โรงกลั่น เชื่อนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน ไม่กระทบเกษตรกร รมว.พาณิชย์ เผย กระจายน้ำมันปาล์มนำเข้า 3 หมื่นตัน ให้ผู้บริโภค เรียบร้อยแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด เป็นผลมาจากการการที่ผลผลิตกับความต้องการของผู้บริโภคไม่สมดุลกัน โดยล่าสุดวานนี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ มีมติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มเพิ่มอีก 1.2 แสนตัน
ส่วนการควบคุมราคานั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ หากไม่ดำเนินการกับผู้กักตุนน้ำมันปาล์ม ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแส ขอให้แจ้งมาที่ตนเองได้
“เรื่องราคาจำหน่าย เป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้ดูแลควบคุมตามความเป็นจริงและความเหมาะสม ซึ่งหากมีการกักตุนสินค้าก็ต้องดำเนินคดี ทั้งนี้ ถ้ากระทรวงพาณิชย์ไปเจอปัญหาแล้วไม่ดำเนินคดี ก็ต้องถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าประชาชนมีเบาะแสแจ้งมาที่ตนได้ รัฐบาลพร้อมเข้าไปดูแล”
สำหรับเหตุผลที่ต้องนำเข้าสูงถึง 1.2 แสนตันนั้น เป็นเพราะว่าขณะนี้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภค ซึ่งเราคาดการณ์ว่า ผลผลิตจะต้องดีกว่านี้ ซึ่งในเดือนมกราคม 2554 ที่ผ่านมา นำเข้ามา 3 หมื่นตัน แต่ไม่เพียงพอและคลี่คลายสถานการณ์ได้ จึงอนุญาตให้นำเข้าเพิ่มเติม
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา คณะกรรมการน้ำมันปาล์มแห่งชาติได้หารือกันอย่างรอบคอบ และมีทุกฝ่ายเข้าร่วมหารือและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายสุเทพ กล่าวเสริมว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล พยายามดูแลให้ประชาชนบริโภคสินค้าด้วยความเป็นธรรม และพยายามไม่ให้ราคาสินค้าจำเป็นในการบริโภคราคาสูงเกินไป
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า การที่สินค้าบริโภคราคาแพงขึ้นจะกระทบต่อการดำเนินงานตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องพิจารณาแก้ไขปัญหา และยืนยันว่านายกฯกังวลใจเรื่องปัญหาราคาสินค้า และพยายามแก้ไขปัญหาตลอดเวลา
ด้าน นายอัสนี มาลัมพุช นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เห็นด้วยกับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมีมตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์อีก 120,000 ตัน เพราะเชื่อว่า สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในภาคการบริโภคและภาคอุตสาหกรรมได้
นอกจากนี้ ยังทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศปรับตัวลดลงจากปัจจุบันกิโลกรัมละ 70 บาท เมื่อเทียบกับราคาในต่างประเทศที่กิโลกรัมละประมาณ 40 บาท ทั้งที่ปกติแล้วราคาของไทยจะสูงกว่าต่างประเทศเพียง 1-2 บาท แต่การนำเข้าครั้งนี้ ไม่ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขนาดบรรจุ 1 ลิตร ปรับตัวลดลง เพราะว่าต้นทุนขณะนี้ยังอยู่ระดับสูง
นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม เชื่อว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะกว่าผลผลิตของเกษตรกรจะออกจะเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม และยังเป็นการทยอยนำเข้า
ด้าน นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กระจายน้ำมันปาล์ม ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติมีมติให้นำเข้าจำนวน 30,000 ตัน ให้กับสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม และนำไปจัดสรรให้สมาชิกตามสัดส่วนการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจำนวน 10 ราย ผู้ผลิตสามารถนำไปผลิตเป็นน้ำมันพืชปาล์มได้ประมาณ 23,000,000 ลิตร ซึ่งกรมการค้าภายในได้ดำเนินการกระจายให้ถึงมือผู้บริโภคในราคาขวดลิตรละ 47 บาท และราคาถุงลิตรละ 45 บาท
โดยน้ำมันล็อตนี้จะมีฝาจุกที่ขวดและป้ายราคาบนถุงจะเป็นสีฟ้า ซึ่งทำการกระจายผ่านห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่รายใหญ่ จำนวน 5 ราย ได้แก่ ห้างเทสโก้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ แม็คโคร และ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต รวมจำนวน 13,750,000 ลิตร หรือร้อยละ 60 กระจายผ่านตลาดสดสีฟ้า ตลาดสดดีเด่น และตลาดกลาง รวม 1,000,000 ลิตร และให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดทุกจังหวัด กระจายให้แก่ร้านค้าปลีกท้องถิ่น ร้านอาหารมิตรธงฟ้า และผู้บริโภคโดยตรง รวม 2,250,000 ลิตร หรือร้อยละ 14 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 25 กระจายผ่านยี่ปั๊วและซาปั๊ว
สำหรับการผลิตและการจำหน่ายน้ำมันปาล์มนำเข้าจนถึงปัจจุบัน (2 ก.พ.) ปริมาณการผลิตถึงปัจจุบันรวม 800,000 ขวด จะเริ่มผลิตได้เต็มที่ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 ปริมาณการจำหน่าย ปัจจุบันจำหน่ายให้ห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ 5 ราย จำนาน 650,000 ขวด ยี่ปั๊ว/ซาปั๊ว จำนวน 150,000 ขวด
