xs
xsm
sm
md
lg

จอมยุทธนอกสายตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม
โดย : พชร สมุทวณิช

เรื่องราวของ “ลี้คิมฮวง” เจ้าของฉายา “ลี้น้อยมีดบิน” ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในนิยายจีนกำลังภายในยอดนิยมตลอดกาล ซีรีส์ตามต่อของเรื่องนี้ เกือบทุกเรื่องได้รับความนิยมด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ “โป้วอังเสาะ” หรือ “เอี๊ยบไค” ถ้าจะมีข้อยกเว้นก็น่าจะเป็นเล่มเดียวที่เป็นเล่มสุดท้ายของซีรีส์ตำนานมีดบิน ก็คือเรื่อง “มีดบินกรีดฟ้า” เรื่องราวของ “ลี้ไฮว” หรือ “ลี้เลวแทบตาย” ผู้เป็นรุ่นหลานของ “ลี้คิมฮวง”

เหตุที่นิยายจีนกำลังภายในเรื่องสุดท้ายปิดตำนานมีดบินของ “ลี้คิมฮวง” ที่มีชื่อว่า “มีดบินกรีดฟ้า” เรื่องนี้ ไม่ได้รับความนิยมจากนักอ่านมากเท่าไรนัก ก็น่าจะเพราะโครงเรื่องที่ไม่ค่อยเข้มแข็งสักเท่าไรนัก รูปแบบการสร้าง “ความขัดแย้งทางอารมณ์” ซึ่ง “โกวเล้ง” ยังยึดถือที่จะสร้างความสะเทือนใจ จากนั้นค่อยนำไปสู่ “การเคลื่อนไหว” โดยไม่เน้นการบรรยายบทบู๊การต่อสู้ ซึ่งกลวิธีแนวทางนี้ “มีดบินไม่พลาดเป้า” เรื่องแรกในตำนานมีดบิน ทำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ

หากแต่ “มีดบินกรีดฟ้า” ยังห่างไกลนักกับ “มีดบินไม่พลาดเป้า” ด้วยเหตุที่โครงเรื่องอ่อนหลวมไม่รัดกุม การสร้างบรรยากาศเพื่อโอบล้อมสร้างความรู้สึกแห่ง “ปม” ของ “ความขัดแย้งทางอารมณ์” ก็ยังขาดน้ำหนักและจังหวะจะโคน ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในเมื่อรูปแบบโครงเรื่องดังกล่าวที่ไม่สนใจองค์ประกอบเรื่องการบรรยายบทบู๊ต่อสู้อีกต่างหาก ไม่แปลกใจที่ “มีดบินกรีดฟ้า” จึงมิอาจสร้างความ “เคลื่อนไหว” เหมือนดังที่ “ลี้คิมฮวง” เคยสร้างความประทับตราตรึงใจกับเราใน “มีดบินไม่พลาดเป้า” ปฐมบทแห่งตำนานมีดบิน

“มีดบินกรีดฟ้า” เรื่องนี้ แต่งภายหลังจาก “มีดบินไม่พลาดเป้า” เป็นเวลาถึง 12 ปี และในห้วงเวลาที่ “โกวเล้ง” เขียน “มีดบินกรีดฟ้า” เป็นช่วงเวลาที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโดนแทงที่ข้อมือจากผู้ร่ำสุราจนขาดสติ จึงเป็นไปได้ยากที่ การบอกเล่าด้วยปากเปล่าให้ผู้อื่นเขียน โดยที่เขาไม่ได้เป็นผู้ตวัดปากกาสร้างตัวอักษรเอง น่าจะมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้งานชิ้นนี้อ่อนด้อยและห่างชั้นจาก “มีดบินไม่พลาดเป้า” มากเหลือเกิน

อย่างไรก็ดี ในความคิดของผม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พฤติกรรมของจอมยุทธบางคนที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง “มีดบินกรีดฟ้า” จึงถูกละเลยก็เพราะเหตุที่นิยายจีนกำลังภายในเรื่อง “มีดบินกรีดฟ้า” ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก

จะว่าไปแล้ว “โกวเล้ง” เป็นนักเขียนที่ใส่ใจที่จะสร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวละครเกือบทุกตัวในนิยายจีนกำลังภายในของเขา แม้จะเป็นเพียงแค่คนขายหมี่เนื้อในตรอกเล็กสงบเงียบก็ล้วนถูกสร้างให้มีบุคลิกน่าสนใจ แม้กระทั่งคนขายหมั่นโถวริมทางในเมืองน้อยก็อาจเป็นผู้มีน้ำใจยิ่งใหญ่ไม่แพ้จอมยุทธ ไม่เว้นแม้แต่นางคณิกาในซ่องเล็กๆ ก็อาจจะมีสีสันพราวแพรวไม่แพ้โกวเนี้ยตระกูลสูงในหอน้อยประดับมุกเป็นม่านหน้าต่าง

สำหรับเรื่องไม่ยอดนิยมของ “โกวเล้ง” อย่าง “มีดบินกรีดฟ้า” ก็มีตัวละครน่าสนใจเช่นที่ผมกล่าวมาข้างต้นเช่นกัน

ผมเรียกคนผู้นี้ว่า “จอมยุทธนอกสายตา”

เป็นอีกหนึ่งที่ผมประทับใจในบุคลิกท่วงท่าและความรู้สึกนึกคิดของจอมยุทธผู้นี้ไม่แพ้ใครไหนๆ

มีสุดยอดนักล่าสังหารในยุทธภพอยู่คนหนึ่งที่ถูกจ้างวานมาฆ่า “ลี้ไฮว” ตัวเอกของเรื่อง “มีดบินกรีดฟ้า” คนผู้นี้มีชื่อว่า “กงซุนไท่ฮูหยิน” หรือ “ท่านผู้หญิงสูงอายุแซ่กงซุน”

“กงซุนไท่ฮูหยิน”
นี้เป็นสุดยอดนักล่าสังหารทำการฆ่าคนมาเป็นเวลายี่สิบสองปี มีผู้ตกตายในเงื้อมมือของ “กงซุนไท่ฮูหยิน” เพียงปีละคน “กงซุนไท่ฮูหยิน” ไม่ฆ่าคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ผู้ที่ตกตายในเงื้อมือของ “กงซุนไท่ฮูหยิน” ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือแห่งยุทธภพ

และคนที่เป็นเป้าหมายในการฆ่าสังหารของ “กงซุนไท่ฮูหยิน” มิอาจไม่ตายในเงื้อมือผู้อื่น

อย่างไรก็ดี “จอมยุทธนอกสายตา” ที่ผมกำลังจะพูดถึง ไม่ใช่ “กงซุนไท่ฮูหยิน”

เรื่องของเรื่องก็คือ “กงซุนไท่ฮูหยิน” เป็น “ฮูหยิน” ของใคร

เป็น “ฮูหยิน” ของชายชราตาบอดผู้สีซออู้ผู้หนึ่ง

นั่นคือ “ผู้เฒ่าแซ่กงซุน” ผู้มีฉายาว่า “กงซุนบ้อเซ่ง”

เป็น “บ้อเซ่ง” ที่แปลว่า “ไม่เคยชนะ”

ไม่เคยชนะในการต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว

ท่านผู้หญิงนักล่าสังหารไม่เคยพ่ายแพ้ แต่สามีของท่านผู้หญิงไม่เคยชนะ นับเป็นคู่สามีภรรยาที่น่าสนใจอะไรเช่นนี้

เรื่องที่น่าสนใจกว่าก็คือ “ไร้ชัยชนะ” ใช่ว่าจะ “ไร้ฝีมือ” แท้จริงแล้ว “ผู้เฒ่าแซ่กงซุน” นั้นมีฝีมือเลิศล้ำกว่า “ท่านผู้หญิงแซ่กงซุน” เสียด้วยซ้ำ

“ลี้ไฮว” แทบเป็นลมตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินว่า “กงซุนบ้อเซ่ง” ไม่เคยได้รับชัยชนะในการต่อสู้มาก่อน

“ลี้ไฮว” กล่าวว่า “ท่านเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อหกสิบปีก่อนมีการจัดอันดับอาวุธโดย “แป๊ะเฮียวเซ็ง” หากตอนนี้มีการจัดอันดับอาวุธ มือของท่านต้องจัดอยู่ในห้าอันดับแรก ไหนเลยท่านจะไม่เคยชนะมาก่อนได้ ให้ข้าพเจ้าตายก็ไม่เชื่อ ต่อให้ตัดศรีษะข้าพเจ้าไปเป็นกระโถนปัสสาวะข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อ”

แต่ “กงซุนบ้อเซ่ง” ไม่เคยชนะในการต่อสู้มาก่อน

นั่นก็เพราะในชีวิตของ “กงซุนบ้อเซ่ง” เพียงเลือกคู่ต่อสู้แค่สี่คน และสี่คนนั้นบังเอิญจัดอยู่ในสี่อันดับแรกของยอดฝีมือแห่งยุทธภพในยุคนั้น

ความพ่ายแพ้นั้น เป็นเรื่องกรัดกร่อนจิตใจทุกผู้คนอย่างยิ่ง เป็นเรื่องปกติที่คนเราหลั่งน้ำตาเมื่อพบกับความพ่ายแพ้ บางครั้งคนเราถึงกับนอนไม่หลับกินไม่ได้หลังการพ่ายแพ้ และการพ่ายแพ้บางครั้งก็ทำให้หมดกำลังใจจนหลายคนต้องล้มลงและไม่อาจลุกยืนขึ้นได้อีก

ในชีวิตคนย่อมหวังที่จะได้ชัยชนะในเรื่องใดๆ บ้าง ชัยชนะนั้นหวานกว่าน้ำตาล หอมกว่าดอกไม้ และยิ่งไล้โลมให้ผู้คนได้เคลิบเคลิ้มยิ่งกว่าการประทับจูบของหญิงคนรัก

แต่ “กงซุนบ้อเซ่ง” เลือกที่จะพ่ายแพ้ เพียงเพราะต้องการประมือกับคู่ต่อสู้ที่คู่ควรให้ลงมือ ส่วนผลแพ้ชนะนั้น ท่านผู้เฒ่าผู้ไม่เคยชนะไม่ใส่ใจ

แพ้แล้วอย่างไร ชนะแล้วอย่างไร

“หากเราไม่พ่ายแพ้ ในโลกนี้จะให้ใครพ่ายแพ้”

“กงซุนผู้ไม่เคยชนะ” กล้าที่จะพ่ายแพ้ และยิ่งกล้าที่จะดำรงอยู่กับความพ่ายแพ้

พ่ายแพ้แต่ไม่ล้มลง นับเป็นคุณค่าที่ควรคารวะด้วยสุราหนึ่งจอก

ผู้ที่ได้ชัยมาโดยง่าย ยังไม่น่าเลื่อมใสเท่าผู้ที่พ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี

กำลังโหลดความคิดเห็น