ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เมื่อเอ่ยชื่อ “พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน” อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และประธานบริษัท เสียงประชาชนไทย ผู้ดำเนินการสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง 13 สยามไทแล้ว ก็จะพบว่า เส้นทางชีวิตของทหารแก่ผู้นี้ไม่ธรรมดา แถมยังเต็มไปด้วยสีสันที่ฉูดฉาดอีกต่างหาก
ความจริง ถ้าจะว่าไปแล้ว ต้องบอกว่า เป็นอดีตนายทหารเรือที่มีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาและพยายามทำตัวไม่ธรรมดามาโดยตลอด
ชื่อของพล.ร.อ.บรรณวิทย์โด่งดังขึ้นมาในสังคมเมื่อเขาออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า มีการใช้อำนาจการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้งนายทหารระดับสูงในกองทัพ มีช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับนายทหารคนอื่น ๆ จนถูกทางกระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงในขณะนั้นสอบวินัย
จากนั้นภายหลังจากที่ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ทำรัฐประหาร ชื่อของเขาก็ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
กล่าวคือการที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ “บิ๊กเปย-พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นและอดีตคมช.คนสำคัญ ทำให้เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญๆ มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.และ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาของ พล.อ.สพรั่งผู้เป็นประธานบอร์ด ซึ่งทั้งสองบริษัทก็ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งการโจษขานถึงการทำหน้าที่ของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์
ทั้งโครงการขยายเลขหมาย 5.6 แสนเลขหมาย โครงการไทยโมบาย โครงการระบบบิลลิ่ง การทำสัญญาบริหารโรงแรมโนโวเทลสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ต ลิ้งค์ เป็นต้น
หากยังจำกันได้ วลีเด็ดที่เชื่อว่า สังคมรวมทั้งตัว พล.ร.อ.บรรณวิทย์น่าจะยังคงไม่ลืมก็คือคำว่า “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”
รวมถึงการทำหนังสือจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไปถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.ให้ตักเตือนการทำหน้าที่ของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์
เช่นเดียวกับการที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป นายทหารเรือผู้ใกล้ชิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็ทำให้สังคมเข้าใจไปว่า เขาเป็นหนึ่งในลูกป๋า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจะแสดงให้เห็นถึงตัวตนของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ได้เป็นอย่างดีก็คือ การให้สัมภาษณ์ของนายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่า “ผมไม่รู้ว่าคนอย่าง พล.ร.อ.บรรณวิทย์มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือปล่า หรือจะหวังสู้แล้วรวย หรือมีการเปลี่ยนสีเสื้อไปแล้ว....อยากถามว่า ทำไมต้องทำตัวเป็นแกะดำในหมู่เพื่อนพันธมิตร ที่ผ่านมามีปัญหากับคนรอบข้างทุกคน ไปถาม พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตคมช. หรือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมดูได้ว่า พล.ร.อ.บรรณวิทย์แท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไร
ดังนั้น การที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์พลิกผันบทบาทตัวเองมาเป็นประธานสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และประธานบริษัท เสียงประชาชนไทย ก็ย่อมมิอาจเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้