xs
xsm
sm
md
lg

จีนสร้างชาติด้วยการสร้างพรรค สิงคโปร์สร้างชาติด้วยการสร้างทีม ไทยจะสร้างชาติด้วยอะไร? (4)

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างยิ่งก็คือ เรื่องการสร้างพรรคฯ ให้เข้มแข็งถูกต้อง กระทั่งสามารถนำประชาชนจีนปลดปล่อยประเทศชาติและสร้างชาติได้อย่างแท้จริง

ปัจจุบัน พรรคฯ นี้ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงทั้งในหมู่ชาวจีนและชาวโลกโดยรวม ยิ่งกว่าความเป็นพรรคการเมืองธรรมดา

ทั้งนี้เพราะพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน มีสถานภาพของการเป็นองค์อำนาจกำหนดมากยิ่งกว่าพรรคการเมืองในความหมายทั่วไป

ในภาพรวม พวกเขาเป็นที่มาขององค์อำนาจกำหนดในรูปของกลไกรัฐสำคัญๆในทุกๆ ด้านของประเทศจีน เช่น กองทัพปลดแอกประชาชน สภาผู้แทนประชาชน และสภาการปรึกษาการเมืองประชาชน เป็นต้น

อีกนัยหนึ่ง กลไกอำนาจรัฐในระบอบสังคมนิยม ล้วนแต่เกิดขึ้นจากความริเริ่มและอยู่ภายใต้การกำกับของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ตามแนวคิดทฤษฎีที่เป็นของพวกเขาเอง

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน จึงเป็นที่มาของระบบกลไกต่างๆ ที่ประกอบกันเข้าเป็นโครงสร้างหลักของสังคมจีนในปัจจุบันนี้

คำกล่าวที่ว่า “หากไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็จะไม่มีประเทศจีนใหม่” ได้สะท้อนความจริงทางประวัติศาสตร์ข้อนี้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ การสร้างพรรคให้เข้มแข็ง ถูกต้อง พวกเขาทำได้อย่างไร จึงเป็น “โจทย์” อันยิ่งใหญ่ที่พวกเรา ผู้คิดหาทางสร้างชาติไทยใหม่ให้ยิ่งใหญ่ตามเหตุปัจจัยแห่งยุคสมัย จำเป็นต้อง “ตีให้แตก”

โดยหลักการที่สามารถสรุปได้ในวันนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เป็นพรรคลัทธิมาร์กซ์ มีอุดมการณ์สูงสุดที่ปลดปล่อยมวลมนุษยชาติให้พ้นจากความทุกข์ยาก อันเกิดจากความไม่รู้และจากการกดขี่ขูดรีดระหว่างมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ทุกผู้ทุกนามมีอิสระเสรีภาพในการพัฒนาชีวิตของตนเองในทุกๆ ด้าน พวกเขายึดมั่นในหลักวิธีของการเข้าถึงความจริงด้วยการปฏิบัติ ถือเอาการปฏิบัติเป็นจุดเริ่มต้นของการรับรู้ที่จะนำไปสู่การเกิดขึ้นของปัญญาที่สามารถกำหนดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหารูปธรรมต่างๆ ที่เผชิญหน้าอยู่ในทุกๆ ด้าน

ทิศทางการสร้างพรรคของพวกเขาจึงต้องมุ่งสู่การปลูกฝังอุดมการณ์และพัฒนาทักษะการเข้าถึงความจริงในท่ามกลางการเคลื่อนไหวปฏิบัติ ให้แก่มวลสมาชิกพรรคอย่างไม่หยุดหย่อน

อย่างไรก็ดี ในการสร้างพรรคที่เป็นจริง ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน ต้องประสบกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมาย แทบจะในทันทีที่ประกาศก่อตั้งพรรค โดยปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มีสาเหตุทั้งจากภายนอกและจากภายในพรรค

สาเหตุภายนอก หลักๆ ก็คือการคุกคามของอำนาจปกครองทั้งของรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งภายใต้การนำของเจียงไคเช็คและของกลุ่มอำนาจท้องถิ่น ซึ่งมักจะมีอำนาจอิทธิพลของมหาอำนาจต่างชาติเข้ามาผสมโรงด้วย

การปราบปรามทำลายขุมข่ายกำลังของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กระจัดกระจายกันอยู่ในเมือง มีปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ บังคับให้พรรคฯ จีนต้องย้ายฐานไปสู่ชนบท ดำเนินยุทธศาสตร์สร้างฐานที่มั่นในชนบท ก่อตั้งกองทัพแดง เคลื่อนไหวชาวนา ล้มล้างอำนาจอิทธิพลเจ้าที่ดิน ปฏิรูปที่ดิน พัฒนาการผลิต เสริมสร้างอำนาจรัฐของประชาชน รวมพลังกันต่อต้านการล้อมปราบของรัฐบาลเจียงไคเช็ค ประสานไปกับการขยายงานจัดตั้ง และการเคลื่อนไหวต่อสู้ของกรรมกร นักเรียนนักศึกษาในเมือง ทำการเรียกร้องความเป็นธรรมและสิทธิประชาธิปไตย รวมไปถึงการปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติโดยรวม ในทันทีที่มีการกระทำย่ำยีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนจีน ในที่สุด ได้ยกระดับการเคลื่อนไหวปฏิวัติไปสู่ทั่วทุกภาคของประเทศจีน (นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927)

สาเหตุภายในหลักๆ ก็คือการนำที่ผิดพลาด

พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนก่อตั้งขึ้นจากการชี้นำขององค์การคอมมิวนิสต์สากลที่กรุงมอสโก มีผู้แทนประจำอยู่ในพรรคจีนตั้งแต่เริ่มต้น คอยให้คำแนะนำทางด้านยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวปฏิวัติ รวมทั้งสนับสนุนบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักการขององค์การฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำพรรค

ก่อนที่เหมาเจ๋อตงจะได้รับการยอมรับเป็นผู้นำทางความคิดในคณะกรรมการ “กรมการเมือง” อันเป็นองค์กรแกนนำสูงสุดของพรรคในปี ค.ศ. 1935 การนำของพรรคจีนตกอยู่ใต้อิทธิพลทางความคิดขององค์การคอมมิวนิสต์สากลมาโดยตลอด นั่นคือ การถือเอาการลุกขึ้นสู้ในเมืองของกรรมกรเป็นหลัก (ตามอย่างการปฏิวัติรัสเซีย) ผู้นำพรรคแต่ละคน ถ้าไม่เอนเอียงไปในทางยึดติดกับตำรา-คำสอนของปรมาจารย์ ก็เอนเอียงไปในทางที่ยึดติดกับประสบการณ์เฉพาะตัว ไม่ยอมรับแนวคิดอื่นๆ

ทั้งสองกรณีนี้ ล้วนติดอยู่ในกรอบของ “ลัทธิอัตวิสัย” กำหนดแนวทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี การเคลื่อนไหวปฏิวัติผิดพลาด ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น